เพราะโลกยังใช้งาน NFC ไม่แพร่หลาย นักวิเคราะห์จึงมองว่าการเติบโตค่อนข้างช้าทำให้แอปเปิล (Apple) ตัดสินใจเหยียบเบรกโครงการ NFC ไว้ก่อน!?
แอปเปิลนั้นไม่ได้ติดตั้งชิป near field communication หรือ NFC ไว้ในสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ล่าสุด "ไอโฟน 5 (iPhone 5)" การตัดสินใจครั้งนี้ถูกวิจารณ์ออกเป็น 2 แนวทาง เพราะนักสนับสนุน NFC ล้วนมองว่าแอปเปิลจะเสียใจภายหลัง ขณะที่ผู้เชี่ยวชาญด้านโมบายล์เพย์เมนต์หลายคนยกย่องว่า นี่อาจเป็นการตัดสินใจที่ดีในขณะนี้ เพื่อชะลอการเปิดตัว NFC ออกไปในวันที่เทคโนโลยีนี้ยังไม่พร้อมเต็มที่
NFC นั้นเป็นเทคโนโลยีที่ทำให้ผู้ใช้สมาร์ทโฟนสามารถแตะโทรศัพท์มือถือเข้ากับเครื่องอ่านเพื่อชำระค่ารถไฟ-เครื่องดื่ม-รวมถึงสินค้าอื่นๆได้โดยไม่ต้องใช้เงินสดหรือบัตรเครดิต นอกจากชำระเงิน NFC ยังสามารถใช้ระบุตัวตนเช่นผู้พักโรงแรมในอนาคตที่จะสามารถเปิดประตูห้องได้โดยไม่ต้องใช้คีย์การ์ด แต่ขอเพียงแตะโทรศัพท์กับเครื่องอ่านที่ติดอยู่ที่ประตูห้อง ขณะเดียวกัน ผู้ใช้ NFC ยังสามารถใช้ประโยชน์จากการรับส่งข้อมูลไร้สาย ทำให้ผู้ใช้สามารถแตะเครื่องโทรศัพท์ของเพื่อนเพื่อรับส่งข้อมูล หรือวางบนอุปกรณ์ NFC เพื่อทำงานโดยไม่ต้องพึ่งพาสายเชื่อมต่อ
เรื่องนี้ ริค ออกเลสบี (Rick Oglesby) นักวิเคราะห์จากบริษัทวิจัยเอทกรุ้ป (Aite Group) ให้ข้อมูลว่าในปัจจุบัน ผู้ค้าทั่วโลกเพียง 2% เท่านั้นที่ติดตั้งเครื่องอ่าน NFC เพื่อรองรับการทำธุรกรรมผ่านการแตะโทรศัพท์ แน่นอนว่าตัวเลขนี้ไม่ยิ่งใหญ่พอที่จะดึงดูดความสนใจของแอปเปิล เพราะแอปเปิลมักให้ความสนใจกับ"อะไรสักอย่าง"ที่จะปฏิวัติการใช้งานของคนทั้งโลกอย่างแท้จริง
ต่างจากความคิดของผู้บริหารบริษัทสื่อสารการตลาด ไมเลส ควิตแมนน์ (Miles Quitmann) กรรมการผู้จัดการบริษัท Proxama เชื่อว่าเทคโนโลยี NFC จะยังพัฒนาต่อเนื่องแม้ไม่มีเงาของแอปเปิล ซึ่งการตัดสินใจมองข้าม NFC ไปอาจจะเป็นความสูญเสียของแอปเปิลก็ได้
ควิตแมนน์กล่าวว่าขณะนี้บริษัทผู้ให้บริการบัตรเครดิต และผู้ค้าสมาร์ทโฟนหลายแบรนด์แสดงจุดยืนพร้อมหนุนหลัง NFC เต็มที่ หลายรายเทเงินทุนหลายล้านเหรียญสหรัฐเพื่อพัฒนาเทคโนโลยี NFC เช่นบริษัท Proxama ที่ทำงานร่วมกับบริษัทอเมริกันอย่าง Device Fidelity พัฒนาอุปกรณ์เสริมชนิดใหม่เพื่อให้ผู้ใช้ iPhone 5 สามารถสื่อสารโต้ตอบกับชิป NFC ในป้ายโฆษณาหรือบรรจุภัณฑ์ของสินค้าใดๆ
