อย่าวางใจว่ารู้จัก Infographic ดีพอแล้ว เพราะบทความนี้จะทำให้คุณรับรู้เรื่องราวหลากหลายด้านของ Infographic แผนภาพย่อยง่ายข้อมูลที่ทำให้ชาวโลกเข้าใจเรื่องราวยุ่งเหยิงในชั่วเวลาไม่กี่อึดใจ ไม่แน่ คุณอาจยกให้บทความนี้เป็นคัมภีร์บทสรุปเรื่องราว Infographic ที่ให้มุมมองครบถ้วนที่สุดก็ได้
***กรุยทางรวยด้วย Infographic
บทความโดย shamankit นักการตลาดอิสระ
ปัจจุบันนี้ Infographic ได้เข้ามามีบทบาทในการสื่อสาร ประชาสัมพันธ์ และโฆษณาเป็นอย่างมาก จุดเด่นของ Infographic คือสวยงาม เข้าใจง่าย ไม่ซับซ้อน จึงเป็นที่นิยมในเวลาอันสั้น ซึ่งที่จริง Infographic ที่เราเห็นในปัจจุบัน อาจนับได้ว่าเป็น Infographic แบบดิจิตอลสมัยใหม่ ที่เน้นเผยแพร่ผ่านอินเตอร์เน็ต ดิจิตอลมีเดีย หรือเครือข่ายสังคมเป็นหลัก เช่น เฟซบุ้ก อินสตาแกรม เป็นต้น
- Infographic ในอดีต
ไม่มีบันทึกไว้ว่า infographic เกิดขึ้นเมื่อใด แต่หากให้สันนิษฐานอาจจะเริ่มตั้งแต่มนุษย์สามารถสื่อสารกันทางการวาดหรือการเขียน ภาพเขียนผนังถ้ำ ป้ายสถานที่ต่างๆ เฮียโรกราฟฟิก ภาพประกอบตำราทางการแพทย์ หรือแม้กระทั่งป้ายประกาศจับอาชญากรในสมัยก่อนก็อาจจะสามารถจัดในหมวดของ Infographic แบบที่ไม่ซับซ้อนได้เช่นกัน
นอกจาก Infographic ที่สร้างขึ้นเพื่อสื่อสารกับมนุษย์ด้วยกันเองแล้ว ยังมี Infographic ที่สร้างขึ้นเพื่อสื่อสารกับสิ่งมีชีวิตนอกโลกด้วย ดังภาพ The Pioneer Plaque ที่ติดไปกับยานอวกาศไพโอเนียร์ 10 และ ไพโอเนียร์ 11 ในปี ค.ศ. 1972 และ ค.ศ. 1973 ตามลำดับ
- อะไรคือ Infographic
Information Graphic หรือ Infographic เป็นกราฟฟิกที่แสดงถึงข้อมูลหรือความรู้ผ่านทางสายตา จุดประสงค์คือการแสดงข้อมูลที่ซับซ้อนให้ออกมาในรูปแบบที่เข้าใจง่ายและเข้าใจได้เร็วที่สุด ไม่ว่าจะเป็นรูปภาพหรือแอนิเมชันก็ตาม ซึ่งช่วยให้ผู้รับสารสามารถเข้าใจรูปแบบและแนวโน้มของข้อมูล โดยกระบวนการในการสร้าง Infographic สามารถอ้างอิงได้จากกระบวนการสร้างข้อมูลอื่นๆได้ เช่น Data Visualization การออกแบบสารสนเทศ สถาปัตยกรรมของสารสนเทศ เป็นต้น
รูปแบบการแปลงข้อมูลเป็นทัศนภาพ สามารถแบ่งได้เป็น 7 ประเภท ซึ่งแต่ละรูปแบบล้วนเป็นสิ่งที่ผู้สร้าง Infographic ต้องเลือกใช้ให้เหมาะสม
1. ข้อมูลตามลำดับเวลา มักแสดงถึงเส้นเวลาที่เกิดเหตุการณ์ต่างๆ เรียงตั้งแต่อดีตมายังช่วงเวลาที่ต้องการ เช่น ภาพแสดงประวัติของรถยนต์ในอเมริกา และภาพแสดงประวัติของโลกในยุคต่างๆ
