ใครที่อยากรู้ทิศทางนวัตกรรมอุปกรณ์ไฮเทคปีนี้ จะไปทางไหน อะไรจะมา อะไรจะรุ่ง ตลอดทั้งปี สามารถหาคำตอบเหล่านี้ได้ในงานแสดงสินค้าอิเล็กทรอนิกส์สำหรับผู้บริโภค “อินเตอร์เนชันแนล คอนซูเมอร์ อิเล็กทรอนิกส์ โชว์” หรือเรียกย่อๆ ว่า CES 2012 ถึงแม้ปีนี้นวัตกรรมทางด้านเกมดูไม่ค่อยคึกคักเท่าไรนัก แต่สำหรับสินค้าในกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ และไอซีที ความคึกคักก็ไม่ต่างจากทุกปีที่บรรดาผู้ผลิตสินค้าทั้งแบรนด์เล็กแบรนด์ใหญ่ต่างเก็บนวัตกรรมเด็ดๆ เอาไว้มาอวดโชว์กันในงานนี้อย่างเนืองแน่น
จริงๆ แล้ว นวัตกรรมใน CES 2012 มีจำนวนมาก แต่จะขอเลือก 5 นวัตกรรมเด่นๆ ที่น่าสนใจมานำเสนอ
นวัตกรรมแรกที่ฟันธงได้ว่า มันส์แน่นอน ก็คือ “โน้ตบุ๊กเวอร์ชันบาง-เบา” หรือชื่อทางการค้าที่ทางอินเทลเรียกกัน “อัลตราบุ๊ก” หลังจากที่เห็นตัวอย่าง “แมคบุ๊กแอร์” ที่ยอดขายไม่ตกในขณะที่ตัวเลขโน้ตบุ๊กทั่วโลกกลับตกลงอย่างน่าใจหาย
ในงานนี้จะมีการเปิดตัวกันเกือบๆ 30-50 รุ่น ทั้งแบรนด์ใหญ่แบรนด์เล็ก เรียกว่า ใครที่ทำโน้ตบุ๊กออกมาขาย ย่อมต้องผลิตอัลตราบุ๊กออกมาขายแน่นอน เพราะนี่คือ โปรดักส์หัวหอกของอินเทลที่จะเข้ามาแก้เกมการตลาดในตลาดแท็บเล็ตที่ทางอินเทลไม่มีส่วนร่วมในตลาด “ซีพียู” ซึ่งส่งผลให้การซื้อขายโน้ตบุ๊กในภาพรวมทั่วโลกลดลง
ถึงแม้ว่า อินเทลจะเปิดซีพียูสำหรับอัลตราบุ๊กเวอร์ชันแรกไปเมื่อปีที่แล้ว แต่ในงานนี้ อินเทลจะเปิดตัว ซีพียูตัวใหม่ที่มีโค้ดเนมว่า Ivy Bridge พร้อมกับเปิดตัวแพลตฟอร์มสำหรับชิปเซตชุดใหม่ที่อินเทลคาดว่าจะพร้อมส่งเข้าสู่ตลาดไม่เกินกลางปีนี้ รวมถึงการนำเทคโนโลยีมัลติทัชมาใช้ในอัลตราบุ๊กด้วย ราวกับว่า อินเทลต้องการปิดจุดอ่อนที่อาจจะทำให้ผู้บริโภคลังเลที่จะหันมาใช้อัลตราบุ๊กที่บาง-เบาเหมือนกันแต่อาจจะใช้ทัชสกรีนในแท็บเล็ต
เริ่มจาก “เอเซอร์” ที่ไม่ยอมเสียหน้าหลังจากที่เป็นหนึ่งในสี่แบรนด์ที่เปิดตัวอัลตราบุ๊กตัวแรกไปเมื่อปีที่แล้ว มาครั้งนี้ เปิดตัว Aspire S5 ที่ระบุว่า มาพร้อมกับ AcerCloud สำหรับใช้งานผ่านคลาวด์เทคโนโลยี ประมาณเหมือน ICloud ของแอปเปิลไม่มีผิดมาให้ด้วย และแน่นอนจุดเด่นน่าจะอยู่ที่ “ความบาง” 15 มิลลิเมตร เอเซอร์คุยว่าเป็นอัลตราบุ๊กที่บางที่สุดในโลก แบตเตอรี่อยู่ได้นาน 8 ชั่วโมง โดยจะวางตลาดประมาณไตรมาสที่ 2 ปีนี้ จำนวน 4 รุ่น และจะมาพร้อมกับวินโดวส์ 8 ด้วย
