2 เมษายนที่ผ่านมา พรทิพย์ กองชุน หัวหน้าฝ่ายการตลาดประจำประเทศไทย ประกาศบนบล็อกของกูเกิล (Google) ว่านับตั้งแต่สัปดาห์ที่ผ่านมา ทุกคนที่อยู่ในประเทศไทยสามารถเข้าสู่หน้าโฮมเพจใหม่ด้วย youtube.co.th ถามว่าโดเมนสำหรับประเทศไทยของยูทิวบ์ (YouTube) นี้มีความหมายกับคนไทยอย่างไร คำตอบนั้นอาจอยู่ที่แนวโน้มการดำเนินธุรกิจโฆษณาที่จะคัดสรรเพื่อผู้ชม YouTube ชาวไทยโดยเฉพาะ ซึ่งไม่แน่ว่าในอนาคต ผู้ผลิตคอนเทนต์ไทยอาจจะสามารถหารายได้บน YouTube อย่างจริงจังมากกว่าเดิม
คำประกาศของ Google ระบุว่านับตั้งแต่วันที่ 2 เมษายนเป็นต้นไป ทุกคนที่อยู่ในประเทศไทยสามารถเข้าสู่หน้าโฮมเพจใหม่ซึ่งมีโลโก้ YouTube ประดับด้วยตัวอักษรว่า TH ด้วย youtube.co.th โดยผู้ที่อยู่ต่างประเทศแต่สนใจติดตามเนื้อหาความเป็นไปของไทย ก็สามารถรับชมได้โดยเลือกที่ ”ประเทศไทย” จากด้านล่างของหน้าเว็บ
Google ระบุว่านี่คือภาคต่อหลังจากที่ YouTube มีให้บริการเป็นภาษาไทยแล้วในช่วงก่อนหน้านี้ โดยขณะนี้ได้พัฒนาเป็นโฮมเพจที่มีเนื้อหาเฉพาะเจาะจงกับประเทศไทยโดยเฉพาะ
"ซึ่งนั่นหมายถึงว่าเราได้นำเสนอวิดีโอที่มีความเกี่ยวข้องมาสู่สายตาคนทั้งประเทศจำนวนกว่า 67 ล้านคนแล้ว" พร้อมกับทิ้งท้ายว่า "ถึงผู้ชมและผู้สร้างวิดีโอ YouTube ที่เป็นคนไทยทั้งในประเทศไทยและคนไทยในต่างแดนทุกท่าน เราอยากเห็นวิดีโอที่คุณจะแบ่งปันให้คนอื่นและผู้ชมทั่วโลกจังเลย"
น่าเสียดายที่พรทิพย์ไม่ระบุถึงความเปลี่ยนแปลงอื่นที่จะเกิดขึ้นบนโดเมนเนมใหม่นี้ ว่าผู้ชมจะต้องรับมือกับการเปลี่ยนแปลงเรื่องระบบโฆษณาหรือไม่ และผู้สร้างวิดีโอ YouTube ที่เป็นคนไทยทั้งในประเทศไทยและคนไทยในต่างแดนจะสามารถมีช่องทางในการทำรายได้บนวิดีโอนี้มากขึ้นหรือเปล่า
ประเด็นโฆษณาและแผนการหารายได้บน youtube.co.th นั้นถูกกล่าวถึงอย่างมากบนโลกออนไลน์ เพราะที่ผ่านมา Google เพิ่งเข้ามาจดทะเบียนทำธุรกิจและเปิดสำนักงานในไทยอย่างจริงจัง (.co.th) เมื่อปี 2554 ซึ่งการจดทะเบียนนี้จะเปิดโอกาสให้รูปแบบการโฆษณาไทยบน YouTube มีความหลากหลายมากขึ้น
ก่อนหน้านี้ชาวเน็ตไทยเชื่อกันว่า พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์คือเหตุผลสำคัญที่ทำให้โฆษณาไทยไม่สามารถโชว์ตัวบน YouTube ได้เต็มที่ โดยเฉพาะโฆษณาในรูปแบบ Video Pre-Roll Ad ที่จะเล่นอัตโนมัติก่อนที่ผู้ชมจะคลิกชมวิดีโอ เนื่องจาก พ.ร.บ. คอมพ์ไทยทุกฉบับรวมถึงฉบับล่าสุดปี พ.ศ. 2554 ก็ยังสร้างความเสี่ยงให้ Google ได้รับผิดหากมีกรณีโฆษณาหมิ่นใดๆถูกแสดงขึ้นมา
