นักวิเคราะห์ในตลาดหุ้นวอลล์สตรีทพร้อมใจวิจารณ์การเปิดตัวแท็บเล็ตล่าสุดตระกูลไอแพด (iPad) บนหน้าจอที่หดเล็กลงเหลือ 7.9 นิ้วในชื่อไอแพดมินิ (iPad mini) ของแอปเปิล (Apple) โดยกลุ่มหนึ่งประกาศปรับลดตัวเลขพยากรณ์ยอดจัดส่งไอแพดในไตรมาสปัจจุบันลง พร้อมกับกลุ่มที่สองออกเสียงวิจารณ์ว่าการเปิดตัวไอแพดรุ่นใหม่นี้เกิดขึ้นเร็วเกินไปจนอาจทำให้สาวกที่ซื้อ"นิวไอแพด (New iPad)"ไปต้นปีเกิดอาการเซ็ง
ขณะที่อีกกลุ่มแสดงความมั่นใจว่าไอแพดมินิจะยังสามารถขายดีถล่มทลายอย่างเคย แถมยังจะปฏิวัติวงการแท็บเล็ต 7 นิ้วในตลาดโลกด้วย
เสียงนักวิเคราะห์ที่แตกแยกนี้เกิดขึ้นหลังจากงานเปิดตัวแท็บเล็ตไอแพดรุ่นใหม่บนหน้าจอ 7.9 นิ้วในชื่อไอแพดมินิ เมื่อวันที่ 23 ตุลาคมที่ผ่านมา โดยแอปเปิลระบุว่าจะจำหน่ายในราคาเริ่มต้น 329 เหรียญสำหรับรุ่น Wi-Fi-only (รองรับไว-ไฟเท่านั้น) ความจุ 16GB แถมจะเปิดสั่งจองวันเดียวกับกำหนดการเปิดตัววินโดวส์ 8 ในวันที่ 26 ตุลาคมนี้ เพื่อรับเครื่องไอแพดมินิช่วงวันที่ 2 พฤศจิกายนตามข่าวลือ
แน่นอนว่าการเปิดตัวไอแพดมินิถูกนำไปเชื่อมโยงกับความร้อนแรงของสังเวียนแท็บเล็ต 7 นิ้วที่แข่งขันอย่างจริงจังในขณะนี้ เช่นอเมซอน (Amazon) ที่ส่งคินเดิลไฟร์เอชดี (Kindle Fire HD) ลงตลาด และกูเกิล (Google) ที่จับมือกับอัสซุส (Asus) เปิดตัวเน็กซัสเซเว่น (Nexus 7) รวมถึงแท็บเล็ตรุ่นอื่นๆที่ยึดหัวหาดตลาดอุปกรณ์หน้าจอ 7 นิ้วเป็นหลัก
เรื่องนี้ Rhoda Alexander นักวิเคราะห์จากไอเอชเอสไอซับพลาย (IHS iSuppli) เชื่อว่าไอแพดมินิจะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในตลาดแท็บเล็ต 7 นิ้วอย่างรวดเร็วชนิดติดเทอร์โบ โดยจะช่วยกระตุ้นตลาดในแง่ของยอดขายที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 2 เท่าตัวในเวลารวดเร็วในช่วงเวลาที่เหลือของปีนี้ และอาจจะส่งผลต่อเนื่องไปถึงปีหน้า
เช่นเดียวกับ Gene Munster แห่งบริษัทวิจัย Piper Jaffray ซึ่งมองว่าภาพรวมตลาดแท็บเล็ตกำลังมีการเปลี่ยนแปลง โดยมั่นใจว่าไอแพดมินิจะสามารถดึงดูดผู้ใช้กลุ่ม price-sensitive consumer ที่คำนึงถึงราคาสินค้าเป็นหลักได้มากขึ้น คาดว่าแอปเปิลจะสามารถขายไอแพดมินิได้ทะลุ 5 ล้านเครื่องภายในปีนี้
