เอเอฟพี - เมืองชายทะเลญี่ปุ่นซึ่งอื้อฉาวจากสารคดีล่าโลมา “The Cove” ผุดโครงการเปิด “อุทยานทางทะเล” ให้นักท่องเที่ยวได้ว่ายน้ำสัมผัสฝูงปลาโลมาอย่างใกล้ชิด ขณะที่การ “ล่าโลมา” ประจำปีก็จะยังเกิดขึ้นต่อไปในอ่าวใกล้ๆกัน เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นแถลงวันนี้ (7)
ทางการเมืองไทจิ จังหวัดวากายามะ ได้ศึกษาแนวทางที่จะกั้นพื้นที่อ่าวบางส่วนไว้ให้นักท่องเที่ยวได้ลงเล่นน้ำ หรือพายเรือคายักร่วมกับฝูงวาฬขนาดเล็กและโลมา ทว่า กิจกรรมล่าโลมาประจำปีที่เรียกเสียงประณามจากนักอนุรักษ์ทั่วโลกก็จะยังมีอยู่ต่อไป โดยทางเมืองหวังว่าการเปิดแหล่งท่องเที่ยวจะช่วยให้กิจกรรมล่าโลมาซึ่งถือเป็นประเพณีท้องถิ่นอยู่ได้อย่างยั่งยืน
“ที่ผ่านมาเราได้ใช้โลมาและวาฬขนาดเล็กเป็นสิ่งดึงดูดให้นักท่องเที่ยวมายังอ่าวที่มีการล่าวาฬเกิดขึ้น... ในฤดูร้อนพวกเขาจะสามารถมาชมฝูงสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมที่ถูกปล่อยออกมาจากพื้นที่ซึ่งเรากั้นไว้” มาซากิ วาดะ เจ้าหน้าที่เมืองไทจิ ให้สัมภาษณ์กับเอเอฟพี
“เรามีแผนจะขยายโครงการนี้ออกไปอีก ในระยะยาวเราจะทำให้เมืองไทจิทั้งเมืองเป็นอุทยานทางทะเล ซึ่งคุณจะสามารถชมชีวิตของวาฬ และโลมา พร้อมกับลิ้มลองอาหารทะเลหลากหลายชนิด รวมถึงเนื้อวาฬและโลมาด้วย”
อุทยานแห่งนี้จะแยกออกมาจากอ่าวฮาตาเกจิริ ซึ่งเป็นจุดที่ชาวประมงท้องถิ่นจะล้อมจับโลมา และเลือกเอาบางส่วนส่งไปขายยังสวนน้ำต่างๆ ส่วนที่เหลือก็จะแทงให้ตายเพื่อเอาเนื้อมาเป็นอาหาร
ตามโครงการนี้ เมืองไทจิจะเปิดอุทยานทางทะเลแบบซาฟารีขึ้นบนพื้นที่ 0.2 ตารางกิโลเมตร โดยนำตาข่ายไปกั้นไว้ที่ทางเข้าอ่าวโมริอุระ ทางตะวันตกเฉียงเหนือของเมือง และคาดว่าพื้นที่อุทยานบางส่วนจะเปิดรับนักท่องเที่ยวได้ภายใน 5 ปีข้างหน้า
ภาพยนตร์สารคดี The Cove ซึ่งออกฉายเมื่อปี 2009 ทำให้การล่าโลมาที่เมืองไทจิกลายเป็นที่โจษจันไปทั่วโลก โดยสารคดีเรื่องเยี่ยมนี้มีการใช้กล้องถ่ายภาพใต้น้ำ และจำลองวิธีการอันป่าเถื่อนที่ชาวประมงญี่ปุ่นใช้ล่าและชำแหละเนื้อโลมา
ข้อมูลจากจังหวัดวากายามะระบุว่า ชาวประมงเมืองไทจิล่าโลมาไปทั้งสิ้น 1,277 ตัวในปี 2012 และในปีนี้ก็ได้รับอนุญาตให้ล่าได้ถึง 2,026 ตัว โดยฤดูล่าโลมานั้นเริ่มขึ้นตั้งแต่เดือนกันยายน เรื่อยไปจนถึงเดือนสิงหาคมปีหน้า
กลุ่มอนุรักษ์ Iruka & Kujira Action Network (IKAN) ซึ่งมีฐานที่กรุงโตเกียวชี้ว่า โครงการสร้างอุทยานทางทะเลเป็นเรื่องน่าเสียดายสำหรับเมืองไทจิ
“แผนทั้งหมดนี้ตั้งอยู่บนแนวคิดพื้นฐานที่ว่า พวกเขาสามารถใช้ประโยชน์จากโลมาและวาฬซึ่งเป็นทรัพยากรที่มีอยู่ในท้องถิ่นได้ แต่ในความเป็นจริงสัตว์เหล่านี้ไม่ใช่ของชาวเมืองไทจิ... พวกมันอพยพไปทั่วมหาสมุทร และคนทั่วโลกก็เห็นว่า สัตว์เหล่านี้ควรถูกปล่อยให้มีชีวิตอยู่ตามธรรมชาติของมัน” นานามิ คุราซาวะ เลขาธิการกลุ่ม IKAN เผย
อย่างไรก็ดี ชาวเมืองไทจิโต้แย้งว่า การล่าโลมาเป็นส่วนหนึ่งของประเพณีล่าและกินเนื้อวาฬที่สืบทอดกันมานานกว่า 400 ปี และเสียงประณามจากนักอนุรักษ์ก็เกิดจากลัทธิจักรวรรดิทางวัฒนธรรมที่ละเลยความจริงที่ว่า การล่าโลมาไม่ได้แตกต่างอะไรเลยจากการเชือดสัตว์เลี้ยงในฟาร์มอย่างโคกระบือ