จุดนี้ ผู้สังเกตการณ์วงการโฆษณาออนไลน์ไทยมองว่า แม้ พ.ร.บ. คอมพ์จะยังไม่มีการปรับแก้ไข แต่ Google จำเป็นต้องเร่งมือเข้ามาชิงส่วนแบ่งในโฆษณาวิดีโอไทย ซึ่งคาดว่าจะเติบโตอย่างสูงในช่วงที่ทีวีดิจิตอลไทยแลนด์กำลังเริ่มตั้งไข่ โดยโฆษณาในรูปแบบ Video Pre-Roll Ad บน YouTube นั้นมีราคาสูงกว่าแบบแบนเนอร์ หรือภาพนิ่งที่รอให้ผู้ใช้คลิกเพื่อเปิดเว็บไซต์ใหม่มากนัก และขณะนี้ก็มีเพียงพันธมิตร Google เท่านั้นที่สามารถทำโฆษณาประเภท Pre-Roll ได้
หากรูปแบบการโฆษณาบน youtube.co.th มีการเปลี่ยนแปลง โอกาสของเจ้าของคอนเทนต์วิดีโอในไทยก็จะมีโอกาสลืมตาอ้าปากมากขึ้นด้วย ยกตัวอย่างเช่นเจ้าพ่อค่ายเพลงอย่างแกรมมี่ที่เคยแสดงจุดยืนไม่สนใจการอัปโหลดมิวสิควีดิโอลง YouTube แต่เน้นหนักที่การอัปโหลดขึ้นเว็บไซต์ gmember.com ของตัวเอง เพราะเชื่อว่าแกรมมี่จะสามารถรับรายได้จากค่าชมโฆษณาด้วยตัวเองได้ โดยก่อนหน้านี้ แกรมมี่และค่ายเพลงอื่นๆไม่สามารถสร้างรายได้จาก YouTube ส่วนหนึ่งเพราะ YouTube ยังไม่จดทะเบียนเข้ามาทำธุรกิจในไทยอย่างจริงจัง และการโพสต์ลง YouTube นั้นให้ผลดีเรื่องการสร้างกระแสในตลาดเท่านั้น
ทั้งหมดนี้ Google ยังไม่ออกมาให้ข้อมูลเพิ่มเติม มีเพียงการระบุว่าบริษัทไม่หยุดมองหาโอกาสใหม่ ที่จะหยิบยื่นประสบการณ์ที่ดียิ่งขึ้นให้กับผู้ใช้ชาวไทยด้วยผลิตภัณฑ์และบริการของ Google จุดนี้ถือเป็นการต่อยอดแผนงานในช่วงปี 2557 ของ Google ประเทศไทยซึ่งเน้นเปิดตัวบริการเพื่อคนไทยอย่างจริงจัง ซึ่งการเปิดตัวที่ชัดเจนที่สุดคือบริการค้นหาและพิมพ์ด้วยเสียงภาษาไทยเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา
คำประกาศของ Google ระบุว่านับตั้งแต่วันที่ 2 เมษายนเป็นต้นไป ทุกคนที่อยู่ในประเทศไทยสามารถเข้าสู่หน้าโฮมเพจใหม่ซึ่งมีโลโก้ YouTube ประดับด้วยตัวอักษรว่า TH ด้วย youtube.co.th โดยผู้ที่อยู่ต่างประเทศแต่สนใจติดตามเนื้อหาความเป็นไปของไทย ก็สามารถรับชมได้โดยเลือกที่ ”ประเทศไทย” จากด้านล่างของหน้าเว็บ
Google ระบุว่านี่คือภาคต่อหลังจากที่ YouTube มีให้บริการเป็นภาษาไทยแล้วในช่วงก่อนหน้านี้ โดยขณะนี้ได้พัฒนาเป็นโฮมเพจที่มีเนื้อหาเฉพาะเจาะจงกับประเทศไทยโดยเฉพาะ
"ซึ่งนั่นหมายถึงว่าเราได้นำเสนอวิดีโอที่มีความเกี่ยวข้องมาสู่สายตาคนทั้งประเทศจำนวนกว่า 67 ล้านคนแล้ว" พร้อมกับทิ้งท้ายว่า "ถึงผู้ชมและผู้สร้างวิดีโอ YouTube ที่เป็นคนไทยทั้งในประเทศไทยและคนไทยในต่างแดนทุกท่าน เราอยากเห็นวิดีโอที่คุณจะแบ่งปันให้คนอื่นและผู้ชมทั่วโลกจังเลย"