สิ่งหนึ่งที่สาวกไอโฟนไม่ควรมองข้าม คือแทนที่จะเพิ่มความสามารถ NFC ใน iPhone แต่แอปเปิลตัดสินใจโปรโมทซอฟต์แวร์โมบายล์เพย์เมนต์ของตัวเองนามว่า "พาสบุ๊ก (Passbook)" ซอฟต์แวร์ชำระเงินผ่านโทรศัพท์มือถือซึ่งจะพร้อมทำงานบนระบบปฏิบัติการ iOS 6
หลักการทำงานของ Passbook นั้นอยู่บนการรับส่งข้อมูลการชำระเงินผ่านบาร์โค้ดบนหน้าจอ 4 นิ้วของ iPhone 5 ทั้งหมดนี้ สก็อต ฟอร์สตอล (Scott Forstall) รองประธานอาวุโสฝ่ายซอฟต์แวร์ iOS อธิบายว่า Passbook จะเป็นวิธีที่ง่ายที่สุดในการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนตัวไว้ในที่เดียว เช่น บัตรตั๋วโดยสารเครื่องบิน, บัตรสมาชิกร้านค้า, ตั๋วชมกีฬาและการแสดง รวมถึงหลักฐานด้านการเงินอื่นๆซึ่งจะสามารถแสดงในรูปบาร์โค้ดธรรมดา ทำให้การทำธุรกรรมแต่ละครั้งไม่ต้องใช้เครื่องอ่านให้วุ่นวาย
การใช้ระบบบาร์โค้ดในการจ่ายเงินนั้นไม่ใช่เรื่องใหม่ สำนัก Computerworld ชี้ว่าเชนกาแฟยักษ์ใหญ่อย่าง "สตาร์บัคส์ (Starbucks)" นั้นประสบความสำเร็จกับการออกบัตร Starbucks card เพื่อให้ลูกค้าซื้อกาแฟด้วยบัตร แทนการพกเงินสดที่จุดชำระเงินมาตั้งแต่ปีที่แล้ว บัตรดังกล่าวได้รับเสียงชื่นชมจากผู้ใช้ในสหรัฐฯว่าสะดวกสบายและรวดเร็ว และเพราะร้าน Starbucks นั้นติดตั้งเครื่องสแกนบาร์โค้ดแล้วเรียบร้อย Starbucks จึงไม่จำเป็นต้องรอให้ชิป NFC แพร่หลายในสมาร์ทโฟน
นี่เป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้แอปเปิลเลือกหนุนระบบจ่ายเงินด้วยบาร์โค้ดมากกว่า NFC เพราะระบบชำระเงินมาตรฐาน NFC นั้นต้องใช้ซอฟต์แวร์พิเศษเพื่อทำให้เครื่องอ่านสามารถสื่อสารกับชิป NFC ในสมาร์ทโฟนแต่ละเครื่องได้อย่างถูกต้อง ซึ่งเท่ากับร้านค้าต้องลงทุน และยังต้องใช้เวลาในการพัฒนา
เรื่องนี้ ฟิล สคิลเลอร์ (Phil Schiller) รองประธานอาวุโสแอปเปิลให้สัมภาษณ์กับสำนัก AllThingsD ถึงเหตุผลที่ทำให้ iPhone 5 ไม่มีเทคโนโลยี NFC ว่า "Passbook คือสิ่งที่ผู้บริโภคปัจจุบันต้องการ"
คำพูดนี้เสียดแทงกูเกิลอย่างจัง เพราะกูเกิลนั้นเปิดบริการ "กูเกิลวอลเล็ต (Google Wallet)" ระบบชำระเงินออนไลน์มาตรฐาน NFC มาตั้งแต่ปีที่แล้ว และเริ่มติดตั้งในสมาร์ทโฟนแอนดรอยด์ (Android) หลายรุ่น หนึ่งในนั้นได้แก่ Galaxy S III ซึ่งยังใช้ชิป NFC ในการรับส่งข้อมูลระหว่างเครื่องโทรศัพท์เท่านั้น
ไม่เพียงกูเกิล กลุ่มโอเปอเรเตอร์สหรัฐฯที่รวมตัวกันในชื่อ Isis ซึ่งได้แก่ AT&T, Verizon Wireless และ T-Mobile USA ก็กำลังวางแผนนำร่องโครงการระบบชำระเงินด้วย NFC ที่เมือง Salt Lake City และ Austin ในปีนี้ แน่นอนว่า Isis ประกาศความมั่นใจเต็มเปี่ยมกับ NFC โดยยกให้ NFC เป็นสุดยอดเทคโนโลยีเพื่อการชำระเงินผ่านอุปกรณ์พกพาที่ปลอดภัยที่สุด
