สำนักข่าว businessinsider.com เผยแพร่บทความชิ้นหนึ่งที่เรียกความสนใจจากผู้คนทั้งในและนอกวงการไอทีได้อย่างเกรียวกราว เพราะบทความนี้นำภาพลายเซ็นของเหล่าซีอีโอคนดังในวงการไอทีมาเผยแพร่ ทั้งมาร์ก ซักเกอร์เบิร์ก ซีอีโอเฟซบุ๊ก, สตีฟ บอลเมอร์ ซีอีโอไมโครซอฟท์ และสตีฟ จ็อบส์ อดีตซีอีโอแอปเปิล พร้อมกับขอให้ผู้เชี่ยวชาญเรื่องการวิเคราะห์ลายมือมาให้ความรู้ ว่าซีอีโอเหล่านี้เป็นคนอย่างไรหรือกำลังคิดอะไรอยู่
ผู้เชี่ยวชาญที่ทำหน้าที่วิเคราะห์ลายเซ็นซีอีโอคนดังเหล่านี้คือ Sheila Lowe ประธานมูลนิธิวิเคราะห์ลายมือ American Handwriting Analysis Foundation จุดนี้ Lowe อธิบายว่าการอ่านคนจากลายมือนั้นจะให้ข้อมูลในแง่มุมหนึ่งเท่านั้น ซึ่งอุปมาเหมือนกับการวิจารณ์จมูกคนทั่วไปจากภาพรูปเดียว ทั้งหมดนี้ Lowe สรุปว่าลายเซ็นนั้นเป็นเหมือนปกหนังสือ ซึ่งไม่ได้บอกรายละเอียดเนื้อหาทั้งหมดในเล่ม
ด้านล่างนี้ เป็นข้อมูลที่ Lowe วิเคราะห์ได้ :

บิล เกตส์ (Bill Gates) - ลายเส้นชัดเจน สะอาด มีสัญลักษณ์ของความคิดเร็ว แต่จุดบนตัวอักษร 'i' ก็บ่งบอกว่าประธานบริษัทไมโครซอฟท์คนนี้ เป็นคนให้ความสำคัญกับรายละเอียดไม่ใช่เล่น

แจ็ก ดอร์ซีย์ (Jack Dorsey) - ผู้ก่อตั้งทวิตเตอร์ และซีอีโอบริษัทผู้ให้บริการระบบชำระเงินบนอุปกรณ์พกพาอย่างสแควร์ (Square) ใช้สัญลักษณ์ "@" เพื่อบ่งบอกว่าตัวเองเป็นใครและทำงานอะไร ลายเส้นชี้ต่ำของอักษร "K" สะท้อนว่าผู้ชายคนนี้มักมองย้อนอดีตเพื่อให้ประสบการณ์ให้เป็นประโยชน์อยู่เสมอ

อย่างไรก็ตาม ซีอีโอผู้ก่อตั้งทวิตเตอร์ยังมีอีกลายเซ็น ไว้ใช้ในกรณีที่เป็นทางการด้วย

เจฟ เบโซส์ (Jeff Bezos) - ซีอีโออเมซอนเซ็นชื่อตัว (first name) โดยเอียงทางซ้าย ก่อนจะเขียนนามสกุล (last name) โดยเอียงด้านขวา ขณะที่ลายเส้นสุดท้ายแสดงถึงความแข็งกร้าวและการเป็นกำแพงป้องกันตัวเองจากคนรอบข้าง

ทิม คุก (Tim Cook) - ลายเส้นยุ่งเหยิงของซีอีโอแอปเปิลบ่งบอกว่าไม่อยากให้ใครรู้ข้อมูลส่วนตัวมากนัก

โดยเฉพาะเมื่อซีอีโอแอปเปิลเป็นคนที่มี 2 ลายเซ็นซึ่งจะถูกเลือกเซ็นตามจุดประสงค์ของบุคคลที่จะสื่อสารด้วย จุดนี้ยิ่งสะท้อนถึงความต้องการรักษาพื้นที่ส่วนตัวอย่างชัดเจน

สตีฟ บอลเมอร์ (Steve Ballmer) - ตัวอักษร 't' ในชื่อ Stephen นั้นมีขีดบนที่ห่างไปทางขวา ขณะเดียวกันก็ไม่สมดุลกับอักษร LL ในชื่อ Ballmer ความขัดแย้งนี้ทำให้สามารถวิเคราะห์ได้ว่าซีอีโอไมโครซอฟท์รายนี้มักกำหนดมาตรฐานของตัวเอง และไม่ค่อยสนใจว่าคนอื่นจะวิจารณ์อย่างไร