2.ข้อมูลทางสถิติ ส่วนมากมักเป็นการเปรัยบเทียบเชิงปริมาณ กราฟในรูปแบบต่างๆจะถูกนำมาใช้ใน Infographic เป็นหลัก เช่น กราฟเปรียบเทียบความสูงของอาคารที่สูงที่สุดในโลก โดยใช้รูปร่างของอาคารแทนกราฟแท่ง และภาพแสดงการจับปลามากเกินไปในช่วงที่ปลากำลังเจริญพันธุ์ ส่งผลให้เกิดการขาดแคลนปลาเพื่อการบริโภค
3.ข้อมูลอ้างอิงทางภูมิศาสตร์ เป็นข้อมูลที่สร้างได้ง่าย เนื่องจากส่วนใหญ่มักจะเป็นข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับสถานที่เกิดเหตุ โดยมักจะแสดงเป็นภาพแผนที่และใช้ภาพตัวแทนของข้อมูลปักลงบนตำแหน่งนั้นๆ เช่น แผนที่แสดงสัญลักษณ์หรือสิ่งที่เป็นตัวแทนของรัฐต่างๆในประเทศอเมริกา
4. ข้อมูลเชิงลำดับชั้น มักเป็นการเปรียบเทียบข้อมูลในมิติต่างๆ ซึ่งสามารถแบ่งได้ตามความสำคัญ ปริมาณ ชนชั้น เป็นต้น ตัวอย่างของข้อมูลกลุ่มนี้คือ Infographic แสดงการเปรียบเทียบชนชั้นที่เกิดขึ้นในระบบทุนนิยม
5. ข้อมูลเชิงความสัมพันธ์ ข้อมูลชนิดนี้มักถูกแปลงเป็นภาพในรูปแบบของความเชื่อมโยง ความเป็นเครือข่าย ให้ข้อมูลแก่ผู้รับว่าสิ่งใดมีความสัมพันธ์กัน หรือไม่สัมพันธ์กันอย่างไร เช่น ผังรวมเส้นทางรถไฟฟ้าในอนาคต แสดงให้เห็นถึงความสัมพันธ์กันของรถไฟฟ้าแต่ละเส้นทาง
6. ข้อมูลแสดงให้เห็นส่วนประกอบต่างๆ มักจะให้ข้อมูลของสินค้าหรือวัตถุสิ่งใดสิ่งหนึ่งว่าประกอบด้วยสิ่งใดบ้าง เช่น ภาพแสดงส่วนองค์ประกอบต่างๆ ของสุเหร่า
- Infographic ในปัจจุบัน
เมื่อ 2 - 3 ปีที่ผ่านมา หากพูดถึง Infographic ที่ถูกกล่าวขวัญและมีอิทธิพลกับคนไทย (โดยเฉพาะคนกรุงเทพฯ) มากที่สุด น่าจะยกให้กับ “รู้สู้ Flood” ที่ผลิตโดยคุณธวัชชัย แสงธรรมชัยและกลุ่มอาสาสมัครที่ร่วมกันสร้างสรรค์ Infographic ที่ไม่เพียงแต่เป็นภาพประกอบ แต่มาในรูปแบบแอนิเมชันเลยทีเดียว ด้วยการนำเสนอในรูปแบบตัวการ์ตูนที่น่ารัก สีสันสดใส และการตีเนื้อความในการนำเสนอเป็นตอนๆ ทำให้ผู้รับข้อมูลรู้สึกเพลิดเพลินไปพร้อมๆ กับรับข่าวสารในเวลาเดียวกัน
ต้องยอมรับว่าแวดวงผู้ผลิต Infographic มืออาชีพในเมืองไทยนั้นขยายตัวสูงมาก วันนี้เราสามารถพบผลงานผ่านทางเฟซบุ้กที่มีผู้คนแชร์กันไปมาอย่างแพร่หลาย หนึ่งในนั้นคือ InfographicThailand.com ซึ่งพบว่าต้องปิดรับลูกค้าใหม่เพื่อรักษาคุณภาพการบริการลูกค้าเลยทีเดียว
- เครื่องมือในการสร้าง Infographic