น่าเสียดายที่พรทิพย์ไม่ระบุถึงความเปลี่ยนแปลงอื่นที่จะเกิดขึ้นบนโดเมนเนมใหม่นี้ ว่าผู้ชมจะต้องรับมือกับการเปลี่ยนแปลงเรื่องระบบโฆษณาหรือไม่ และผู้สร้างวิดีโอ YouTube ที่เป็นคนไทยทั้งในประเทศไทยและคนไทยในต่างแดนจะสามารถมีช่องทางในการทำรายได้บนวิดีโอนี้มากขึ้นหรือเปล่า
ประเด็นโฆษณาและแผนการหารายได้บน youtube.co.th นั้นถูกกล่าวถึงอย่างมากบนโลกออนไลน์ เพราะที่ผ่านมา Google เพิ่งเข้ามาจดทะเบียนทำธุรกิจและเปิดสำนักงานในไทยอย่างจริงจัง (.co.th) เมื่อปี 2554 ซึ่งการจดทะเบียนนี้จะเปิดโอกาสให้รูปแบบการโฆษณาไทยบน YouTube มีความหลากหลายมากขึ้น
ก่อนหน้านี้ชาวเน็ตไทยเชื่อกันว่า พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์คือเหตุผลสำคัญที่ทำให้โฆษณาไทยไม่สามารถโชว์ตัวบน YouTube ได้เต็มที่ โดยเฉพาะโฆษณาในรูปแบบ Video Pre-Roll Ad ที่จะเล่นอัตโนมัติก่อนที่ผู้ชมจะคลิกชมวิดีโอ เนื่องจาก พ.ร.บ. คอมพ์ไทยทุกฉบับรวมถึงฉบับล่าสุดปี พ.ศ. 2554 ก็ยังสร้างความเสี่ยงให้ Google ได้รับผิดหากมีกรณีโฆษณาหมิ่นใดๆถูกแสดงขึ้นมา
จุดนี้ ผู้สังเกตการณ์วงการโฆษณาออนไลน์ไทยมองว่า แม้ พ.ร.บ. คอมพ์จะยังไม่มีการปรับแก้ไข แต่ Google จำเป็นต้องเร่งมือเข้ามาชิงส่วนแบ่งในโฆษณาวิดีโอไทย ซึ่งคาดว่าจะเติบโตอย่างสูงในช่วงที่ทีวีดิจิตอลไทยแลนด์กำลังเริ่มตั้งไข่ โดยโฆษณาในรูปแบบ Video Pre-Roll Ad บน YouTube นั้นมีราคาสูงกว่าแบบแบนเนอร์ หรือภาพนิ่งที่รอให้ผู้ใช้คลิกเพื่อเปิดเว็บไซต์ใหม่มากนัก และขณะนี้ก็มีเพียงพันธมิตร Google เท่านั้นที่สามารถทำโฆษณาประเภท Pre-Roll ได้
หากรูปแบบการโฆษณาบน youtube.co.th มีการเปลี่ยนแปลง โอกาสของเจ้าของคอนเทนต์วิดีโอในไทยก็จะมีโอกาสลืมตาอ้าปากมากขึ้นด้วย ยกตัวอย่างเช่นเจ้าพ่อค่ายเพลงอย่างแกรมมี่ที่เคยแสดงจุดยืนไม่สนใจการอัปโหลดมิวสิควีดิโอลง YouTube แต่เน้นหนักที่การอัปโหลดขึ้นเว็บไซต์ gmember.com ของตัวเอง เพราะเชื่อว่าแกรมมี่จะสามารถรับรายได้จากค่าชมโฆษณาด้วยตัวเองได้ โดยก่อนหน้านี้ แกรมมี่และค่ายเพลงอื่นๆไม่สามารถสร้างรายได้จาก YouTube ส่วนหนึ่งเพราะ YouTube ยังไม่จดทะเบียนเข้ามาทำธุรกิจในไทยอย่างจริงจัง และการโพสต์ลง YouTube นั้นให้ผลดีเรื่องการสร้างกระแสในตลาดเท่านั้น
ทั้งหมดนี้ Google ยังไม่ออกมาให้ข้อมูลเพิ่มเติม มีเพียงการระบุว่าบริษัทไม่หยุดมองหาโอกาสใหม่ ที่จะหยิบยื่นประสบการณ์ที่ดียิ่งขึ้นให้กับผู้ใช้ชาวไทยด้วยผลิตภัณฑ์และบริการของ Google จุดนี้ถือเป็นการต่อยอดแผนงานในช่วงปี 2557 ของ Google ประเทศไทยซึ่งเน้นเปิดตัวบริการเพื่อคนไทยอย่างจริงจัง ซึ่งการเปิดตัวที่ชัดเจนที่สุดคือบริการค้นหาและพิมพ์ด้วยเสียงภาษาไทยเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา
