โดยงาน WWDC 2011 จะเริ่มขึ้นในวันที่ 6 มิถุนายน เวลา 10 โมงเช้าตามเขตเวลาแปซิฟิก ส่วนบ้านเราจะเริ่มประมาณเที่ยงคืน วันที่ 7 มิถุนายน (คืนนี้) ณ Moscone West - San Francisco
Update: สรุปงาน WWDC 2011 Keynote
MacOS X "Lion"
- มาพร้อม Multi-Touch Gestures สามารถใช้นิ้วสั่งงานที่ Trackpad ได้หลากหลายขึ้นเช่น ใช้สามนิ้วเลื่อนซ้าย-ขวาเพื่อสลับการใช้งานแอปฯ หรือใช้สองนิ้วเลื่อนขึ้นลงเพื่อเลื่อน Scroll และรองรับกับอุปกรณ์ Input ใหม่ๆ ของแอปเปิลด้วย
- full screen applications เช่น Safari, iMovie, iCal
- Mission Control สามารถโชว์แอปฯที่ทำงานทั้งหมดอยู่ขึ้นมาเพื่อโชว์แบบ Multiple views และสามารถจัดการ Widgets ด้านบนได้
- Photobooth จะมาพร้อมระบบตรวจจับใบหน้า ทำให้เอ็ฟเฟ็กที่แสดงสามารถมีปฏิสัมพันธ์กับผู้ใช้ได้
- Animation ระหว่างเรียกใช้โปรแกรมจะลื่นไหลและสวยงามขึ้น
- สามารถสร้าง Spaces ได้ด้วยการลากหน้าต่างไปบริเวณมุมขวาบนของจอภาพ
- Mac App Store จะมาใน Lion ซึ่งทำงานคล้าย App Store บน iOS Device และมาพร้อม Push Notifications ด้วย
- Launchpad จะถูกติดตั้งมาบน Lion โดยการทำงานจะคล้ายหน้า Home บน iOS Device ที่สามารถจัดสร้างโฟลเดอร์ และติดตั้งแอปฯ ที่ดาวน์โหลดมาจาก Mac App Store ได้
- ระบบ Auto Save สำหรับการทำงาน
- ระบบ Versions สามารถดึงเอกสารก่อนหน้าที่ลบทิ้งหรือเปลี่ยนแปลงไปแล้วกลับขึ้นมาโชว์ใหม่คู่กับเอกสารที่แก้ไขใหม่แบบ Side by Side
- เพิ่มระบบ AirDrop ที่สามารถใช้แชร์ไฟล์กับเพื่อนแบบ Peer to Peer ผ่าน WiFi ได้
- Mail แบบใหม่ สามารถใช้งานแบบ Full Screen ได้ และการแสดงผลจะคล้ายกับเมลล์บน iOS Device
- Lion Server
- Mac OS X "Lion" มีขนาด 4GB สามารถหาซื้อได้ที่ Mac App Store ด้วยราคา 29.99$
- วางขายประมาณเดือน กรกฎาคม
iOS 5.0
- Notification แบบใหม่ที่ใช้ Swipe down ลงมาแบบ Android แก้ปัญหา Notic แบบ Pop-Up ที่รบกวนเวลาใช้งานโปรแกรมหรือเล่นเกม โดยในส่วนของ Stock และ Weather จะถูกบรรจุอยู่ด้านบน
- ในส่วนหน้า Lock Screen จะถูกปรับเปลี่ยนให้สามารถมองเห็น missed calls, Facebook notification, และ a text message ที่ค้างอยู่ได้ทันที
- Newsstand จะถูกนำมาต่อยอด iBook ด้วยลักษณะการใช้งานแบบ newspaper stand ที่จะสามารถดาวน์โหลดบรรดา E-Book, E-Newspaper ใหม่ๆ ให้ทุกวันโดยอัตโนมัติ โดยตอนนี้พาร์ทเนอร์ดังๆ ที่ตอบรับแล้วก็มีเช่น The New York Times, Disney, National Geographic, Bloomberg เป็นต้น
- Twitter จะถูกผนวกกับแอปบน iOS 5.0 เกือบทุกตัว โดยเฉพาะแอปฯ Camera และ Photos จะมีการเพิ่มปุ่ม "Tweet" ไว้
- Safari จะมีการเพิ่ม Reading List, ระบบแปลงหน้าเพจเป็นหน้าหนังสือ พร้อมมีการเพิ่ม Tab มาให้ด้วย