ต้องยอมรับว่าคนที่เดินทางสายกราฟฟิกมาจะได้เปรียบ เนื่องจาก Infographic มักถูกสร้างขึ้นโดยโปรแกรมกราฟฟิก เช่น illustrator หรือ Photoshop แต่การตีความและการนำเสนอข้อมูลก็เป็นเรื่องที่สำคัญเช่นกัน บาง Infographic ทำออกมาสวยงามแต่ผู้รับข้อมูลไม่เข้าใจก็ไม่นับว่าเป็น Infographic ที่ดี
สำหรับผู้ที่ไม่ถนัดการใช้โปรแกรมกราฟฟิกเพื่อสร้าง Infographic สามารถใช้กระดาษและกรรไกรเพื่อสร้างผลงานออกมาเป็นแอนิเมชันโดยใช้เทคนิค Stop Motion ดังตัวอย่างนี้
ที่สำคัญคือ ผู้สร้าง Infographic ต้องตีโจทย์ทางตลาด แล้วใช้ Infographic ผสานกับเครื่องมือประชาสัมพันธ์ทางการตลาดอย่างชาญฉลาดให้ได้
สำหรับผู้ประกอบการแล้ว การมี Infographic ที่ดีอยู่ในมือ เปรียบเสมือนกับมีลูกธนูที่ผลิตขึ้นมาอย่างดีไว้ใช้ เพื่อไว้ยิงไปยังกลุ่มเป้าหมายที่ต้องการ เพราะฉะนั้นจึงจำเป็นต้องมีคันธนูที่มีประสิทธิภาพอยู่ในมือด้วย หากมีลูกธนูดีแต่คันธนูไม่มีคุณภาพ ก็จะทำให้เกิดการยิงเป้าหมายผิดพลาดได้ มีหลายตัวอย่างในอดีตที่ Infographic มีคุณภาพดี แต่เลือกเครื่องมือประชาสัมพันธ์ที่ไม่สอดคล้องกับกลุ่มเป้าหมาย ทำให้สิ้นเปลืองงบประมาณและค่าใช้จ่ายไปอย่างน่าเสียดาย
ในปัจจุบันหากแบ่งเครื่องมือในการประชาสัมพันธ์ตามเทคโนโลยีสารสนเทศ จะสามารถแบ่งเป็น 2 แบบ คือ แบบออฟไลน์และแบบออนไลน์
1.แบบออฟไลน์ ยังถือเป็นสื่อกระแสหลักในปัจจุบันอยู่ เนื่องด้วยสามารถจับต้องได้ มีการวางรากฐานในด้านอุตสาหกรรมและผู้ประกอบอาชีพที่เกี่ยวข้องอยู่จำนวนมาก โดย Infographic สามารถใช้สื่อสิ่งพิมพ์เป็นสื่อในการนำสาส์นไปสู่กลุ่มเป้าหมายที่ต้องการได้
a.โปสเตอร์ ใบปลิว เป็นสื่อสิ่งพิมพ์ที่สามารถกระจายไปยังกลุ่มเป้าหมายทางภูมิศาสตร์ได้ดี การกระจายมักเป็นไปในรูปแบบการแปะบริเวณต่างๆ ในที่สาธารณะ เช่น กำแพง เสาไฟ รวมถึงใบปลิวที่สามารถแจกให้กลุ่มเป้าหมายที่คัดกรองด้วยสายตาได้ทันที เช่น ต้องการประชาสัมพันธ์ไปยังกลุ่มเป้าหมายวัยรุ่นอายุประมาณ 15 - 22 ปี มีแนวโน้มเป็นคนทันสมัย ตัวอย่างนี้สามารถพิมพ์โปสเตอร์ไปติดไว้ที่บริเวณสยามสแควร์ หรือพิมพ์ใบปลิวแจกให้กลุ่มเป้าหมายได้โดยตรง สามารถจำกัดภูมิศาสตร์ที่ต้องการประชาสัมพันธ์ได้ แต่มีข้อควรระวังคือ หาก Infographic ที่ทำไม่น่าสนใจ กลุ่มเป้าหมายเมื่อได้รับแล้วอาจจะรับแล้วทิ้งไป ทำให้เกิดความไม่คุ้มค่าในทางปฏิบัติ เนื่องจากสิ่งพิมพ์ประเภทนี้มีค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูง จึงเป็นข้อควรพิจารณาหากจะเลือกโปสเตอร์หรือใบปลิวในการประชาสัมพันธ์
