ตามไปดูข้อมูลจาก 9 ผลิตภัณฑ์ใหม่ของซัมซุงทั้งในส่วนของธุรกิจมือถือ แท็บเล็ต โน้ตบุ๊ก และเดสก์ท็อบ ที่พยายามสื่อออกมาให้แก่ผู้บริโภคโดยเน้นไปที่จุดเด่นของเครื่องแต่ละรุ่น รวมไปถึงแนวโน้มของการผสานผลิตภัณฑ์ทั้งหลายเข้าด้วยกัน
เริ่มกันด้วยบรรยากาศภายนอกโซนแสดงสินค้าที่เน้นคำไปที่ Galaxy และ Ativ ซึ่งเป็น 2 ซีรีส์หลักของซัมซุงในการรุกตลาดไอทีและโทรคมนาคม ซึ่งทางเหล่าผู้บริหารบอกว่าจะสินค้าจะทยอยเข้ามาภายในช่วงปลายไตรมาส 3 นี้
นอกจากนี้ยังได้แง้มช่วงราคาวางจำหน่ายว่า Galaxy S4 Mini และ Galaxy S4 Zoom จะอยู่ในช่วง 1 หมื่นบาทกลางๆ ส่วน Galaxy S4 Active จะอยู่ในช่วงหมื่นปลายๆ ส่วน Galaxy NX ยังต้องรอใกล้ๆช่วงวางจำหน่ายอีกทีหนึ่ง
ก่อนเริ่มงานได้มีการประกาศวางจำหน่าย Galaxy S4 เพิ่มเติมอีก 5 สี คือน้ำเงิน ม่วง แดง น้ำตาล และชมพู
หลังจากนั้นก็ทยอยนำผลิตภัณฑ์ออกมาโชว์เริ่มกันที่ Galaxy S4 Mini
เน้นไปที่ขนาดของเครื่องที่เหมาะมือ ซึ่งเมื่อได้ทดลองจับจริง กับขนาดหน้าจอ 4.3 นิ้วถือว่าทำออกมาได้เหมาะกับกลุ่มที่ต้องการเครื่องพอที่ใช้งานได้ทุกที่ทุกเวลา
ตัวเครื่องแม้ว่าจะไม่ได้ใส่สเปกสูงๆมาเหมือน S4 แต่ก็ทำงานบน Dual Core 1.7 GHz โดยมี RAM ขนาด 1.5 GB
กล้องที่ให้มาความละเอียด 8 ล้านพิกเซล แต่นำฟีเจอร์เด่นๆใน S4 มาใช้งานได้แทบทั้งหมด
ถัดมาคือ Galaxy S4 Active ซึ่งถือเป็นรุ่นอึด ถึก ทน
มีให้เลือกด้วยกัน 3 สี คือ เทา ส้ม และฟ้า หน้าจอขนาด 5 นิ้วเท่ากับ S4
สามารถสัมผัสหน้าจอได้แม้ใส่ถุงมือ
กล้องที่ให้มาข้างหลัง 8 ล้านพิกเซล กล้องหน้า 2 ล้านพิกเซล
หน่วยความจำภายใน 16 GB ที่ใส่ไมโครเอสดีการ์ดเพิ่มได้ถึง 64 GB
ทำงานบนหน่วยประมวลผล Quad Core 1.9 GHz
มีโหมดถ่ายภาพใต้น้ำอย่าง Aqua Mode ซึ่งจะใช้การกดปุ่มเพิ่มลดเสียงแทนชัตเตอร์ โดยเท่าที่ทดลองภาพที่ถ่ายได้น้ำถือว่าออกมาได้สวยงามกว่ารุ่นอื่นๆในตลาด
ต่อมาคือ Galaxy S4 Zoom ที่พัฒนาต่อยอดมาจาก Galaxy Camera โดยเพิ่มความสามารถในการโทรศัพท์เข้าไปพร้อมกับฟีเจอร์ถ่ายภาพอื่นๆภายในเครื่อง
จุดสำคัญของ Galaxy S4 Zoom คือเป็นกล้องถ่ายภาพบนสมาร์ทโฟนที่สามารถซูมได้ 10 เท่า
มาพร้อมกับฟีเจอร์อย่างการแนะนำให้เลือกโหมดถ่ายภาพแบบอัตโนมัติ (Smart Mode Suggest)
วางจำหน่ายด้วยกัน 2 สี คือขาว และ ดำ
พระเอกของงานในฝั่งของ Galaxy คงหนีไม่พ้น Galaxy NX กล้องมิร์เรอร์เลส แอนดรยอด์โฟน ใส่ซิมได้ตัวแรกของโลก
มาพร้อมกับความสามารถใส่การเปลี่ยนเลนส์ ซึ่งสามารถนำเลนส์ในซีรีส์ NX ของซัมซุงมาใช้งานได้ทันที
ระบบโฟกัสแบบ Hybrid AF
ทำงานบนระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ 4.2.2
ขับเคลื่อนด้วยหน่วยประมวลผล ควอดคอร์ 1.6 GHz
มี Smart Mode มาให้เลือกใช้งานเหมือนในโทรศัพท์
ต่อมาในไลน์สินค้าของ ATIV มีการแบ่งอย่างชัดเจนคือให้ Tab 3 เป็นแท็บเล็ต วินโดวส์ Book 9 เป็นซีรีส์ของอัลตร้าบุ๊ก One 5 เป็นออลอินวันพีซี และ Q คือคอนเวอร์เทเบิลโน้ตบุ๊กที่สามารถกลายร่างเป็นแท็บเล็ตได้
ATIV Q ที่เป็นตัวชูโรงในฝั่งของธุรกิจไอทีซัมซุง ชูความโดดเด่นที่เป็นไฮบริดโน้ตบุ๊ก ที่สามารถพับหน้าจอลงมาเพื่อใช้งานเป็นแท็บเล็ตหน้าจอ 13 นิ้วได้
ความสามารถสำคัญของ ATIV Q คงหนีไม่พ้นการใช้งานระบบปฏิบัติการวินโดวส์ 8 ที่สามารถใช้งานโปรแกรมซึ่งจะเรียกระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ 4.2.2 ขึ้นมาใช้งานทางด้านความบันเทิงได้ด้วย
ตัวเครื่องมาพร้อมกับสเปกจัดเต็มอย่าง อินเทล คอร์ ไอ 5 หน้าจอความละเอียด qHD+ ที่ 3,200 x 1800 พิกเซล แน่นอนว่าทำให้เครื่องนี้เป็นคอนเวอร์เทเบิลดีไวส์ที่มีจอความละเอียดสูงขนาดนี้
และยังเคลมว่าความสว่างหน้าจอสามารถใช้งานกลางแดดจ้าได้อย่างไม่มีปัญหา
ATIV Tab 3 มาพร้อมกับขนาดหน้าจอ 10.1 นิ้ว ทำงานบนระบบปฏิบัติการวินโดวส์ 8 โปร
ตัวเครื่องบาง 8.2 มม. น้ำหนัก 550 กรัม
ทางซัมซุงได้แถมไมโครซอฟท์ ออฟฟิศ 2013 มาให้ใช้งานกันโดยไม่ต้องเสียเงินจ่ายเพิ่ม
มี S Pen มาให้ใช้งานด้วย
ยังมีอุปกรณ์เสริมเป็นคีย์บอร์ด Docking ที่เป็นเคสใส่เครื่องอีกทีหนึ่งด้วย
โดยรวมของ ATIV Tab 3 ถือว่าทำออกมาได้ค่อนข้างน่าสนใจ เพราะถือเป็นแท็บเล็ตวินโดวส์ 8 โปร ที่มีขนาด และน้ำหนักที่น่าสนใจ สามารถใช้งานต่อเนื่องได้กว่า 10 ชั่วโมง เพียงแต่ใช้หน่วยประมวลผล อินเทล อะตอม Z2760 RAM 2 GB หน่วยความจำ 64 GB เท่านั้น
ความสวยงามของ ATIV Book 9 Plus ที่ได้รับชื่อเสียงมาตั้งแต่เริ่มวางจำหน่ายโน้ตบ๊ก Series 9 ของทางซัมซุง
ความบางเครื่อง 13.6 มม. น้ำหนัก 1.39 กิโลกรัม แต่สามารถใช้งานได้ต่อเนื่อง 12 ชั่วโมง
ที่สำคัญที่สุดคือความละเอียดหน้าจอ qHD+ ถือเป็นโน้ตบุ๊กที่มีความละเอียดหน้าจอสูงที่สุดในเวลานี้
ATIV Book 9 Lite เป็นรุ่นรองลงมา ที่ใช้หน่วยประมวลผลของทางซัมซุง ซึ่งเป็นควอดคอร์ 1.4 GHz ใช้งานได้ต่อเนื่อง 8.5 ชั่วโมง
วางจำหน่ายด้วยกัน 3 สี คือ ขาว ดำ และแดง
สุดท้ายคือ ATIV One 5 Style ออลอินวันพีซี ที่ให้ความละเอียดหน้าจอสูงถึง qHD+ มาพร้อมดีไซน์แบบประหยัดพื้นที่ในการใช้สอย
ใช้หน่วยประมวลผล เอเอ็มดี ควอดคอร์ ที่มาพร้อมพอร์ตการเชื่อมต่อครบครัน