แลร์รี่ เพจ (Larry Page) - ความชัดเจนและหนักแน่นของลายเซ็นสะท้อนว่าซีอีโอกูเกิลไม่วิตกกับเสียงวิจารณ์หรือความคิดของคนอื่น ขณะที่ช่องว่างที่เปิดกว้างในตัวอักษร P แสดงถึงความเป็นนักฟังที่ดี และการทิ้งช่องว่างระหว่างชื่อและนามสกุล ก็แสดงว่าซีอีโอกูเกิลเป็นคนให้ความสำคัญกับพื้นที่ส่วนตัว

เซอร์เกย์ บริน (Sergey Brin) - ลายเส้นชัดเจนของคำว่า Sergey ที่มากกว่าคำว่า Brin ทำให้ผู้ร่วมก่อตั้งกูเกิลถูกมองว่าต้องการให้โลกรู้จักเขาในฐานะผู้ชายชื่อ "Sergey" มากกว่า "นาย Brin"

มาร์ก ซักเกอร์เบิร์ก (Mark Zuckerberg) - การเซ็นชื่อด้วยตัวอักษรย่อสะท้อนว่าซีอีโอผู้ก่อตั้งเฟซบุ๊กเป็นคนที่"เลือกเปิดเผย"ข้อมูล โดยจะไม่เห็นความจำเป็นในการแบ่งปันเรื่องที่เห็นว่าไม่สำคัญ ทั้งหมดนี้เป็นเพราะหนุ่มมาร์กมีนามสกุลเขียนยาว ซึ่งการเลือกเขียนบางอักษรถือว่าเป็นการตัดสินให้ผู้พบเห็นรู้ข้อมูลเท่าที่จำเป็น แม้ว่าทุกคนจะไม่รู้ว่านามสกุลของซีอีโอหนุ่มเขียนอย่างไรก็ตาม