b.หนังสือพิมพ์ นิตยสาร เป็นสื่อที่สามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่หลากหลาย สามารถเลือกกลุ่มเป้าหมายให้ตรงกับที่ต้องการโดยการเลือกหนังสือพิมพ์หรือหัวนิตยสารเป็นหลัก โดยเฉพาะนิตยสารที่ในปัจจุบันนั้นแบ่งประเภทได้ละเอียดมาก จึงเป็นข้อได้เปรียบหากจะเลือกช่องทางนี้ประชาสัมพันธ์ แต่ข้อเสียของช่องทางนี้ก็มี คือค่าใช้จ่ายในการลงคือค่าซื้อหน้าโฆษณาในนิตยสารนั้นๆ และช่วงชีวิตมักจะสั้น เช่น นิตยสารรายเดือน จะมีเวลาอยู่บนแผง 1 เดือนเท่านั้น
c.ป้ายบิลบอร์ด มักจะมีขนาดใหญ่และตั้งอยู่ในตำแหน่งที่มองเห็นได้ชัดเจน ข้อดีคือ ดึงดูดสายตาคนทั่วไปได้เป็นอย่างดี ข้อเสียคือ ต้องเสียค่าเช่าเป็นรายเดือนหรือรายปี ซึ่งเป็นจำนวนเงินค่อนข้างมาก และยังต้องเสียค่าใช้จ่ายในการผลิตด้วย
2.แบบออนไลน์ เป็นสื่อกระแสรองที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในปัจจุบันและอนาคต เนื่องจากข้อดีหลักที่สื่อแบบออฟไลน์ไม่สามารถแข่งขันได้เลยคือเรื่องค่าใช้จ่าย ซึ่งหากเลือกใช้อย่างเหมาะสมก็จะเป็นประโยชน์ได้มาก
a.เฟซบุ้ก เป็นช่องทางที่นิยมมากที่สุดในประเทศไทย ณ ขณะนี้ นอกจากจำนวนคนที่ใช้เฟซบุ้กที่มีจำนวนมากแล้ว เฟซบุ้กยังมีฟีเจอร์ที่เหมาะสมกับการประชาสัมพันธ์คือ สามารถคลิกไลค์ในสิ่งที่ผู้ใช้ถูกใจ หรือปุ่มแชร์ที่ผู้ใช้เฟซบุ้กอยากจะแบ่งปันให้คนอื่นรับรู้ และข้อดีประการสำคัญคือ ไม่มีค่าใช้จ่าย อย่างไรก็ตาม ยังมีข้อเสียบางประการที่พึงระลึกคือ พฤติกรรมของคนไทยชอบที่จะกดไลค์มากกว่ากดแชร์ และยอดไลค์หรือแชร์อาจจะไม่สะท้อนถึงความชอบที่แท้จริงของผู้ชม
b.อีเมล ถือเป็นช่องทางที่เข้าถึงเป้าหมายและมีประสิทธิภาพมากที่สุด แต่มีความยากที่ต้องรวบรวมอีเมลจากกลุ่มเป้าหมายให้ได้จำนวนหนึ่ง รวมถึงทั้งหากส่ง Infographic ที่ไม่เป็นประโยชน์แก่กลุ่มเหมาย อาจจะก่อให้เกิดความรำคาญ หรืออาจทำให้เกิดทัศนคติลบกับผู้ส่งได้เลยทีเดียว
- ตัวอย่างองค์กรที่ใช้ Infographic ได้อย่างเหมาะสม
เนื่องจาก Infographic เป็นการให้ข้อมูลผ่านทางภาพมากกว่าตัวหนังสือ และอย่าสับสนกับการโฆษณา แนวโน้มของผู้ที่ใช้ Infographic ที่ดีจึงมักเป็นหน่วยงานที่ไม่แสวงหาผลกำไรเสียส่วนใหญ่ เช่น
