เครือข่ายสังคม “เฟซบุ๊ก (Facebook)” นั้นแสดงจุดยืนมานานว่าต้องการแยกแยะและจดจำใบหน้าของผู้ใช้ทั่วโลกให้ได้ ล่าสุดเฟซบุ๊กเปิดเผยต่อสาธารณชนว่ากำลังคิดใหม่ทำใหม่เพื่อพัฒนาเทคโนโลยีวิเคราะห์ภาพใบหน้าบนเฟซบุ๊กด้วยการเลียนแบบวิธีการที่เซลล์ประสาทของมนุษย์จัดการกับภาพที่มองเห็น ซึ่งผลลัพธ์ที่ได้คือระบบของเฟซบุ๊กในอนาคตจะสามารถบอกได้ว่าภาพใบหน้า 2 ภาพนี้เหมือนหรือแตกต่างได้โดยไม่ต้องนำภาพไปเปรียบเทียบกับภาพใด
ระบบวิเคราะห์ใบหน้าใหม่ล่าสุดของเฟซบุ๊กมีชื่อว่า “ดีปเฟซ (DeepFace)” จุดเด่นของระบบนี้คือการไม่จำเป็นต้องมีภาพใบหน้าต้นแบบเพื่อให้ระบบนำไปเปรียบเทียบสีผิว ขนาดส่วนประกอบบนใบหน้า และรูปทรงในภาพตามวิธีดั้งเดิม ซึ่งมักเป็นวิธีที่ทำให้ระบบวิเคราะห์ภาพผิดพลาดบ่อยครั้ง แต่ระบบ DeepFace สามารถวิเคราะห์ข้อมูลนามธรรมได้ ทำให้ระบบสามารถวิเคราะห์ได้ว่าโครงสร้างภาพใบหน้านี้มีลักษณะเหมือนใบหน้าใด หรือดวงตาควรจะอยู่ตำแหน่งใด
วิธีการเหล่านี้ถือเป็นการจำลองการทำงานของกลุ่มเซลล์ประสาทในสมองมนุษย์ ซึ่งจะทำงานตอบสนองต่อภาพเสมือนที่มองเห็นผ่านดวงตา จุดนี้ทีมวิจัยวางเป้าหมายให้ระบบ DeepFace สามารถประมวลผลและวิเคราะห์ข้อมูลหลากหลายบนภาพใบหน้าได้ในความเร็วไม่ถึง 1 วินาทีเหมือนที่มนุษย์ทำได้
ตัวอย่างข้อมูลที่ระบบ DeepFace ต้องประมวลผลนั้นประกอบด้วยจุดที่มืดที่สุดในภาพอยู่ตำแหน่งใด? หรือแนวเส้นใดคือเส้นต่อเนื่องที่ยาวที่สุดของภาพ? ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะถูกประมวลเข้าด้วยกันเพื่อนำไปประกอบการวิเคราะห์ภาพใบหน้า
จุดนี้ ประชาสัมพันธ์เฟซบุ๊กอธิบายว่า ระบบ DeepFace จะต้องจำลองภาพเปอร์สเปกทีฟ 3 มิติเพื่อแบ่งส่วนประกอบของใบหน้าออกโดยที่เฟซบุ๊กจะไม่มีการควบคุมรูปแบบภาพส่วนประกอบใบหน้าใดๆ ดังนั้นระบบจะสามารถเรียนรู้และจำแนกใบหน้าอย่างเสรี
จากการทดสอบเบื้องต้น เฟซบุ๊กพบว่าระบบ DeepFace สามารถวิเคราะห์ภาพใบหน้าได้ถูกต้องมากกว่า 97.25% ซึ่งถือเป็นสัดส่วนที่ใกล้เคียงกับอัตราความถูกต้องของการวิเคราะห์ภาพที่สมองมนุษย์ทำได้ 97.53%
อย่างไรก็ตาม สัดส่วนความถูกต้องของระบบ DeepFace นี้เป็นผลจากการทดลองเปรียบเทียบภาพใบหน้า 2 ภาพเท่านั้น ซึ่งถือเป็นภารกิจที่ง่ายมากเมื่อเทียบกับเป้าหมายในการทำให้ระบบ DeepFace สามารถจับคู่ภาพบุคคลมากกว่าพันล้านรายที่ใช้บริการเฟซบุ๊กในขณะนี้ ทั้งหมดนี้สะท้อนว่าระบบ DeepFace ยังต้องอาศัยการพัฒนาอีกมากกว่าจะสามารถให้บริการจริงแก่ผู้ใช้ทั่วโลก
แม้ในนาทีนี้เฟซบุ๊กจะยังต้องพึ่งพาระบบวิเคราะห์ใบหน้าแบบดั้งเดิมต่อไปก่อน แต่อย่างน้อยข่าวนี้ก็บอกใบ้ให้เรารู้ว่าระบบวิเคราะห์ภาพใบหน้าของเฟซบุ๊กในอนาคตจะอัจฉริยะยิ่งกว่าเดิมแน่นอน