แต่ในมุมราคาไอแพดมินิที่ตั้งราคาเริ่มต้นไว้ที่ 329 เหรียญสหรัฐ (ราว 10,000 บาท) นั้นถูกวิจารณ์อย่างหนัก เพราะนักวิเคราะห์เชื่อว่าแอปเปิลจะเปิดราคาในระดับต่ำกว่านี้ โดย Piper Jaffray เป็นหนึ่งในบริษัทที่เชื่อว่าแอปเปิลจะเปิดตัวไอแพดมินิรุ่น 8GB ในราคา 299 เหรียญเท่านั้น (ราว 9,200 บาท) ซึ่งการพลิกล็อคครั้งนี้ทำให้นักลงทุนไม่มั่นใจจนทำให้มูลค่าหุ้นของแอปเปิลตกต่ำลงมากกว่า 3% เหลือ 613.39 เหรียญต่อหุ้นเมื่อช่วงปิดตลาดของวันที่ 23 ตุลาคมที่ผ่านมา
อเมซอนนั้นส่งแท็บเล็ตรุ่นล่าสุดของตัวเองอย่างคินเดิลไฟร์เอชดีวางตลาดสหรัฐฯในราคา 199 เหรียญสหรัฐ ขณะที่กูเกิลจำหน่ายเน็กซัสเซเว่นในราคา 249 เหรียญสหรัฐ จุดนี้ Bill Kreher นักวิเคราะห์จาก Edward Jones มองว่าการตั้งราคาเริ่มต้นไอแพดมินิให้สูงกว่าคู่แข่งมากกว่า 100 เหรียญสหรัฐนี้เกิดขึ้นเพราะแอปเปิลไม่เคยกังวลเรื่องการตั้งราคาจำหน่ายที่สูงกว่า ซึ่งเป็นธรรมเนียมปฏิบัติที่แอปเปิลมักจะจำหน่ายสินค้าในราคาที่สูงกว่าคู่แข่งอยู่แล้ว
ที่สำคัญคือ การกำหนดราคาเริ่มต้นที่ 329 เหรียญนั้นสะท้อนว่าแอปเปิลวางเดิมพันไว้สูงกว่าคู่แข่ง นักวิเคราะห์จาก Needham & Co. อย่าง Charlie Wolf เชื่อว่าแอปเปิลมองราคา 329 เหรียญว่าเป็นระดับต่ำเพียงพอจะทำให้แอปเปิลครองตลาดแท็บเล็ตรุ่นหน้าจอขนาดเหมาะมือได้ โดยดีไซน์และคุณภาพของไอแพด รวมถึงจำนวนแอปพลิเคชันมหาศาล จะทำให้ผู้บริโภคยอมจ่ายเงินมากขึ้นเพื่อซื้อไอแพดมินิ ขณะที่แอปเปิลจะยังรักษาระดับกำไรหรือมาร์จิ้นต่อสินค้าในระดับระหว่าง 30-40% ได้ต่อไป
แต่สิ่งหนึ่งที่จะเกิดขึ้นแน่นอน คือไอแพดมินิจะทำให้แท็บเล็ตรุ่นประหยัดอย่างคินเดิลและเน็กซัสเซเว่นตกที่นั่งลำบาก จุดนี้นักวิเคราะห์จำนวนไม่น้อยมองว่าไอแพดมินิจะสามารถชิงเงินในกระเป๋าของผู้บริโภคจากสินค้าทั้ง 2 รุ่นนี้ ซึ่งมีความเป็นไปได้สูงมากที่โอกาสเติบโตของสินค้าทั้ง 2 รุ่นจะหดตัวลงเมื่อเทียบกับช่วงเวลาก่อนการเปิดตัวไอแพดมินิ
แน่นอนว่าแอปพลิเคชันมากกว่า 275,000 แอปที่พัฒนาเพื่อไอแพดหน้าจอใหญ่ดั้งเดิม 10 นิ้วจะสามารถทำงานบนไอแพดมินิได้ จุดนี้จะทำให้ไอแพดมินิมีแรงดึงดูดชนิดไม่มีใครเทียบ ขณะเดียวกันก็มีโอกาสมากที่ไอแพดมินิจะขยายตัวในตลาดการศึกษา เพราะแอปพลิเคชันด้านการเรียนรู้มากกว่า 27,000 แอปนั้นพร้อมทำงานบนไอแพดมินิแล้วในขณะนี้
