สื่อมวลชนต่างประเทศกำลังตื่นเต้นกันมากกับ Quip ระบบประมวลผลคำหรือ word processor พันธุ์ใหม่ที่จะทำให้ผู้ใช้ทุกคนสามารถสร้างเอกสารบนสมาร์ทโฟนและแท็บเล็ตร่วมกับเพื่อนได้ฟรีโดยไม่ต้องพึ่งพาไมโครซอฟท์เวิร์ด (Microsoft Word) ซึ่งเมื่อ "ผู้จัดการไซเบอร์บิส" ทดลองใช้แล้วต้องยอมรับว่า Quip เป็นแอปพลิเคชันที่แจ่มและเจ๋งจริง แต่กลับให้ความรู้สึกว่าแอปพลิเคชันนี้ยังต้องพัฒนาอีกมาก เพราะยังขาดคุณสมบัติที่จำเป็นอีกหลายส่วน
Quip เป็นผลงานของเบรต เทย์เลอร์ (Bret Taylor) ผู้เป็นหนึ่งในทีมสร้างระบบแผนที่กูเกิลแม็ปส์ (Google Maps) และเคยนั่งเก้าอี้ประธานฝ่ายเทคโนโลยีของเฟซบุ๊ก ซึ่งลาออกจากเครือข่ายสังคมยักษ์ใหญ่เมื่อปี 2012 ก่อนจะเปิดตัวบริษัทใหม่ในชื่อ Quip โดยร่วมมือกับเพื่อนอย่างเควิน กิบส์ (Kevin Gibbs) ซึ่งมีประสบการณ์โชกโชนจากการดูแลเทคโนโลยีศูนย์ข้อมูลของกูเกิล (Google) มาก่อน
สิ่งที่ทำให้ Quip เป็นจุดสนใจคือการประกาศตัวเป็นแอปพลิเคชัน word processor แนวใหม่ที่ผนวกแนวคิดการเป็น note-taking app หรือแอปพลิเคชันสร้างเอกสารบันทึกข้อความที่ผู้ใช้จะสามารถสนทนากับเพื่อนได้บนแอปเดียว ซึ่งเป็นลักษณะเดียวกับที่แอปพลิเคชันอย่างเอเวอร์โน้ต (Evernote), กูเกิลคีฟ (Google Keep) และแคชโน้ตส์ (Catch Notes) สามารถทำได้ โดยเปิดให้ผู้ใช้สามารถทำงานกับกลุ่มเพื่อนได้แบบไร้รอยต่อ ซึ่งเป็นคุณสมบัติที่ผู้ใช้ Microsoft Office ส่วนใหญ่ยังไม่สามารถเข้าถึง
Quip เป็นแอปพลิเคชันที่สามารถทำงานประสานกันได้บนไอโฟน ไอแพด และบนเว็บไซต์ เอกสารสามารถแสดงบนหน้าจอต่างขนาดได้อย่างพอดี ผู้ใช้สามารถพิมพ์คำที่ต้องการด้วยคีย์บอร์ดบนหน้าจอ และสามารถเพิ่มตัวหนาเพื่อทำสัญลักษณ์เป็นหัวเรื่อง รวมถึงสามารถใส่ภาพ ตาราง รายการ และลิงก์ถึงเอกสาร Quip อื่นๆ
แม้แอปจะรองรับภาษาไทยได้ดี แต่สิ่งที่เราไม่สามารถทำได้บน Quip คือการทำอักษรตัวหนา ตัวเอียง และขีดเส้นใต้คำที่ต้องการเน้น ขณะเดียวกันก็ไม่สามารถไฮไลท์สีข้อความได้ ไม่สามารถทำ hyperlink หรือการเชื่อมโยงหลายมิติไปยังข้อความ รวมถึงไม่สามารถเปลี่ยนรูปแบบอักษรได้