• เมื่อวานป้าทานอะไร เรื่องโภชนาการเป็นเรื่องที่น่าเบื่อและยากต่อความเข้าใจสำหรับคนในสังคมที่เร่งรีบ ชมรมนักกำหนดอาหารแห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เป็นการรวมตัวของกลุ่มนิสิตคณะสหเวชศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ร่วมกันจัดทำขึ้น โดยใช้เวลาว่างหลังเลิกเรียน นำเสนอข้อมูลที่เป็นประเด็นสำคัญผ่านทางคาแรคเตอร์คุณป้า บวกกับกราฟฟิกที่น่ารักเรียบง่าย ผู้ชมใช้เวลาในการทำความเข้าใจไม่นาน สามารถนำไปปฏิบัติได้ทันที ส่งผลให้มีจำนวนผู้กดไลค์ในเฟซบุ้กเกือบหนึ่งแสนไลค์ และยังได้รวมเล่มตีพิมพ์ออกมาเป็นหนังสืออีกด้วย เรียกได้ว่าสามารถใช้สื่อออนไลน์และออฟไลน์ได้อย่างคุ้มค่า
• HP Thailand กับแคมเปญล้างความเชื่อเดิมๆ ของคนไทยว่า ใช้หมึกพรินเตอร์ชนิดเติมและตลับหมึกแบบเทียบเท่าจะประหยัดกว่าตลับหมึกแท้ โดยเอชพีได้ให้ทาง Infographic thailand เป็นผู้ผลิต และกระจายผ่านทางเพจของ infographicthailand ในชื่อของ Likeme Thailand ซึ่งมียอดไลค์เกือบแปดแสนไลค์แล้ว ในเพจจะเน้นนำเสนอ Infographic ที่มีคอนเทนท์เกี่ยวกับการทำงานในสำนักงานในแง่มุมต่างๆ เชื่อว่าผู้ติดตามเพจก็จะเป็นพนักงานออฟฟิศกันมาก ซึ่งการที่เอชพีเลือกช่องทางนี้นับว่าตรงกลุ่มเป้าหมายเลยทีเดียว
• Funfundforum สารคดีชีวิตต้องสู้ "เงินทองของหายาก" นำเสนอข้อมูลการจัดการบริหารการเงินส่วนตัวแบบง่ายๆ เช่นการประหยัดรายจ่ายในชีวิตประจำวัน การวางแผนการเงิน การออม ผ่านตัวละครเด่น “คุณพากเพียร” ทำให้เรื่องการเงินที่น่าปวดหัวและไม่น่าเอาใจใส่กลายเป็นเรื่องที่น่าสนใจได้ เจ้าของเพจคือ ธนาคารไทยเครดิตเพื่อรายย่อย จำนวนคนไลค์อยู่ที่เกือบหมื่นหนึ่งพันคน สามารถเข้าไปดูได้ที่ https://www.facebook.com/Funfundforum
- เส้นทางทำเงินบนโลกไอทีโดยเกาะกระแส Infographic
1. รับจ้างทำ Infographic - เหมาะสำหรับผู้ชอบทำงานคนเดียว หรือเป็นกลุ่มเล็กๆ โดยในทีมมักจะมีคนเป็นโปรแกรมกราฟฟิก และทีมเพื่อช่วยกลั่นกรองข้อมูลและร่วมกันสรุปแนวทางในการนำเสนอผลงานนั้นๆ หากทำคนเดียวต้องมีความสามารถทั้งสองส่วนนี้มากพอสมควร โดยส่วนมากมักประกาศหาลูกค้าตามเว็บต่างๆ หรือสร้างเว็บเพื่อแสดงผลงานที่ผ่านมาเพื่อแสดงฝีมือให้แก่ผู้ที่สนใจว่าจ้าง
2. สร้างเว็บไซต์เพื่อสร้าง Infographic - ในต่างประเทศมีเว็บที่ให้บริการสร้าง Infographic แบบออนไลน์ โดยที่ผู้ใช้บริการมีวัตถุดิบในการสร้าง เช่นรูปและตัวอักษรที่ต้องการใส่ลงใน Infographic นั้นๆ ก็สามารถมี Infographic สวยๆ ไว้ใช้ได้แล้ว
