วีเอ็มแวร์ชี้ปัจจัยแวดล้อมทั้งการเมืองและเศรษฐกิจไม่ได้ส่งผลต่อยอดขาย เพราะองค์กรต่างๆ ยังต้องเพิ่มความสามารถทางการแข่งขันจึงยังมีการลงทุนอย่างต่อเนื่อง เผยรายได้ทั่วโลกปีที่ผ่านมา 5.2 พันล้านเหรียญ ส่วนเมืองไทยยังเติบโตอย่างต่อเนื่อง เตรียม 3 กลยุทธ์เจาะตลาดเอนเตอร์ไพรส์เอกชนทดแทนรายได้ภาครัฐที่หดตัวลง ผลสำรวจล่าสุดในเมืองไทยพบ 66% รู้สึกว่าทำงานข้างนอกมีประสิทธิภาพดีกว่าออฟฟิศ
นายชวพล จริยาวิโรจน์ ผู้จัดการประจำประเทศไทย และอินโดจีน วีเอ็มแวร์ กล่าวว่า เศรษฐกิจในขณะนี้การลงทุนด้านซอฟต์แวร์ดาต้าเซ็นเตอร์ไม่ได้สะดุดเท่าไร เนื่องจากบริษัทส่วนใหญ่ต้องการเพิ่มความสามารถในการแข่งขัน พร้อมกับการลดต้นทุน เช่นเดียวกับ เอนยูสเซอร์ คอมพิวติ้ง ที่กำลังมีความสำคัญเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ เนื่องจากในช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมามีเหตุการณ์ที่ส่งผลกระทบต่อการทำงานอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นภัยธรรมชาติ หรือปัญหาทางด้านการเมือง
โดยปี 2013 วีเอ็มแวร์มีรายได้ทั่วโลก 5.2 พันล้านเหรียญสหรัฐ ส่งผลให้ในปัจจุบันติดอันดับซอฟต์แวร์อันดับที่ 5 ของโลก มีลูกค้ากว่า 5 แสนราย และมีพาร์ตเนอร์ประมาณ 6 หมื่นราย สำหรับในประเทศไทยวีเอ็มแวร์ยังคงสามารถสร้างรายได้เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และเติบโตเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบไตรมาสต่อไตรมาสของปีนี้กับปีที่ผ่านมา แต่จะมีเพียงตลาดในภาคราชการเท่านั้นที่ชะลอตัวลง แต่ไม่ได้ทำให้รายได้ของวีเอ็มแวร์ลดลง
“ในปีนี้เราจึงได้นำตลาดเอนเตอร์ไพรส์เข้ามาทดแทนกับตลาดภาครัฐเพื่อสร้างการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยคาดว่าภาครัฐจะมีสัดส่วนรายได้ลดลงเหลือ 20% จากเดิมที่มีอยู่ประมาณ 30% วีเอ็มแวร์มองว่าภาพรวมครึ่งปีหลังจากนี้ตลาดยังคงดีอยู่โดยเฉพาะในตลาดเอกชนที่ยังเติบโตอย่างต่อเนื่อง และทำให้รายได้ของบริษัทเติบโตได้เพิ่มขึ้น และที่สำคัญวีเอ็มแวร์ยังสามารถเติบโตได้ดีขึ้นเมื่อเทียบไตรมาสต่อไตรมาสในปีนี้และปีที่ผ่านมา”
นายชวพลกล่าวว่า กลยุทธ์การทำตลาดในปี 2014 จะโฟกัสไปที่ 3 กลยุทธ์หลัก ประกอบด้วย 1. ซอฟต์แวร์ ดีไฟน์ มุ่งเน้นการทำให้ดาต้าเซ็นเตอร์มีประสิทธิภาพมากที่สุด จัดการเซิร์ฟเวอร์เวอร์ชวลไลเซชันและบริหารจัดการแพลตฟอร์มต่างๆ ให้ใช้งานร่วมกันได้ ซึ่งรวมไปถึงการทำเน็ตเวิร์กเวอร์ชวลไลเซชัน