ไม่เพียงไม่สามารถเปลี่ยนรูปแบบอักษร แอปยังไม่เปิดให้ผู้ใช้แก้ไขขนาดอักษรและสี โดยผู้ใช้ไม่สามารถตรวจสอบไวยกรณ์ จัดคำให้อยู่กึ่งกลาง รวมถึงการสร้างคอลัมน์หรือแถวเพื่อแบ่งข้อความในเอกสาร
ที่สำคัญ แอปไม่รองรับการทำงานร่วมกับเอกสารไมโครซอฟท์เวิร์ด และไม่สามารถนับจำนวนคำ รวมถึงการสร้างมาโครเอกสารได้
หนทางที่จะสามารถส่งออกเอกสารที่สร้างจาก Quip คือการบันทึกในรูปไฟล์ PDF ซึ่งสามารถทำได้เฉพาะบน Quip เวอร์ชันเว็บไซต์เท่านั้น และการคัดลอก URL เอกสารบน Quip เพื่อส่งต่อให้ตัวเองหรือเพื่อนสำหรับการกลับมาเปิดชมในอนาคต จุดนี้ผู้ใช้ยังต้องคัดลอกและวางด้วยมือทีละขั้นตอน จึงจะสามารถพิมพ์เอกสารได้
จุดเด่นคือหน้าแอป Quip จะแสดงเอกสารพร้อมบทสนทนาและลำดับเหตุการณ์ของเพื่อนในกลุ่มว่ามีการแก้ไขเอกสารไปอย่างไร นี่คือจุดแข็งที่สะท้อนถึงคำจำกัดความที่ Quip มอบให้ตัวเองว่า “modern word processor” หรือระบบประมวลผลคำพันธุ์ใหม่ ที่มีการนำระบบเครือข่ายสังคมเข้ามาผนวกบนแอปเลย
เมื่อมีการแก้ไขเอกสาร แถบข้อความด้านซ้ายมือจะแสดงข้อความและการเปลี่ยนแปลงของเอกสารของผู้ใช้ทุกคน จุดนี้ผู้ใช้สามารถแนบไฟล์ แล้วเชิญเพื่อนรายอื่นเข้ามาดูเอกสารที่สร้างไว้ แล้วจึงมาตรวจดูว่าเพื่อนรายใดได้อ่านเอกสารที่มีการแก้ไขล่าสุดแล้ว ทั้งหมดนี้ Quip จะส่งข้อความเตือนหรือ push notification เมื่อมีเพื่อนในกลุ่มที่เปิดเอกสารหรือส่งต่อเอกสารนี้ โดยที่ผู้ใช้ไม่ต้องตั้งค่าใดๆเพิ่มเติมเพราะเอกสารจะเข้าสู่ระบบออนไลน์อัตโนมัติทันทีที่ถูกสร้างขึ้น
แม้การทำงานทั้งหมดของ Quip จะลื่นไหลไม่มีสะดุด แต่ผู้ใช้ต้องระวังว่าจะไม่สามารถย้อนกลับไปหน้าเอกสารล่าสุดก่อนจะมีการแก้ไขใดๆ ทั้งหมดนี้คาดว่าจะเป็นคุณสมบัติใหม่ที่จะเกิดขึ้นเพิ่มเติมเมื่อ Quip มีการอัปเดทจากเวอร์ชัน 1.0 ในปัจจุบันต่อไป
ขณะนี้ Quip เปิดให้ใช้งานฟรีแต่จำกัดการแชร์เอกสารไม่เกิน 5 คน โดยจะคิดบริการแก่ผู้ใช้แชร์เอกสารมากกว่า 5 คนมูลค่า 12 เหรียญสหรัฐต่อคนต่อเดือน (ราว 360 บาท) ผู้ใช้อุปกรณ์ระบบปฏิบัติการไอโอเอส (iOS) สามารถดาวน์โหลด Quip ไปใช้งานได้แล้ว ขณะที่เวอร์ชันแอนดรอยด์ (Android) ยังอยู่ในรูปแบบทดสอบบริการหรือพรีวิว
ชาวแอนดรอยด์อดใจรอก่อนนะจ้ะ