สำหรับสินค้าในส่วนของตระกูล ATIV ยังไม่มีการเปิดเผยช่วงราคาจำหน่ายออกมาแต่อย่างใด และคาดว่าสินค้าจะเริ่มนำเข้ามาวางจำหน่ายในประเทศไทยราวปลายไตรมาส 3 ถึงต้นไตรมาส 4
เริ่มกันด้วยบรรยากาศภายนอกโซนแสดงสินค้าที่เน้นคำไปที่ Galaxy และ Ativ ซึ่งเป็น 2 ซีรีส์หลักของซัมซุงในการรุกตลาดไอทีและโทรคมนาคม ซึ่งทางเหล่าผู้บริหารบอกว่าจะสินค้าจะทยอยเข้ามาภายในช่วงปลายไตรมาส 3 นี้
นอกจากนี้ยังได้แง้มช่วงราคาวางจำหน่ายว่า Galaxy S4 Mini และ Galaxy S4 Zoom จะอยู่ในช่วง 1 หมื่นบาทกลางๆ ส่วน Galaxy S4 Active จะอยู่ในช่วงหมื่นปลายๆ ส่วน Galaxy NX ยังต้องรอใกล้ๆช่วงวางจำหน่ายอีกทีหนึ่ง
ก่อนเริ่มงานได้มีการประกาศวางจำหน่าย Galaxy S4 เพิ่มเติมอีก 5 สี คือน้ำเงิน ม่วง แดง น้ำตาล และชมพู
หลังจากนั้นก็ทยอยนำผลิตภัณฑ์ออกมาโชว์เริ่มกันที่ Galaxy S4 Mini
เน้นไปที่ขนาดของเครื่องที่เหมาะมือ ซึ่งเมื่อได้ทดลองจับจริง กับขนาดหน้าจอ 4.3 นิ้วถือว่าทำออกมาได้เหมาะกับกลุ่มที่ต้องการเครื่องพอที่ใช้งานได้ทุกที่ทุกเวลา
ตัวเครื่องแม้ว่าจะไม่ได้ใส่สเปกสูงๆมาเหมือน S4 แต่ก็ทำงานบน Dual Core 1.7 GHz โดยมี RAM ขนาด 1.5 GB
กล้องที่ให้มาความละเอียด 8 ล้านพิกเซล แต่นำฟีเจอร์เด่นๆใน S4 มาใช้งานได้แทบทั้งหมด
ถัดมาคือ Galaxy S4 Active ซึ่งถือเป็นรุ่นอึด ถึก ทน
มีให้เลือกด้วยกัน 3 สี คือ เทา ส้ม และฟ้า หน้าจอขนาด 5 นิ้วเท่ากับ S4
สามารถสัมผัสหน้าจอได้แม้ใส่ถุงมือ
กล้องที่ให้มาข้างหลัง 8 ล้านพิกเซล กล้องหน้า 2 ล้านพิกเซล
หน่วยความจำภายใน 16 GB ที่ใส่ไมโครเอสดีการ์ดเพิ่มได้ถึง 64 GB
ทำงานบนหน่วยประมวลผล Quad Core 1.9 GHz
มีโหมดถ่ายภาพใต้น้ำอย่าง Aqua Mode ซึ่งจะใช้การกดปุ่มเพิ่มลดเสียงแทนชัตเตอร์ โดยเท่าที่ทดลองภาพที่ถ่ายได้น้ำถือว่าออกมาได้สวยงามกว่ารุ่นอื่นๆในตลาด
ต่อมาคือ Galaxy S4 Zoom ที่พัฒนาต่อยอดมาจาก Galaxy Camera โดยเพิ่มความสามารถในการโทรศัพท์เข้าไปพร้อมกับฟีเจอร์ถ่ายภาพอื่นๆภายในเครื่อง
จุดสำคัญของ Galaxy S4 Zoom คือเป็นกล้องถ่ายภาพบนสมาร์ทโฟนที่สามารถซูมได้ 10 เท่า
มาพร้อมกับฟีเจอร์อย่างการแนะนำให้เลือกโหมดถ่ายภาพแบบอัตโนมัติ (Smart Mode Suggest)
วางจำหน่ายด้วยกัน 2 สี คือขาว และ ดำ
พระเอกของงานในฝั่งของ Galaxy คงหนีไม่พ้น Galaxy NX กล้องมิร์เรอร์เลส แอนดรยอด์โฟน ใส่ซิมได้ตัวแรกของโลก
มาพร้อมกับความสามารถใส่การเปลี่ยนเลนส์ ซึ่งสามารถนำเลนส์ในซีรีส์ NX ของซัมซุงมาใช้งานได้ทันที
ระบบโฟกัสแบบ Hybrid AF
ทำงานบนระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ 4.2.2
ขับเคลื่อนด้วยหน่วยประมวลผล ควอดคอร์ 1.6 GHz