นอกจากนี้ ยังมีแบรนด์ยักษ์ใหญ่ในแวดวงโน้ตบุ๊ก ไม่ว่าจะเป็น โตชิบา แอลจี อัสซุส รวมถึง เลอโนโว โชว์อัลตราบุ๊กสำหรับธุรกิจ T430u ขนาด 14 นิ้ว ที่บางกว่ารุ่น 13.3 นิ้วที่เพิ่งเปิดตัวไปเมื่อปีที่แล้ว มาพร้อมกับกราฟิกการ์ด ที่สำคัญมีพอร์ตธันเดอร์โบที่ค่ายผลไม้อย่างแอปเปิลนำมาใช้ก่อน ทางเลอโนโวก็ใส่เข้ามาให้ใช้ด้วย โดยตั้งราคาขายไว้ประมาณ 849 ดอลลาร์สหรัฐ
ส่วน "ซัมซุง" ก็ไม่น้อยหน้าหยิบเอาโน้ตบุ๊กในตระกูล Series 9 มาปัดฝุ่นใหม่ ให้กลายเป็นอัลตราบุ๊ก ความหน้าไม่ถึงครึ่งนิ้ว ที่ใช้วัสดุจากอะลูมิเนียมแผ่นเดียวมาใช้
แท็บเล็ต เป็นอีกนวัตกรรมหนึ่งที่ในงานนี้ มีผู้ผลิตต่างพัฒนาผลิตภัณฑ์ส่งเข้าประกวดไม่น้อยหน้าอัลตราบุ๊กเลย ถึงแม้จะมีหลายคนมองว่า เป็นตลาดที่มีเซกเมนต์ใกล้กันมาก แต่ด้วยการใช้ที่ง่ายในลักษณะการสัมผัส ซึ่ง “ไอแพด” ได้พิสูจน์ให้เห็นว่า ตลาดคอนซูเมอร์ตอบรับดีขนาดไหน โดยเฉพาะตลาดการศึกษา ความแรงของแท็บเล็ตยังแรงไปถึงภาคธุรกิจด้วย จะเห็นได้จากโซลูชันซอฟต์แวร์ใหญ่ๆ อย่าง SAP ที่ถูกใช้งานกันอย่างมากมายในแวดวงธุรกิจก็ยังต้องยอมที่จะมีออกเวอร์ชันแท็บเล็ตออกมา โดยจะเห็นแท็บเล็ตรุ่นใหม่ที่โชว์ในงานต่างใช้ซีพียูที่เป็น 2 คอร์ ข้ามกันไปถึง 4 คอร์กันเต็มไปหมด และจะเห็นแท็บเล็ตที่ใช้งานบนระบบปฏิบัติการวินโดวส์ 8 ถูกนำมาโชว์ในงานนี้ด้วยเช่นกัน
“อินเตอร์เน็ตทีวี” หรือสมาร์ททีวี จะเป็นอีกหนึ่งนวัตกรรมที่เชื่อว่า มาแน่ แต่ครั้งนี้จะมีบริษัทผู้ผลิตคอมพิวเตอร์โดดลงมาเล่นตลาดนี้กันมากขึ้น เห็นได้จากเลอโนโว เปิดตัว LeTV หรือ Idea TV ขนาด 55 นิ้วที่ใช้ระบบปฏิบัติการแอนดอยด์ 4.0 ที่มีโค้ดเนมว่า Ice Cream Sandwich ซึ่งเป็นสเปกของ กูเกิล ทีวี ที่มีข่าวว่ากูเกิลจะโปรโมทอย่างแรงในปีนี้ และน่าจะมาลุยกับแอปเปิลทีวี มรดกชิ้นสุดท้ายของ “สตีฟ จ็อบส์” ที่เชื่อว่าจะเผยโฉมในปีนี้เช่นกัน
ขณะที่แบรนด์สินค้าอิเล็กทรอนิกส์ อย่าง แอลจี ก็จัดเต็มขนสินค้าในไลน์ทีวีออกมาเต็มที่ ไม่ว่าทีวีที่ใช้เทคโนโลยี OLED ที่เป็น HDTV ขนาด 55 นิ้วที่ใหญ่ที่สุดในโลก แน่นอนว่า แอลจีย่อมจะต้องมีฟีเจอร์ 3D ติดมาให้ด้วย ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่แอลจีภาคภูมิใจว่า ล้ำกว่าใครในตลาดเวลานี้ แต่ถ้าต้องการทีวี 3D ที่มีสเปกแสดงภาพสูงขึ้นไปอีก แอลจีก็มี 3D UD TV ที่มีคุณภาพสูงกว่า