ยังมีความเห็นจากนักวิเคราะห์รายอื่นที่มองว่าแอปเปิลตัดสินใจได้ถูกต้องแล้วที่ไม่รวม NFC ลงใน iPhone 5 เพราะฮาร์ดแวร์ที่เกี่ยวข้องกับ NFC จะกินพื้นที่ในตัวเครื่องจนค้านกับความต้องการแอปเปิลที่มุ่งพัฒนา iPhone ที่เบาและบางที่สุด
แจ็ค โกลด์ (Jack Gold) นักวิเคราะห์จากบริษัท J.Gold Associates ตั้งข้อสังเกตว่า LTE หรือ 4G นั้นเป็นเทคโนโลยีที่สำคัญและถือเป็นพันธกิจที่ต้องทำก่อน NFC อย่างชัดเจน โดยเฉพาะในเวลานี้ ที่แอปเปิลต้องตัดสินใจว่าจะเพิ่มคุณสมบัติใดลงไปใน iPhone
โกลด์เชื่อว่า NFC นั้นกินพื้นที่และทรัพยากรในโทรศัพท์มือถือ ซึ่งจะทำให้พื้นที่ในการใส่แบตเตอรี่มีน้อยลง และส่งผลให้เครื่องมีความหนาขึ้นในที่สุด โดยการติดตั้ง NFC ลงในเครื่องนั้นไม่ใช่การติดชิปเท่านั้น แต่ยังต้องมีพื้นที่ติดตั้งเสารับสัญญาณ ซึ่งจะทำให้ iPhone ไม่ใช่อุปกรณ์เอวบางน่าใช้งานเช่นที่แอปเปิลเปิดตัวไปเมื่อวันที่ 12 กันยายนที่ผ่านมา
ที่สำคัญ แอปเปิลอาจยังไม่เห็นเหตุผลที่ดีในการให้บริการ NFC ในขณะนี้ เพราะ NFC นั้นขยายตัวอย่างเชื่องช้ามาตลอด และอาจจะกินเวลาอีกอย่างน้อย 2 ปีกว่าจะเริ่มแพร่หลายจริงจัง เรื่องนี้ตรงกับความเห็นของแคโรไลนา มิลาเนสกี้ (Carolina Milanesi) นักวิเคราะห์จากการ์เนอร์ซึ่งระบุว่าผู้บริโภคส่วนใหญ่ยังไม่สมัครใจลุกขึ้นมาใช้งาน NFC ในขณะนี้
"ชาวอเมริกันรวมถึงชาวโลกล้วนยังคงเซ็นเช็คเงินสด ซึ่งเป็นระบบชำระเงินที่เก่าแก่กว่าระบบเครดิตการ์ด ทั้งหมดนี้แสดงให้เห็นว่าโลกจะยังต้องใช้เวลาอีกนานกว่าจะสามารถเปลี่ยนแปลงการชำระเงินของผู้บริโภคได้"
มิลาเนสกี้ชี้ว่า ยังไม่มีแรงกดดันที่แท้จริงที่ทำให้แอปเปิลต้องลุกขึ้นมาให้บริการ NFC ในขณะนี้ และระบบนิเวศน์ทางเศรษฐกิจของ NFC ก็ยังไม่พร้อมในภาพรวม อย่างไรก็ตาม ทั้งหมดนี้ไม่ได้แปลว่าแอปเปิลไม่ได้สนใจ NFC แต่เชื่อว่าแอปเปิลจะนำเสนอ NFC เมื่อพบว่าเป็นโอกาสทางธุรกิจที่ดี และอาจจะนำเสนอในรูปแบบที่แตกต่าง
สำหรับเสียงวิจารณ์เรื่องการไร้เงา NFC ใน iPhone 5 ในประเทศไทย นักสังเกตการณ์บางรายมองว่าแอปเปิลอาจยังดีลกับพาร์ทเนอร์ไม่ได้ จึงยังไม่นำมาใช้ ขณะที่บางรายบ่นเสียดายว่ากรณีของ NFC อาจเป็นเรื่องของไก่ที่เกิดก่อนไข่ เพราะหากไม่เริ่มมี NFC ในโทรศัพท์ ก็จะไม่มีใครนำมาประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวัน
..แต่ไม่ว่าจะมี NFC หรือ 4G LTE หรือไม่ สาวกแอปเปิลในไทยก็ควักกระเป๋าซื้ออยู่ดี จริงไหมจ๊ะ..