มี Smart Mode มาให้เลือกใช้งานเหมือนในโทรศัพท์
ต่อมาในไลน์สินค้าของ ATIV มีการแบ่งอย่างชัดเจนคือให้ Tab 3 เป็นแท็บเล็ต วินโดวส์ Book 9 เป็นซีรีส์ของอัลตร้าบุ๊ก One 5 เป็นออลอินวันพีซี และ Q คือคอนเวอร์เทเบิลโน้ตบุ๊กที่สามารถกลายร่างเป็นแท็บเล็ตได้
ATIV Q ที่เป็นตัวชูโรงในฝั่งของธุรกิจไอทีซัมซุง ชูความโดดเด่นที่เป็นไฮบริดโน้ตบุ๊ก ที่สามารถพับหน้าจอลงมาเพื่อใช้งานเป็นแท็บเล็ตหน้าจอ 13 นิ้วได้
ความสามารถสำคัญของ ATIV Q คงหนีไม่พ้นการใช้งานระบบปฏิบัติการวินโดวส์ 8 ที่สามารถใช้งานโปรแกรมซึ่งจะเรียกระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ 4.2.2 ขึ้นมาใช้งานทางด้านความบันเทิงได้ด้วย
ตัวเครื่องมาพร้อมกับสเปกจัดเต็มอย่าง อินเทล คอร์ ไอ 5 หน้าจอความละเอียด qHD+ ที่ 3,200 x 1800 พิกเซล แน่นอนว่าทำให้เครื่องนี้เป็นคอนเวอร์เทเบิลดีไวส์ที่มีจอความละเอียดสูงขนาดนี้
และยังเคลมว่าความสว่างหน้าจอสามารถใช้งานกลางแดดจ้าได้อย่างไม่มีปัญหา
ATIV Tab 3 มาพร้อมกับขนาดหน้าจอ 10.1 นิ้ว ทำงานบนระบบปฏิบัติการวินโดวส์ 8 โปร
ตัวเครื่องบาง 8.2 มม. น้ำหนัก 550 กรัม
ทางซัมซุงได้แถมไมโครซอฟท์ ออฟฟิศ 2013 มาให้ใช้งานกันโดยไม่ต้องเสียเงินจ่ายเพิ่ม
มี S Pen มาให้ใช้งานด้วย
ยังมีอุปกรณ์เสริมเป็นคีย์บอร์ด Docking ที่เป็นเคสใส่เครื่องอีกทีหนึ่งด้วย
โดยรวมของ ATIV Tab 3 ถือว่าทำออกมาได้ค่อนข้างน่าสนใจ เพราะถือเป็นแท็บเล็ตวินโดวส์ 8 โปร ที่มีขนาด และน้ำหนักที่น่าสนใจ สามารถใช้งานต่อเนื่องได้กว่า 10 ชั่วโมง เพียงแต่ใช้หน่วยประมวลผล อินเทล อะตอม Z2760 RAM 2 GB หน่วยความจำ 64 GB เท่านั้น
ความสวยงามของ ATIV Book 9 Plus ที่ได้รับชื่อเสียงมาตั้งแต่เริ่มวางจำหน่ายโน้ตบ๊ก Series 9 ของทางซัมซุง
ความบางเครื่อง 13.6 มม. น้ำหนัก 1.39 กิโลกรัม แต่สามารถใช้งานได้ต่อเนื่อง 12 ชั่วโมง
ที่สำคัญที่สุดคือความละเอียดหน้าจอ qHD+ ถือเป็นโน้ตบุ๊กที่มีความละเอียดหน้าจอสูงที่สุดในเวลานี้
ATIV Book 9 Lite เป็นรุ่นรองลงมา ที่ใช้หน่วยประมวลผลของทางซัมซุง ซึ่งเป็นควอดคอร์ 1.4 GHz ใช้งานได้ต่อเนื่อง 8.5 ชั่วโมง
วางจำหน่ายด้วยกัน 3 สี คือ ขาว ดำ และแดง
สุดท้ายคือ ATIV One 5 Style ออลอินวันพีซี ที่ให้ความละเอียดหน้าจอสูงถึง qHD+ มาพร้อมดีไซน์แบบประหยัดพื้นที่ในการใช้สอย
ใช้หน่วยประมวลผล เอเอ็มดี ควอดคอร์ ที่มาพร้อมพอร์ตการเชื่อมต่อครบครัน
สำหรับสินค้าในส่วนของตระกูล ATIV ยังไม่มีการเปิดเผยช่วงราคาจำหน่ายออกมาแต่อย่างใด และคาดว่าสินค้าจะเริ่มนำเข้ามาวางจำหน่ายในประเทศไทยราวปลายไตรมาส 3 ถึงต้นไตรมาส 4
