เอซุสโหมขยาย 2 ตลาดใหม่ช่วงครึ่งปีหลัง ทั้งคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ และอุปกรณ์เครือข่าย พร้อมตั้งเป้ายอดขายสิ้นปีทะลุ 1,600 ล้านบาท
นายมนต์ธีร์ วุฒิรงค์ ผู้จัดการประจำประเทศไทย กลุ่มธุรกิจโอเพนแพลตฟอร์ม บริษัท อัสซุสเทค คอมพิวเตอร์ (ประเทศไทย) กล่าวว่า กลยุทธ์ในการบุกตลาดครึ่งปีหลังในส่วนของกลุ่มธุรกิจโอเพนแพลตฟอร์มยังคงเน้นเรื่องโฮมโซลูชัน โดยสินค้าที่เอซุสเน้นทำตลาดคือคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะแบรนด์เอซุสกับกลุ่มอุปกรณ์เครือข่าย ซึ่งมีการเติบโตสูงมาก
“ตลาดรวมคอมพ์ตั้งโต๊ะที่เป็นแบรนด์เนมมีประมาณ 2-2.5 แสนเครื่อง ซึ่งอัสซุสคาดว่าจะมีส่วนแบ่ง 5% หรือประมาณ 12,500 เครื่อง จากเดิมที่ตั้งไว้ที่ 1%”
ตลาดอุปกรณ์เครือข่ายเป็นอีกตลาดที่มีการเติบโตอย่างรวดเร็วในไตรมาส 2 เพราะการใช้อุปกรณ์ไร้สายที่มีการเชื่อมต่อผ่านเครือข่ายในบ้านมากขึ้น ทำให้อุปกรณ์ที่เป็นแบบออลอินวันที่ไอเอสพีแถมมาให้ไม่สามารถตอบโจทย์ได้อย่างเพียงพอ ทำให้ผู้บริโภคเริ่มหันมาใช้อุปกรณ์ที่เป็นเราเตอร์ไร้สายโดยเฉพาะมากขึ้น
“ผู้บริโภคมีความต้องการอุปกรณ์ที่มีประสิทธิภาพสูงขึ้น ซึ่งอุปกรณ์เครือข่ายของเอซุสตอบสนองได้ทั้งเรื่องของความเร็วและประสิทธิภาพ โดยมีอัตราเติบโตมากกว่า 200% ในช่วงครึ่งปีแรก”
นายธีรวุฒิ โรจนะมารีวงศ์ ผู้จัดการผลิตภัณฑ์ กลุ่มผลิตภัณฑ์เน็ตเวิร์กโซลูชัน กลุ่มธุรกิจโอเพนแพลตฟอร์ม บริษัท อัสซุสเทค คอมพิวเตอร์ (ประเทศไทย) กล่าวว่า เอซุสถือเป็นผู้นำในตลาดที่มีการเปิดตัวเทคโนโลยีใหม่ก่อนใคร อย่างในขณะนี้จะเป็นเรื่องมาตรฐานการรับส่งไฟล์ข้อมูลขนาดใหญ่ความเร็วสูง โดยใช้เทคโนโลยีบีบอัดขนาดของไฟล์และรับส่งข้อมูลใหม่ล่าสุดที่เรียกว่า ไวไฟ 802.11ac พร้อมกับฟังก์ชันใหม่บนเราเตอร์เอซุสที่เรียกว่า เอไอคลาวด์ ในรูปแบบของคลาวด์เทคโนโลยี
ด้วยระบบนี้ผู้ใช้งานจะสามารถเรียกใช้งานข้อมูลทุกอย่างบนแฟลชไดรฟ์ หรือฮาร์ดดิสก์สำรองที่เชื่อมต่อเข้ากับเราเตอร์ได้จากทุกที่ ซึ่งจะเป็นการเข้าถึงข้อมูลในแบบคลาวด์สาธารณะหรือเป็นแบบคลาวด์ส่วนบุคคลก็ได้ โดยสามารถทำงานผ่านอุปกรณ์ไร้สาย เช่น สมาร์ทโฟน แท็บเล็ต หรือโน้ตบุ๊ก
“ฟังก์ชันเอไอคลาวด์นี้จะอยู่ในเราเตอร์ขนาดกลางขึ้นไป โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายเพิ่มแต่อย่างใด”
สำหรับผลประกอบการไตรมาสแรก ในส่วนของกลุ่มธุรกิจโอพี บีจีของเอซุส ประกอบด้วย มาเธอร์บอร์ด วีจีเอการ์ด ไวร์เลสเน็ตเวิร์ก จอแอลซีดี รวมถึงอุปกรณ์ต่อพ่วงต่างๆ มีรายได้รวมประมาณ 450 ล้านบาท โตขึ้นถึง 10% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว ส่วนไตรมาส 2 มีรายได้รวมประมาณ 700 ล้านบาท สินค้าในกลุ่มมาเธอร์บอร์ดสร้างรายได้สูงสุดกว่า 60% ตามมาด้วยวีจีเอการ์ด 25% และกลุ่มอุปกรณ์เครือข่ายแบบไร้สายเติบโตอย่างน่าจับตามอง ส่วนช่วงครึ่งปีหลังเอซุสเพิ่มงบการตลาดกว่า 2 เท่า หรือประมาณ 10 ล้านบาท โดยจะยังคงเน้นการตลาดแบบบีโลว์เดอะไลน์ อาทิ การร่วมกับพันธมิตรในการจัดงานอีเวนต์และโรดโชว์ทั้งใน กทม. และเมืองสำคัญในต่างจังหวัด
“หวังว่าเมื่อถึงสิ้นปีนี้เราจะสามารถเพิ่มส่วนแบ่งตลาดจากกลุ่มเน็ตเวิร์กโซลูชันได้มากกว่า 10% รวมถึงรั้งตำแหน่งผู้นำในส่วนของมาเธอร์บอร์ดที่มีส่วนแบ่งตลาด 55% และวีจีเอการ์ดจาก 25% ให้ใกล้เคียงกับมาเธอร์บอร์ด โดยคาดว่าในปี 2555 จะมียอดขายรวมกว่า 1,600 ล้านบาท”