ภาพ: เฮซัง ฮา (Hyesung Ha) หัวหน้ากลุ่มกลยุทธ์ธุรกิจพรินเตอร์โซลูชั่น ซัมซุง อิเลคทรอนิกส์
ซัมซุงประกาศเบนเข็มธุรกิจ หันจับขุมทรัพย์ใหม่ตลาด B2B (Business 2 Business) คาดปี 2020 รายได้ที่เกิดจากกลุ่ม B2B ของซัมซุงจะขึ้นสูงถึง 21% ที่รายได้ 8.4 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐฯ โดยส่งพรินเตอร์ใหม่ประเดิมตลาดเกาะกระแสคนชอบโมบายพริน มองเอเซียมีศักยภาพเติบโตสูงซึ่งเป็นอีกหนึ่งในแหล่งรายได้ที่จะส่งให้ซัมซุงขึ้นสู่อันดับ 5 แบรนด์แวลลูโลกใน 2020
ปัจจุบันซัมซุงอยู่ในอันดับ 8 แบรนด์แวลลูโลก โดยมีรายได้ในปี 2012 อยู่ที่ 1.89 แสนล้านเหรียญ การก้าวขึ้นอันดับ 5 หมายถึงต้องมีรายได้ถึง 4 แสนล้านเหรียญในปี 2020ซึ่งแน่นอนว่าการเป็นผู้นำในตลาดโทรศัพท์มือถือเพียงอย่างเดียวท่ามกลางการแข่งขันอย่างรุนแรงในปัจจุบันเป็นเรื่องยาก ซัมซุงจึงจำเป็นต้องหารายได้ใหม่ๆจากกลุ่มลูกค้าใหม่ๆเข้ามาเสริม
เมื่อมีเป้าหมายที่ชัดเจนซัมซุง มีการประกาศปรับกลยุทธ์ทางธุรกิจใหม่ในทันทีโดยจะหันมาให้ความสำคัญกับตลาด B2B มากยิ่งขึ้น เป็นเพราะซัมซุงวิเคราะห์ภาพรวมตลาดพบว่าในปี 2020 จะเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างมาก โดยจะมีการเติบโตสูงในภาคธุรกิจ B2B การสร้างรายได้ต่อไปในอนาคตจึงขึ้นอยู่กับตลาด B2B เป็นหลัก จากปี 2012 ที่ผ่านมาซัมซุงมีรายได้จากธุรกิจ B2B ประมาณ6% แต่ในปี 2020 คาดว่าจะมีรายได้ที่มาจากกลุ่มB2B เพิ่มขึ้นเป็น 21% หรือประมาณ 8.4 หมื่นล้านเหรียญ
ที่ผ่านมาซัมซุงเป็นผู้นำในตลาดโทรศัพท์มือถือ แต่การที่จะบุกตลาดB2B อย่างจริงจังด้วยโทรศัพท์มือถือก็คงไม่เหมาะสมนัก พรินเตอร์จึงเป็นโปรดักส์ที่ถูกมองว่าเหมาะสมกว่าในการกรุยทางเข้าตลาด B2B และเมื่อมองไปถึงภาพรวมการทำตลาดพรินเตอร์ของซัมซุงที่ผ่านมาในอตีตก็ไม่ขี้เหล่นัก
'ที่ผ่านมาคนส่วนใหญ่จะพรินงานที่บ้านเป็นหลัก แต่ด้วยความสะดวกสบายด้านโมบิลิตี้ที่สามารถพรินเอกสารผ่านโทรศัพท์มือถือได้ส่งผลให้ตลาดพรินเตอร์ขยายตัวอย่างมากในกลุ่มB2B'
เฮซัง ฮา (Hyesung Ha) หัวหน้ากลุ่มกลยุทธ์ธุรกิจพรินเตอร์โซลูชั่น ซัมซุง อิเลคทรอนิกส์ กล่าวว่า ซัมซุงเป็นเบอร์ 1 ในตลาดเลเซอร์พรินเตอร์ที่เป็นA4 มา3ปีแล้ว และยังคงรักษาความเป็นเบอร์หนึ่งได้อย่างเหนียวแน่นใน เกาหลี ยุโรป โปรตุเกส และไทย และเป็นอันดับ2 เมื่อมองในระดับโลก โดยภูมิภาคเอเซียมีการเติบโตอย่างมากในตลาดพรินเตอร์ที่เป็นA4 เมื่อเทียบสัดส่วนในตลาดพบว่าซัมซุงมีส่วนแบ่งในตลาดประมาณ 