กลุ่มสามารถสั่งลุยตลาดส่งออกมือถือ คาด 2-3 ปีดันยอดขายทะลุ 5 ล้านเครื่อง ชูโรง DTV on mobile มือถือดูทีวีดิจิตอลได้ เน้นหาตัวแทนทำตลาดให้ พร้อมเผยรายได้ไตรมาส 1 ปี 2557 ฟัน 6,364 ล้านบาทหรือโต 20% ส่วนกำไรโต 15%
นายวัฒน์ชัย วิไลลักษณ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท สามารถคอร์ปอเรชั่น กล่าวว่า ถึงแม้สถานการณ์ทางการเมืองในตอนนี้จะส่งผลทำให้เศรษฐกิจโดยรวมภายในประเทศไม่ดีเท่าไรนัก แต่กลุ่มสามารถยังคงมียอดขายเติบโตอย่างต่อเนื่องโดยเฉพาะในกลุ่มบริษัท ไอ-โมบายที่ล่าสุดวางแผนเดินหน้าทำตลาดส่งออกโทรศัพท์มือถือไปยังต่างประเทศ ได้แก่ ประเทศพม่า ลาว เขมร ประเทศฝั่งตะวันออกกลาง และแอฟริกา รวมถึงประเทศอิรัก เป็นต้น ภายใต้แบรด์ไอ-โมบาย ซึ่งจะให้ประเทศจีนผลิตให้ โดยตั้งเป้าภายใน 2-3 ปีจากนี้จะสามารถทำยอดขายมือถือได้ถึง 5 ล้านเครื่องทั้งในกลุ่มฟิวเจอร์โฟน สมาร์ทโฟน และโทรศัพท์มือถือ DTV on mobile ที่สามารถรับชมทีวีในระบบดิจิตอลได้ โดยที่ผ่านมาการทำตลาดส่งออกโทรศัพท์มือถือในต่างประเทศกลุ่มสามารถมียอดขายประมาณเดือนละ 5 หมื่นเครื่อง ซึ่งกลุ่มสามารถตั้งเป้าทั้งปี 2557 มียอดขายส่งอออกไว้ที่ 5-6 แสนเครื่อง
ขณะที่ยอดขายโทรศัพท์มือถือของไอ-โมบายภายในประเทศนั้น กลุ่มสามารถตั้งเป้าทั้งปี 2557 ไว้ที่ 4-5 ล้านเครื่องซึ่งในจำนวนดังกล่าวจะมียอดขายโทรศัพท์มือถือ DTV on mobile จำนวน 1.5 ล้านเครื่องที่เหลือส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มมือถือสมาร์ทโฟนทั้งหมด
“ตลาดส่งออกมือถือไปต่างประเทศนั้นกลุ่มสามารถไอ-โมบายจะใช้ตัวโทรศัพท์มือถือ DTV on mobile ที่สามารถรับชมทีวีดิจิตอลได้เป็นตัวชูโรง โดยนอกเหนือจากประเทศที่มีการส่งออกอยู่แล้วในปัจุบันกลุ่มสามารถจะออกไปทำตลาดในประเทศที่มีการใช้เทคโนโลยี DVB-T2 ในการรับส่งสัญญาณโทรทัศน์ในระบบดิจิตอลด้วยเช่นเดียวกัน อาทิ ประเทศในฝั่งเอเชีย ยุโรป เป็นต้น โดยจะใช้วิธีการหาตัวแทนในประเทศนั้นๆทำตลาดให้ซึ่งต่างจากในอดีตที่กลุ่ม สามารถเข้าไปทำตลาดเองซึ่งสุดท้ายไม่ประสบความเร็จแต่อย่างใด”
อีกทั้งกลุ่มสามารถยังได้เตรียมหารือกับช่องรายการทีวีดิจิตอลจำนวน 3-4 ช่องรายการในการร่วมกันเป็นพาร์ตเนอร์ในการดำเนินการธุรกิจ ซึ่งเบื้องต้นคาดว่ากลุ่มสามารถจะนำมือถือทีวีดิจิตอลของสามารถไปทำตลาดร่วมกับพาร์ตเนอร์ดังกล่าว โดยจะได้ข้อสรุปภายในเดือน พ.ค.นี้เช่นเดียวกัน
นายวัฒน์ชัยกล่าวว่า ผลประกอบการรายได้ไตรมาส 1 ปี 2557 กลุ่มสามารถมีรายได้รวม 6,364 ล้านบาท ซึ่งหากเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้วโตขึ้น 20% และมีกำไรสุทธิรวม 403 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 15% โดยแบ่งเป็นกลุ่มบริษัท สามารถไอ-โมบาย มีรายได้ 3,244 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 32% มีกำไรสุทธิ 197 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 11% ซึ่งมีปัจจัยมาจากยอดขายโทรศัพท์มือถือที่ทะลุ 1 ล้านเครื่องในช่วงไตรมาสแรกที่ผ่านมา และราคาขายเฉลี่ยก็ขยับสูงขึ้นถึง 16% หรือจากเดิมราคาเฉลี่ยต่อเครื่องอยู่ที่ 2,641 บาทเป็น 2,937 บาท