Full HD ปกติ ก็มีให้ดูแถมยังใหญ่ถึง 84 นิ้วเลยทีเดียว และยังแถมโชว์ LG Google TV ที่ใช้แอนดอยด์เวอร์ชันใหม่ล่าสุดเป็นระบบปฏิบัติการ เมื่อรวมกับนวัตกรรม Magic Remote Qwerty ที่แอลจีลงทุนพัฒนาขึ้นมาเพื่อใช้กับกูเกิลทีวีด้วยแล้วยิ่งทำให้เห็นว่า การผสมผสานเทคโนโลยีอินเทอร์เน็ตทีวีกับเทคโนโลยีแสดงภาพสามารถทำงานร่วมกันได้อย่างไร้ปัญหา ที่สำคัญชิปเซตที่ถูกนำมาใช้นั้นเปิดกว้างให้กับสถาปัตยกรรมชิปใหม่ อย่างเช่น ชิป ARM ทำให้กูเกิลทีวีมีราคาที่ต่ำกว่ารุ่นปัจจุบันซึ่งใช้ชิปอินเทล
ขณะที่ค่ายอิเล็กทรอนิกส์ใหญ่อย่าง โซนี ชาร์ป ต่างก็ขนแอลอีดี ทีวีทั้งใหญ่และบาง รวมไปถึงความละเอียดในการแสดงภาพที่เริ่มเข้าสู่ระดับความละเอียดที่เรียกว่า 4K โชว์กันอย่างเต็มที่
แน่นอนว่า นวัตกรรม 3D ก็เป็นอีกเทคโนโลยีหนึ่งที่ถูกจับมานำเสนออย่างเป็นรูปธรรมมากขึ้น จะเห็นการเปิดตัวนวัตกรรม 3D ในผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายมากขึ้น แน่นอนแอลอีดีทีวีคือสนามประลองยุทธ์หลักของเทคโนโลยีนี้ ซึ่งจะเห็น 3D ในกล้องถ่ายรูปดิจิตอลมากขึ้น ขนาดโตชิบาเองก็ทนไม่ได้ที่จะต้องพัฒนากล้องวิดีโอที่ถ่ายภาพเป็น 3D ได้ออกมาโชว์ในงานนี้เช่นกัน และโปรเจ็กเตอร์ก็เป็นอีกกลุ่มผลิตภัณฑ์หนึ่งที่ 3D เข้ามามีอิทธิพล ซึ่งแอลจีก็นำโปรแกรม 3D มาโชว์ในงาน แต่ถ้าใครอยากเห็นภาพ 3D จริงๆ กับตา ลองแวะไปที่บูธแอลจีที่บีโอไอแฟร์ก็ได้ มีให้ดูกันแต่อาจจะไม่ได้โชว์เป็นผลิตภัณฑ์ให้เห็นกันเท่านั้น
สุดท้าย นวัตกรรมสมาร์ทโฟนที่รองรับการใช้งาน 4G หรือ LTE ต่างถูกส่งตรงมาจากโรงงานเข้ามาประชันโฉมในงานกันเต็มที่ ไม่น้อยหน้ามหากรรมแสดงมือถือที่บาร์เซโลน่า ประเทศสเปน ที่จะจัดช่วงเดือนกุมภาพันธ์ของทุกปี เริ่มจาก โมใตโรล่า ที่ส่ง Droid RAZR Maxx แอลจีก็มี Viper และ Spectrum ที่ใช้จอภาพแบบใหม่ Nova ซัมซุงก็ส่ง Galaxy Attain 4G
สำหรับสมาร์ทโฟนที่ไม่ใช่ LTE ที่โชว์ในงานนี้ส่วนใหญ่ใส่ซีพียูที่เป็นแบบ 2 คอร์เข้ามาโชว์ในงานกันแทบจะทุกแบรนด์จะมีแต่ค่ายโนเกียที่มี Lumia 900 บนเครือข่าย LTE ที่ใช้ซิงเกิลคอร์ ส่วนระบบปฏิบัติการที่ใส่มาในสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ๆ เหล่านี้ ส่วนใหญ่เป็นแอนดรอยด์ 4.0 ยกเว้ยโนเกีย ที่เป็นวินโดวส์โฟน
นวัตกรรมทั้งหลายเหล่านี้ ยืนยันว่า เห็นกันได้ในปีนี้แน่นอน