31% และเพิ่มขึ้นเป็น 33 % ในปี 2013 ส่วนในปี 2014 คาดว่าจะยังคงรักษาความเป็นอันดับ 1ในตลาดได้อย่างมั่นคงด้วยกลยุทธ์การมีโซลูชั่นที่ตรงกับความต้องการผู้บริโภคและใช้งานง่ายที่สุดบวกกับเซอร์วิสที่ดีเข้าถึงกลุ่มลูกค้าใหม่ๆเป็นกลยุทธ์หลัก ซึ่งนอกจากตลาด A4 ในปีนี้ซัมซุงจะบุกตลาดA3 เพิ่มมากขึ้นด้วยหลังจากเริ่มทดลองตลาดA3 ตั้งแต่เมื่อปลายปีที่ผ่านมา
ในตลาดA3ทั้งภูมิภาคเอเซียมีการเติบโตไม่มากนัก ในปีที่ผ่านมามีการเติบโตประมาณ 2% ในด้านยูนิต ในขณะที่ซัมซุงก็ยังใหม่ในตลาดนี้ มีการเติบโตประมาณ 6% ด้านยูนิตแต่ทางด้านมูลค่าลดลง และโดยภาพรวมของการแข่งขันที่ไม่หวือหวานัก ไม่ค่อยมีคู่แข่งที่เป็นหน้าใหม่ในตลาด ทำให้จากครึ่งปีแรกมีโปรดักส์พรินเตอร์ซัมซุงอยู่ในตลาดที่เป็นA4 เพียง 4 รุ่น และคาดว่าในครึ่งปีหลังจะมีอีก 4รุ่นเข้ามาทำตลาดโดยแบ่งเป็นA4 จำนวน 3 รุ่น และ A3จำนวน 1 รุ่น
'จากการขยายตัวของโซลูชั่นโมบาย หรือโมบิลิตี้จะส่งผลให้เกิดการใช้งานพรินเตอร์มากยิ่งขึ้น จากปี 2011 พบว่าผู้ที่ใช้โมบายหรือโทรศัพท์เคลื่อนที่มีความต้องการพรินผ่านโมบายประมาณ 16% และเพิ่มขึ้นเป็น 24% ในปี 2012 และคาดว่าจะเพิ่มเป็น 49% ในปี 2015'
***ส่งพรินเตอร์ลงตลาด B2B
ในการเปิดตัวบุกตลาด B2B ในครั้งนี้ซัมซุงขนโปรดักส์มาเปิดตัวในตลาดมากมาย เริ่มจากเครื่องถ่ายเอกสารทั้งแบบสีและขาวดำรุ่นล่าสุดที่รองรับกระดาษA3 เพื่อตอบสนองความต้องการของกลุ่มธุรกิจเอสเอ็มบี หรือกลุ่มธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม โดยเน้นตลาดเอเชียที่กำลังมีการเติบโตอย่างมาก โดยเฉพาะเครื่องถ่ายเอกสารสีตระกูล MultiXpress CLX-9301 และเครื่องถ่ายเอกสารขาว-ดำตระกูล SCX-8128 ได้รับการออกแบบเพื่อการพิมพ์ที่เน้นประสิทธิภาพที่มาคู่ความประหยัด
เครื่องถ่ายเอกสารทั้ง 2 ตระกูล ประมวลผลการพิมพ์เร็วขึ้นกว่าเครื่องถ่ายเอกสารอื่นๆ ถึง 1.5 เท่า สามารถรับคำสั่งจำนวนมากจากผู้ใช้หลายคนเพื่อพิมพ์เอกสารบนกระดาษขนาดใหญ่ โดยเครื่องถ่ายเอกสารสีตระกูล MultiXpress CLX-9301 สามารถพิมพ์เอกสารได้ 20-30 หน้าต่อนาที และเครื่องถ่ายเอกสารขาว-ดำตระกูล SCX-8128 สามารถพิมพ์เอกสารได้ 23-28 หน้าต่อนาที ทั้งยังสามารถใช้งานร่วมกับโซลูชันบิสิเนสคอร์ของซัมซุงที่มาช่วยควบคุมและเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งานเครื่องพิมพ์หรือเครื่องถ่ายเอกสารได้ด้วยกระบวนการต่างๆ เช่น กระบวนการยืนยันตัวตน การตรวจสอบข้อมูลการใช้งาน หรือการประมวลผลคำสั่งพิมพ์ต่างๆ ได้โดยมิต้องใช้เซิร์ฟเวอร์ใดๆ
