โนเกีย ซีเมนส์ชี้การเติบโตอย่างไม่หยุดยั้งของธุรกิจสมาร์ทโฟนจะช่วยผลักดันให้บรอดแบนด์ในประเทศไทยเติบโต และมีราคาที่ถูกลง ส่วนปีนี้คาดโตราว 1 ดิจิต
นายกฤติกา มหัทธนกุล ประธานกลุ่มธุรกิจเอเชียเหนือ บริษัท โนเกีย ซีเมนส์ เน็ตเวิร์คส์ (ประเทศไทย) กล่าวว่า ขณะนี้ธุรกิจสมาร์ทโฟนกำลังเติบโตอย่างต่อเนื่องแบบก้าวกระโดด ทำให้เป็นแรงผลักดันที่สำคัญที่ทำให้ธุรกิจด้านบรอดแบนด์เติบโตอย่างยิ่ง โดยอนาคตเชื่อว่าการใช้งานเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตผ่านมือถือจะเข้ามาแทนที่ด้านการสื่อสารขั้นพื้นฐาน นั่นคือการสื่อสารผ่านเสียง
“โนเกีย ซีเมนส์คาดการณ์ว่าในปี 2020 หรืออีก 8 ปีข้างหน้า ผู้ใช้งานสมาร์ทโฟน 1 คนจะมีอัตราการใช้งานดาต้าอยู่ที่ 1GB วัน โดยค่าบริการดาต้าจะอยู่ที่ 30 บาทต่อวัน และด้วยราคาที่ไม่แพงมากนัก ทำให้ทุกคนที่ใช้สมาร์ทโฟนสามารถเข้าถึงอินเทอร์เน็ตได้ง่ายยิ่งขึ้น”
นายกฤติกาได้กล่าวต่อไปว่า เมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา โนเกีย ซีเมนส์ได้มีการเปิดตัวโซลูชัน Liquid Net ซึ่งเป็นโซลูชันที่จะช่วยสนับสนุนอินเทอร์เน็ตบรอดแบนด์โดยเฉพาะ ทำให้พื้นที่การให้บริการครอบคลุมมากยิ่งขึ้น อีกทั้งจะช่วยรองรับปริมาณการใช้งานที่เกิดจากความต้องการที่ไม่จำกัดของลูกค้าอีกด้วย
ทั้งนี้ โนเกีย ซีเมนส์เชื่อว่าผู้ใช้อินเทอร์เน็ตทั่วโลกมีความต้องการที่เหมือนๆ กัน คือต้องการที่จะเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตทุกที่ทุกเวลา ทำให้ไม่สามารถคาดเดาได้ว่าปริมาณการใช้งานบรอดแบนด์ของผู้ใช้ว่าต้องการปริมาณเท่าใด ดังนั้น ผู้ให้บริการเครือข่ายจำเป็นต้องพัฒนาโครงข่ายให้มีความเสถียรภาพอยู่เสมอ ซึ่งโซลูชัน Liquid Net สามารถตอบโจทย์จุดนี้ได้
“การเติบโตของบรอดแบนด์นั้น ทำให้ผู้ให้บริการเครือข่ายต้องมีความพร้อมที่มากกว่าเดิม โดยจุดเด่นของโซลูชัน Liquid Net นั้นจะอยู่ที่การเพิ่มประสิทธิภาพของปริมาณความจุ (Capacity) ในเครือข่ายให้เพิ่มมากขึ้น โดยหลักการทำงานจะมีความยืดหยุ่นกว่าโซลูชันอื่นๆ คือจะมีการไหลจากจุดที่มีความคับคั่งในการใช้งานอินเทอร์เน็ตน้อย ไปยังจุดที่มีความคับคั่งในการใช้งานมาก เปรียบเสมือนการไหลของน้ำ”
สำหรับปีนี้ โนเกีย ซีเมนส์ได้ตั้งเป้าตัวเลขการเติบโตเพียงแค่ 1 ดิจิต ส่วนรายได้อื่นๆ จะยังคงไม่เกิดขึ้นในปีนี้ แต่จะเกิดขึ้นในปีหน้าหลังจากที่มีการประมูล 3G เสร็จสิ้นเรียบร้อยแล้ว และทำให้แต่ละเครือข่ายต้องการขยายโครงข่ายเพื่อให้บริการ 3G
อย่างไรก็ตาม ในส่วนของเครือข่าย 2G ขณะนี้โนเกีย ซีเมนส์ยังคงเป็นพาร์ตเนอร์ทางธุรกิจกับเอไอเอส โดยโนเกีย ซีเมนส์เห็นควรว่าเครือข่าย 2G ยังเป็นเครือข่ายที่จำเป็นอยู่ในประเทศไทย เนื่องจากยังเป็นเครือข่ายหลักที่มีคนใช้งานอยู่เป็นจำนวนมาก