“ปัจจุบันสัดส่วนรายได้ในกลุ่มสามารถจะมาจากรายได้จากเอกชน 60-70% และภาครัฐอีก 30-40% เนื่องจากกลุ่มสามารถต้องการลดความเสี่ยงในความไม่แน่นอนของภาครัฐ โดยในอนาคตอันใกล้ภาครัฐจะเหลือเพียง 30% เท่านั้น”
ส่วนในกลุ่มบริษัท สามารถเทลคอม มีรายได้รวม 2,077 ล้านบาทซึ่งใกล้เคียงกับช่วงเวลาเดียวกันปีที่แล้ว โดยมีกำไรสุทธิ 210 ล้านบาท ซึ่งรายได้ส่วนใหญ่เกี่ยวข้องกับงานโครงการ โดยล่าสุดเซ็นสัญญาโครงการใหม่ได้เพิ่มเติมในไตรมาสแรก มูลค่า 1,152 ล้านบาท รวมมูลค่าโครงการในมือปัจจุบันเกือบ 7,000 ล้านบาท และยังมีโครงการของหน่วยงานภาครัฐ รัฐวิสาหกิจ และเอกชน ซึ่งเป็นเป้าหมายในการประมูลของบริษัทในปีนี้อีกกว่า 17,000 ล้านบาท โดยคาดว่าในไตรมาส 2 มีโอกาสค่อนข้างสูงในการได้งานเพิ่มอีกราว 7,000 ล้านบาท ประกอบด้วยโครงการใหม่และโครงการส่วนต่อขยายขององค์กรต่างๆ เช่น บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค กรมที่ดิน และกรุงเทพมหานคร เป็นต้น
ด้านกลุ่มธุรกิจสาธารณูปโภคและการเดินทาง Utilities & Transportation จากบริษัท สามารถ ยู-ทรานส์ ในไตรมาสแรก ปี 57 มีรายได้จากศูนย์ควบคุมการจราจรทางอากาศ CATS และโรงไฟฟ้ากัมปอต รวมกันกว่า 520 ล้านบาท ทั้งยังเริ่มทยอยรับรู้รายได้จากโครงการ Air traffic Management ของบริษัท วิทยุการบินฯ ในไตรมาสแรกจำนวน 145 ล้านบาท จากมูลค่ารวมทั้งสิ้น 1,700 ล้านบาท และมีรายได้จากบริษัท เทด้า ซึ่งปัจจุบันมีงานในมือมูลค่ากว่า 1,400 ล้านบาท โดยในไตรมาสที่ผ่านมามีรายได้ราว 230 ล้านบาท จึงถือเป็นกลุ่มธุรกิจที่สร้างรายได้ประจำที่แข็งแกร่งให้แก่กลุ่มสามารถ
สำหรับกลุ่มธุรกิจอื่นๆ ซึ่งแม้จะเป็นธุรกิจย่อย แต่ก็มีแนวโน้มการเติบโตที่โดดเด่นทั้ง 3 ธุรกิจ คือ ธุรกิจกล้องวงจรปิดและระบบรักษาความปลอดภัย โดยบริษัท วิชั่นส์แอนด์ซิเคียวริตี้ซิสเต็ม จำกัด (มหาชน) ได้เซ็นสัญญาเพิ่มเติมกับการท่าฯ มูลค่า 120 ล้านบาทในไตรมาสที่ผ่านมา ส่วนธุรกิจคอลเซ็นเตอร์โดย บริษัท วันทูวัน คอนแทคส์ จำกัด (มหาชน) ซึ่งจะเข้าเทรดหุ้นในตลาดเอ็มเอไอในวันที่ 15 พ.ค.นี้ก็มีทิศทางการเติบโตมากขึ้นทั้งตลาดในประเทศ และใน CLMV ซึ่งกำลังมีการขยายตัวทางเศรษฐกิจอย่างก้าวกระโดด โดยปัจจุบันครองส่วนแบ่งตลาดบริการ Outsourced Call Center ประเภท Customer Services กว่า 20% โดยมีลูกค้ารายองค์กรหลากหลายธุรกิจ เช่น ธุรกิจสายการบิน, ประกัน, รถยนต์ เป็นต้น โดยคาดรายได้ปี 57 กว่า 1,000 ล้านบาท
ขณะเดียวกัน ธุรกิจดาวรุ่งของปี 2557 คือธุรกิจผลิต และจำหน่ายชุดอุปกรณ์รับสัญญาณทีวีดิจิตอล ซึ่งนอกจากการปลุกกระแสโดยช่องรายการใหม่ๆ แล้ว ยังจะได้รับผลพวงจากการแจกคูปองในปีนี้จำนวนกว่า 11 ล้านคูปองโดย กสทช. จึงมั่นใจว่าบริษัทสามารถวิศวกรรมจะสร้างยอดขายเสาอากาศ และกล่องรับสัญญาณได้ถึง 2 ล้านชุดในปี 57 คิดเป็นรายได้ราว 2,000 ล้านบาท แต่หากรวมการจำหน่ายเสาอากาศ, Set-top box และโทรศัพท์มือถือ ดิจิตอลทีวีในปี 2557 กลุ่มสามารถจะทำรายได้ได้ไม่ต่ำกว่า 8,000 ล้านบาท
Company Related Link :
Samart
CyberBiz Social