ภาพ: บุญเลิศ วิบูลย์เกียรติ รองประธานธุรกิจลูกค้าองค์กร บริษัท ไทยซัมซุง อิเลคโทรนิคส์
ผู้บริหารซัมซุงกล่าวว่า ด้วยระบบปฏิบัติการแบบเปิด XOA (eXtensible Open Architecture) ที่ถูกออกแบบมาสำหรับเครื่องพิมพ์และเครื่องถ่ายเอกสารของซัมซุงโดยเฉพาะ ซึ่งสามารถใช้งานร่วมกับโซลูชันของซัมซุงและโซลูชันอื่นๆ จากผู้จัดจำหน่ายซอฟต์แวร์อิสระได้ แถมยังใช้พลังงานน้อยกว่าเดิมด้วย All-in-one board ซึ่งประหยัดพลังงานกว่าเครื่องถ่ายเอกสารที่รองรับกระดาษA3 อื่นๆ ในท้องตลาดถึง 60% และด้วยคุณสมบัติ Easy-Eco Driver ช่วยลดปริมาณหมึกและต้นทุนการพิมพ์ลงเฉลี่ย 20% ช่วยให้ผู้ใช้งานดูภาพเอกสาร หรือปรับแต่งภาพในเอกสารก่อนพิมพ์ได้โดยไม่ส่งผลต่อต้นฉบับ
ในส่วนตลาดเครื่องพิมพ์ทั่วโลก เครื่องพิมพ์สำหรับกลุ่มธุรกิจเอสเอ็มบีมีส่วนแบ่งทางการตลาดมากที่สุดถึง 60% สิ่งที่กลุ่มธุรกิจนี้ต้องการคือโซลูชันสำหรับการจัดการงานด้านการพิมพ์แบบไม่ผ่านเซิร์ฟเวอร์ เพื่อลดค่าใช้จ่ายทางด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ ต้องสามารถติดตั้งหรือบริหารจัดการได้ง่าย มีต้นทุนในการใช้งานต่ำ อีกทั้งยังต้องมีระบบการรักษาความปลอดภัย ป้องกันมิให้ผู้ไม่เกี่ยวข้องสามารถสั่งพิมพ์เอกสารสำคัญได้ ซัมซุงนำเสนอบิสิเนสคอร์ (Business Core) โซลูชันด้านการพิมพ์สำหรับกลุ่มธุรกิจเอสเอ็มบี เพื่อการพิมพ์ที่ สะดวกสบาย และไม่จำเป็นต้องใช้เซิร์ฟเวอร์อีกต่อไป
พร้อมกันนี้ซัมซุงยังได้เปิดตัวเลเซอร์ พรินเตอร์ และมัลติฟังก์ชัน พรินเตอร์ ตระกูลใหม่ล่าสุดรองรับการเชื่อมต่อแบบเอ็นเอฟซี สั่งพิมพ์เอกสารหรือรูปภาพ จากสมาร์ทโฟน อย่างสะดวกรวดเร็วยิ่งกว่าเดิม โดยเลเซอร์ พรินเตอร์ และมัลติฟังก์ชัน พรินเตอร์ ตระกูล Xpress C4XX ประกอบไปด้วยเลเซอร์ พรินเตอร์สีรุ่น C410W มัลติฟังก์ชัน พรินเตอร์สีรุ่น C460W ที่สามารถใช้พิมพ์ ถ่ายเอกสาร และสแกนได้ รวมไปถึงมัลติฟังก์ชัน พรินเตอร์สีรุ่น C460FW ซึ่งสามารถใช้พิมพ์ ถ่ายเอกสาร สแกน และเป็นเครื่องแฟกซ์ได้ โดยได้รับการออกแบบให้รองรับการสั่งพิมพ์เอกสารหรือรูปภาพจากสมาร์ทโฟนโดยตรง สามารถพิมพ์เอกสารขาว-ดำได้ที่ความเร็ว 18 หน้าต่อนาที และเอกสารสีที่ความเร็ว 4 หน้าต่อนาที
โซลูชันด้านการพิมพ์ของซัมซุงสร้างขึ้นจากความต้องการของผู้บริโภคที่ต้องการสั่งพิมพ์เอกสารหรือรูปภาพจากสมาร์ทโฟนโดยตรง โดยเลเซอร์ พรินเตอร์ และมัลติฟังก์ชัน พรินเตอร์ตระกูล Xpress C4XX มีคุณสมบัติรองรับการเชื่อมต่อแบบเอ็นเอฟซี แสดงให้เห็นถึงความเป็นผู้นำของซัมซุงทั้งด้านการสั่งพิมพ์เอกสารหรือรูปภาพต่างๆ จากสมาร์ทโฟนโดยตรง