อีกสิ่งที่จะทำให้ไอแพดมินิถูกใจชาวโลกในระดับเมนสตรีมคือน้ำหนักเครื่อง นักวิเคราะห์ของ Forrester อย่าง Sarah Rotman Epps เชื่อว่าไอแพดมินิที่มีน้ำหนัก 0.68 ปอนด์และบางเท่าแท่งดินสอแต่ไม่ได้ทำจากวัสดุกลุ่มพลาสติกอย่างที่แท็บเล็ตแบรนด์อื่นทำนั้นจะโดนใจผู้ใช้ได้มากกว่าไอแพดรุ่นดั้งเดิม โดยเฉพาะกลุ่มนักท่องเที่ยวและผู้ใช้ทั่วไปที่ไม่ต้องการอุปกรณ์ที่หนาและหนัก รวมถึงผู้ปกครองและผู้ใช้ที่ต้องการเครื่องในราคาไม่สูงนัก
ในมุมกลับกัน นักวิเคราะห์จำนวนไม่น้อยวิจารณ์ว่าการเปิดตัวไอแพดมินินั้นเป็นการตอกย้ำว่ายุคทองของแอปเปิลนั้นจบลงแล้ว เช่น Trip Chowdhry กรรมการผู้จัดการของบริษัทวิจัย Equity Research ที่วิจารณ์ว่าความเป็นองค์กรนวัตกรรมของแอปเปิลนั้นไม่มีอีกต่อไป เพราะการเปิดตัวไอแพดมินินั้นไม่ใช่การปฏิวัติอุตสาหกรรม แต่เป็นการวิ่งตามกูเกิลและระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ (Android) ซึ่งอาจจะมีผลกระทบต่อการซื้อสินค้าของแฟนคลับแอปเปิล
ขณะเดียวกัน แอปเปิลนั้นเปิดตัวไอแพด 2 รุ่นในเวลาห่างกันเพียง 7 เดือน เรื่องนี้ Ken Hess นักเขียนบล็อกของ ZDNet ถึงกับตั้งคำถามแสดงความไม่พอใจอย่างหนักต่อแอปเปิลว่า "How stupid do you think people are?" โดยมองว่าแอปเปิลไม่ให้เกียรติผู้บริโภคด้วยการเปิดตัวไอแพด 2 รุ่นในปีเดียวกัน ทำให้ผู้ที่ซื้อนิวไอแพดไปเมื่อเดือนมีนาคม ไม่ได้รับเครื่องที่มีพอร์ตเชื่อมต่อข้อมูลใหม่พร้อมกับหน่วยประมวลผลที่ดีกว่า
เบื้องต้น มีรายงานว่าแอปเปิลดำเนินการเก็บเครื่องนิวไอแพด (iPad 3rd Generation) ออกจากชั้นวางจำหน่ายในร้านแอปเปิลสโตร์ เพื่อเป็นเครื่องอะไหล่ โดยจะลดราคาจำหน่ายในร้านออนไลน์ ไอแพดรุ่นดังกล่าวพร้อมพอร์ตเชื่อมต่อข้อมูลแบบ 30 เข็มจะจำหน่ายในราคาเริ่มต้นที่ 379 เหรียญ (ราว 11,700 บาท) จากเดิม 499 เหรียญสหรัฐ
ขณะเดียวกัน แอปเปิลสโตร์บางสาขาในสหรัฐฯ ประกาศแคมเปญใหม่ให้ผู้ซื้อนิวไอแพดไปในเวลาไม่ถึง 1 เดือนจะสามารถนำเครื่องมาเปลี่ยนใหม่ได้ ซึ่งยังไม่มีการเปิดเผยว่านโยบายนี้จะปฏิบัติพร้อมกันทั่วโลกหรือไม่
อย่างไรก็ตาม Ted Schadler นักวิเคราะห์ของ Forrester Research กลับมองว่าแอปเปิลนั้นจำเป็นต้องปรับตัวเพื่อตอบสนองความต้องการของตลาด ซึ่งมีความชัดเจนว่าต้องการแท็บเล็ตที่มีขนาดเล็กกว่า 10 นิ้ว โดยแม้ปัจจุบัน แอปเปิลจะครองส่วนแบ่งตลาดแท็บเล็ตถึง 68% แต่แอปเปิลก็จำเป็นต้องเคลื่อนไหวเพื่อสร้างความมั่นใจว่าจะสามารถรั้งตำแหน่งแชมป์ไว้เช่นเดิม
แม้ว่าจะต้องทำให้ "New iPad" ไม่ New สมชื่อแล้วก็ตาม.