สตีฟ จ็อบส์ (Steve Jobs) - อดีตซีอีโอแอปเปิลเลือกเซ็นชื่อโดยใช้ตัวอักษรตัวเขียนเล็ก สะท้อนความถ่อมตัวหรือความเป็นมนุษย์เดินดินซึ่งจ็อบส์อาจจะรู้สึกถึงตัวเอง แต่ลักษณะการเขียนที่ต่อเนื่องไม่มีหยุด แสดงว่าหากซีอีโอจ็อบส์เริ่มต้นทำอะไรแล้ว จะไม่มีทางคิดหยุดโครงการที่เริ่มไว้ง่ายๆ
ขอบคุณภาพและบทความจาก businessinsider.com
ผู้เชี่ยวชาญที่ทำหน้าที่วิเคราะห์ลายเซ็นซีอีโอคนดังเหล่านี้คือ Sheila Lowe ประธานมูลนิธิวิเคราะห์ลายมือ American Handwriting Analysis Foundation จุดนี้ Lowe อธิบายว่าการอ่านคนจากลายมือนั้นจะให้ข้อมูลในแง่มุมหนึ่งเท่านั้น ซึ่งอุปมาเหมือนกับการวิจารณ์จมูกคนทั่วไปจากภาพรูปเดียว ทั้งหมดนี้ Lowe สรุปว่าลายเซ็นนั้นเป็นเหมือนปกหนังสือ ซึ่งไม่ได้บอกรายละเอียดเนื้อหาทั้งหมดในเล่ม
ด้านล่างนี้ เป็นข้อมูลที่ Lowe วิเคราะห์ได้ :
บิล เกตส์ (Bill Gates) - ลายเส้นชัดเจน สะอาด มีสัญลักษณ์ของความคิดเร็ว แต่จุดบนตัวอักษร 'i' ก็บ่งบอกว่าประธานบริษัทไมโครซอฟท์คนนี้ เป็นคนให้ความสำคัญกับรายละเอียดไม่ใช่เล่น
แจ็ก ดอร์ซีย์ (Jack Dorsey) - ผู้ก่อตั้งทวิตเตอร์ และซีอีโอบริษัทผู้ให้บริการระบบชำระเงินบนอุปกรณ์พกพาอย่างสแควร์ (Square) ใช้สัญลักษณ์ "@" เพื่อบ่งบอกว่าตัวเองเป็นใครและทำงานอะไร ลายเส้นชี้ต่ำของอักษร "K" สะท้อนว่าผู้ชายคนนี้มักมองย้อนอดีตเพื่อให้ประสบการณ์ให้เป็นประโยชน์อยู่เสมอ
อย่างไรก็ตาม ซีอีโอผู้ก่อตั้งทวิตเตอร์ยังมีอีกลายเซ็น ไว้ใช้ในกรณีที่เป็นทางการด้วย
เจฟ เบโซส์ (Jeff Bezos) - ซีอีโออเมซอนเซ็นชื่อตัว (first name) โดยเอียงทางซ้าย ก่อนจะเขียนนามสกุล (last name) โดยเอียงด้านขวา ขณะที่ลายเส้นสุดท้ายแสดงถึงความแข็งกร้าวและการเป็นกำแพงป้องกันตัวเองจากคนรอบข้าง
ทิม คุก (Tim Cook) - ลายเส้นยุ่งเหยิงของซีอีโอแอปเปิลบ่งบอกว่าไม่อยากให้ใครรู้ข้อมูลส่วนตัวมากนัก
โดยเฉพาะเมื่อซีอีโอแอปเปิลเป็นคนที่มี 2 ลายเซ็นซึ่งจะถูกเลือกเซ็นตามจุดประสงค์ของบุคคลที่จะสื่อสารด้วย จุดนี้ยิ่งสะท้อนถึงความต้องการรักษาพื้นที่ส่วนตัวอย่างชัดเจน
สตีฟ บอลเมอร์ (Steve Ballmer) - ตัวอักษร 't' ในชื่อ Stephen นั้นมีขีดบนที่ห่างไปทางขวา ขณะเดียวกันก็ไม่สมดุลกับอักษร LL ในชื่อ Ballmer ความขัดแย้งนี้ทำให้สามารถวิเคราะห์ได้ว่าซีอีโอไมโครซอฟท์รายนี้มักกำหนดมาตรฐานของตัวเอง และไม่ค่อยสนใจว่าคนอื่นจะวิจารณ์อย่างไร
แลร์รี่ เพจ (Larry Page) - ความชัดเจนและหนักแน่นของลายเซ็นสะท้อนว่าซีอีโอกูเกิลไม่วิตกกับเสียงวิจารณ์หรือความคิดของคนอื่น ขณะที่ช่องว่างที่เปิดกว้างในตัวอักษร P แสดงถึงความเป็นนักฟังที่ดี และการทิ้งช่องว่างระหว่างชื่อและนามสกุล ก็แสดงว่าซีอีโอกูเกิลเป็นคนให้ความสำคัญกับพื้นที่ส่วนตัว
เซอร์เกย์ บริน (Sergey Brin) - ลายเส้นชัดเจนของคำว่า Sergey ที่มากกว่าคำว่า Brin ทำให้ผู้ร่วมก่อตั้งกูเกิลถูกมองว่าต้องการให้โลกรู้จักเขาในฐานะผู้ชายชื่อ "Sergey" มากกว่า "นาย Brin"
มาร์ก ซักเกอร์เบิร์ก (Mark Zuckerberg) - การเซ็นชื่อด้วยตัวอักษรย่อสะท้อนว่าซีอีโอผู้ก่อตั้งเฟซบุ๊กเป็นคนที่"เลือกเปิดเผย"ข้อมูล โดยจะไม่เห็นความจำเป็นในการแบ่งปันเรื่องที่เห็นว่าไม่สำคัญ ทั้งหมดนี้เป็นเพราะหนุ่มมาร์กมีนามสกุลเขียนยาว ซึ่งการเลือกเขียนบางอักษรถือว่าเป็นการตัดสินให้ผู้พบเห็นรู้ข้อมูลเท่าที่จำเป็น แม้ว่าทุกคนจะไม่รู้ว่านามสกุลของซีอีโอหนุ่มเขียนอย่างไรก็ตาม
สตีฟ จ็อบส์ (Steve Jobs) - อดีตซีอีโอแอปเปิลเลือกเซ็นชื่อโดยใช้ตัวอักษรตัวเขียนเล็ก สะท้อนความถ่อมตัวหรือความเป็นมนุษย์เดินดินซึ่งจ็อบส์อาจจะรู้สึกถึงตัวเอง แต่ลักษณะการเขียนที่ต่อเนื่องไม่มีหยุด แสดงว่าหากซีอีโอจ็อบส์เริ่มต้นทำอะไรแล้ว จะไม่มีทางคิดหยุดโครงการที่เริ่มไว้ง่ายๆ
ขอบคุณภาพและบทความจาก businessinsider.com