'การสั่งพิมพ์เอกสารจะไม่ใช่เรื่องยุ่งยากอีกต่อไป ผู้ใช้สามารถแตะสมาร์ทโฟนกับเลเซอร์ พรินเตอร์ และมัลติฟังก์ชัน พรินเตอร์ ตระกูล Xpress C4XX ซึ่งรองรับการเชื่อมต่อแบบเอ็นเอฟซีได้เพื่อการสั่งพิมพ์เอกสาร อีเมล หรือเนื้อหาต่างๆ จากอินเทอร์เน็ตได้อย่างรวดเร็ว ไม่จำเป็นต้องใช้สายเชื่อมต่อใดๆ หรือเมื่อต้องการสแกนและแฟกซ์เอกสาร ก็สามารถซิงก์รายชื่อผู้ติดต่อจากสมาร์ทโฟนกับฟังก์ชันพรินเตอร์ได้อีกด้วย'
ด้วยแอป Samsung Mobile Print ผู้ใช้สามารถสั่งพิมพ์เอกสารได้ทุกรูปแบบจากสมาร์ทโฟนโดยตรง ไม่ว่าจะเป็นไฟล์ PDF, Excel หรือ Power Point รวมทั้งผู้ใช้ที่ไม่ได้ใช้งานสมาร์ทโฟนที่รองรับการเชื่อมต่อแบบเอ็นเอฟซีหรือผู้ใช้ที่ไม่ได้ใช้งาน Samsung Mobile Print ก็สามารถใช้งานได้เช่นกัน หากสมาร์ทโฟนของผู้ใช้งานรองรับคุณสมบัติ Google Cloud Print ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้สั่งพิมพ์เอกสารต่างๆ จากอินเทอร์เน็ตได้จากสมาร์ทดีไวซ์ที่รองรับโดยตรง
ซัมซุงมองว่า 4อุตสาหกรรมที่จะเป็นเป้าหมายทางการตลาดในครั้งนี้คือ แบงกิ้ง การเงิน โรงแรม และเฮลล์แคร์ โดยจะร่วมมือกับพาร์ทเนอร์ในแต่ละประเทศให้บริการร่วมกันซึ่งกลยุทธ์หลักที่สำคัญในการทำตลาดคือ การให้ความสำคัญกับนวัตกรรม ที่ตอบสนองความต้องการผู้บริโภคได้มากที่สุด
ในส่วนของตลาดประเทศไทย บุญเลิศ วิบูลย์เกียรติ รองประธานธุรกิจลูกค้าองค์กร บริษัท ไทยซัมซุง อิเลคโทรนิคส์ กล่าวว่า ภาพรวมตลาดเครื่องพิมพ์ทั้งพรินเตอร์และเครื่องถ่ายเอกสารนั้น ยังคงมีการเติบโตใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมา โดยยังคงเน้นการแข่งขันที่ตัวผลิตภัณฑ์ที่มาพร้อมเทคโนโลยีการใช้งานที่ง่ายดาย สะดวกสบาย และประหยัดค่าใช้จ่าย นอกจากนี้ยังมีในส่วนของโซลูชันที่จะนำเสนอมากขึ้นเพื่อเป็นประโยชน์แก่ผู้บริโภคอีกด้วย
'ซัมซุงมีความแข็งแกร่งในตลาดเลเซอร์พรินเตอร์มาอย่างต่อเนื่อง ปีนี้ซัมซุงจึงวางแผนเน้นทำตลาดเครื่องถ่ายเอกสารมัลติฟังก์ชันอย่างต่อเนื่อง หลังจากมีการเปิดตัวในไทยเมื่อกลางปีที่แล้ว โดยมองว่าเป็นตลาดที่ยังมีช่องว่างให้เติบโตอีกมาก และเชื่อว่าตลาดเครื่องถ่ายเอกสารจะเป็นอีกหนึ่งธุรกิจที่ช่วยเพิ่มรายได้ให้ซัมซุงได้เป็นอย่างดี'
Company Related Link :
Samsung
CyberBiz Social