แหล่งให้บริการ Infographic ที่ฟรีและดีนั้นมีแพร่หลายบนโลกออนไลน์ในขณะนี้ หนึ่งในนั้นได้แก่
a. Infogr.am ให้บริการสร้าง Infographic แบบไม่เสียเงิน ผู้ใช้บริการสามารถลงทะเบียนใช้งานผ่านทางแอคเคาน์เฟซบุ้กหรือ ทวิตเตอร์เพื่อใช้บริการได้ทันที โดยในเว็บจะมีรูปแบบการแสดงข้อมูลให้เลือก ซึ่งหากต้องการความสามารถเพิ่มขึ้น ผู้ใช้บริการสามารถเลือกอัพเกรดเป็นแบบโปรซึ่งมีค่าใช้จ่ายโดยเก็บเป็นรายเดือน หรือรายปี
b. Piktochart ให้บริการสร้าง Infographic ฟรี โดยสามารถลงทะเบียนโดยใช้แอคเคาน์ของเฟซบุ้กหรือกูเกิลพลัส โดยมีเทมเพลทให้เลือกเบื้องต้น 8 แบบ หากต้องการใช้เทมเพลทอื่นๆ สามารถอัพเกรดได้ โดยแบ่งเป็นแบบรายเดือนและรายปี
c. Easel.ly เว็บไซต์ให้บริการอีกเว็บหนึ่งซึ่งตอนนี้ยังเป็นเบต้าอยู่ ต้องทำการสมัครเป็นสมาชิกเพื่อเข้าไปสร้างผลงานได้
3. รับผลิตของพรีเมียมจาก Infographic - เป็นแนวความคิดในการทำธุรกิจเกี่ยวกับ Infographic ที่น่าสนใจ โดยการนำเอา Infographic ที่เป็นดิจิตอลมาอยู่บนสิ่งที่จับต้องได้ เช่น เสื้อยืด แก้วน้ำ กรอบรูป เหมาะสำหรับผู้ประกอบการที่รับผลิตของชำร่วยหรือของพรีเมียมอยู่แล้ว สามารถดูตัวอย่างรูปแบบธุรกิจได้ที่ popchartlab
- บทสรุปการใช้ Infographic ที่ผู้ประกอบการต้องคำนึงถึง
1. ให้ข้อมูลที่ถูกต้อง ผู้ที่ทำการสรุปข้อมูลต้องมีความแม่นยำในการสรุปข้อมูลและกลั่นสาระออกมาให้ได้ดีและสั้นที่สุด เพื่อให้เกิดความกระชับในการสื่อสาร หลีกเลี่ยงการสื่อสารทำกำกวม เนื่องจากจะก่อให้เกิดความสับสนได้
2. กราฟฟิกเรียบง่าย ชัดเจน ไม่ยุ่งเหยิงจนดูงง
3. เลือกช่องทางให้ถูกต้อง ตรงกับเป้าหมายมากที่สุด
4. สุดท้ายที่สำคัญที่สุด Infographic ไม่ใช่โฆษณา บางที่พยายามยัดเยียดโฆษณาลงไป ทำให้ Infographic นั้น หมดความน่าสนใจเนื่องจากเหมือนมีบางอย่างแอบแฝง หากต้องการทำการโฆษณา แนะนำให้ทำ Ads เลยดีกว่า
ข้อมูลอ้างอิง
http://en.wikipedia.org/wiki/Infographic
70 best infographics on the web
www.coolinfographics.com
ทำไม Infographic จึงเป็นอนาคตของ Online Marketing
What is infographic
แทรนใหม่ ?อินโฟกราฟิก? (Infographic) ในเครือข่ายสังคมนิยม
จำเป็นหรือ...ต้องทำ Infographic ในยุคสังคมออนไลน์ครองเมือง