2. ไฮบริดคลาวด์ วีเอ็มแวร์เป็นเวนเดอร์รายเดียวที่เป็นแพลตฟอร์มมาตรฐาน ที่จะช่วยให้ลูกค้าเอนเตอร์ไพรส์ขนาดใหญ่และขนาดกลางสามารถเลือกที่จะใช้ไพรเวตคลาวด์หรือพับลิกคลาวด์ได้ทั้งสองแบบตามความต้องการในขณะนั้น 3. เอ็นยูสเซอร์ คอมพิวติ้ง ทำให้พนักงานสามารถใช้งานดีไวซ์ได้หลากหลาย สามารถทำงานออฟฟิศได้ทุกที่ทุกเวลา โดยวีเอ็มแวร์มีทั้งเดสก์ท็อปโซลูชัน โมบายล์โซลูชัน และมีเครื่องมือในการคอลลาบอเรชันที่จะช่วยให้ข้อมูลที่มีอยู่ที่ไม่จำเป็นต้องติดอยู่ที่ฮาร์ดดิสก์ใดที่หนึ่งและสามารถดึงข้อมูลเหล่านั้นมาใช้ได้ตลอดเวลา
ทั้งนี้ วีเอ็มแวร์ได้ทำการสำรวจพฤติกรรมของพนักงานผ่านงานวิจัย VMware MeConomy 2014 พบว่า กว่า 6 ใน 10 ของผู้ใหญ่วัยทำงานในประเทศไทยรู้สึกว่าบ้านของตนเองหรือโฮมออฟฟิศเป็นสถานที่ทำงานที่ดีที่สุด โดย 66% สามารถทำงานได้ดีกว่าเมื่ออยู่นอกออฟฟิศได้อย่างน้อย 50% ของเวลางาน แสดงให้เห็นว่าพนักงานยุคใหม่ต้องการทำงานได้แม้ไม่ได้อยู่ในออฟฟิศและทำงานได้ทุกเวลาในอุปกรณ์ทุกรูปแบบ
พนักงานที่ตอบแบบสำรวจ 57% คาดหวังว่าองค์กรจะให้การสนับสนุนสภาพแวดล้อมการทำงานแบบโมบายล์ที่สามารถเข้าถึงแอปพลิเคชันที่ต้องการใช้งานบนอุปกรณ์ของพวกเขา 54% ต้องการให้อนุญาตให้พวกเขาใช้อุปกรณ์ของตนเองเพื่อการทำงาน และ 53% ต้องการนโยบายที่ครอบคลุมและยอมรับการทำงานแบบยืดหยุ่น นอกจากนี้ 54% ต้องการการซัปพอร์ตด้านไอทีที่จะเข้าถึงเครือข่ายได้เร็วกว่าเดิม 62% จะมีอุปกรณ์สำหรับช่วยทำงาน และ 51% ต้องการการซัปพอร์ตด้านไอทีจะรวดเร็วหรือเป็นแบบเรียลไทม์
นายชวพลกล่าวว่า จากการสำรวจดังกล่าวแสดงให้เห็นว่าธุรกิจต้องทำการจัดการด้านไอทีให้ยืดหยุ่นและสามารถทำงานจากที่ไหนก็ได้ เพราะองค์กรที่มีความคล่องตัวและพร้อมแข่งขันจะเตรียมให้พนักงานของเขาสามารถทำงานได้พร้อมๆ กับการใช้ชีวิต โดยยกระดับนวัตกรรม ช่วยให้องค์กรรองรับไอทีและผู้ใช้ในยุคโมบายล์คลาวด์ ซึ่งวีเอ็มแวร์ได้มี VMware Horizon 6 โซลูชันแบบครบวงจรที่นำเสนอแอปพลิเคชันและเดสก์ท็อปบนแพลตฟอร์มเดียวเพื่อตอบสนองความต้องการต่างๆ เหล่านี้ได้เป็นอย่างดี
Company Related Link :
VMware
CyberBiz Social