- Reminders จะถูกเพิ่มเข้ามาสำหรับไว้ใช้เตือนความจำแบบสั้นๆ
- Camera จะถูกปรับเปลี่ยน โดยมีการเพิ่มไอคอนกล้องถ่ายภาพที่หน้า Lock Screen ทำให้สามารถเข้าใช้งานได้ทันที นอกจากนั้นในตัวกล้องถ่ายภาพจะมีการเพิ่มออปชันเพิ่ม-ลด เสียงชัทเตอร์, AE/AF Lock, pinch-to-zoom และที่สำคัญออปชันแต่งภาพเช่น Crop, Reduce Red-eye, และ Auto Enhance
- Mail รองรับ Rich-text formatting, เพิ่ม Flasg, S/MIME, ดิกชันนารี และสำหรับไอแพดจะสามารถเรียกใช้คีย์บอร์ดแบบใหม่ที่จะเป็นการแยกแป้นออกเป็นสองฝั่งเพื่อการใช้งานในแนวตั้งจะสะดวกขึ้น
- PC Free ต่อไปการอัปเดต iOS จะสามารถทำในตัว Device เองได้ทันทีผ่านการเชื่อมต่อ WiFi โดยไม่ต้องพึ่ง iTunes อีกต่อไป
- Game Center จะเพิ่มความเป็น Social มากขึ้น (เช่น ระบบค้นหาเพื่อนของเพื่อน) และสามารถซื้อเกมในตัว Game Center ได้ทันที
- iMessage เป็น Messaging Service คล้าย Whatsapp ที่สามารถใช้สนทนา ส่งภาพ วิดีโอ Contacts ระหว่าง iOS Device แบบ Real Time ผ่าน WiFi และ 3G ได้
- Multitasking Gestures for iPad มาแน่นอนใน iOS 5.0
- สำหรับชุด SDK เพื่อนักพัฒนามีให้เลือกใช้แล้ววันนี้ ส่วนบุคคลทั่วไปจะเปิดให้ดาวน์โหลดประมาณปลายปีและรองรับเฉพาะ iPhone 3GS, 4, iPad, iPad 2, และ third and fourth generation of iPod touch
iCloud
- iCloud มาบนคอนเซ็ปต์ โลกของข้อมูลทั้งหมดจะสามารถเชื่อมต่อกันได้ทุกที่ทุกเวลา ทุก Device และไม่มีคำว่า PC หรือ Mac เป็นตัวขวางกั้นแน่นอน
- ยกตัวอย่างให้เห็นภาพก็คือ เหมือนคุณฝากภาพหนึ่งภาพไว้บน iCloud ผ่านไอโฟน คุณจะสามารถเปิดชมภาพเหล่านั้นที่ Mac หรือ PC ได้โดยไม่ต้องมีการเสียบสายไฟให้ยุ่งยากเพราะข้อมูลทั้งหมดถูกเก็บไว้ที่ Cloud Server แล้ว (การทำงานแบบเดียวกับ Dropbox)
- แน่นอนว่า Mobile Me จะรองรับ iCloud เช่นกัน
- Contacts, ปฏิทิน สามารถนำไปเก็บไว้บน iCloud ได้เช่นกัน
- โดยผู้ใช้จะได้รับเมล์ @me.com ไว้สำหรับเข้าใช้งาน
- ไม่มี ads ให้กวนตา และ iCloud คือบริการฟรี! จากแอปเปิล ที่มีเนื้อที่เก็บข้อมูลให้ 5GB
- ส่วน Mobile Me มีราคารอยู่ที่ 99$
- นอกจากนั้น iCloud ยังสามารถเก็บแอปฯ จาก App Store ไว้เพื่อนำไปซิงค์กับอุปกรณ์อื่นๆ ที่เชื่อมต่อเข้ามาใหม่ได้ นอกจากนั้นยังสามารถ Back up ข้อมูลต่างๆ ใน iOS Device ได้ เพื่อตอบสนองความเป็น PC Free ที่สมบูรณ์
- ฟังก์ชัน Backup สามารถใช้ได้เมื่อเชื่อมต่อ WiFi เท่านั้น
- นอกจากนั้นใน iCloud ยังมีแอปฯ สำหรับช่วยเหลือ ได้แก่ Documents in the Cloud ที่สามารถสร้างเอกสารและนำไปเปิดกับอุปกรณ์ต่างๆ ได้พร้อมๆ กัน โดยไม่ต้องมีการเคลื่อนย้ายไฟล์ผ่านสายเคเบิลหรือ Flash Drive / Photo Stream ที่สามารถแชร์รูปภาพได้ / Eddy Cue ที่มีจุดเด่นอยู่ที่ความสามารถ Pushes รูปที่ถ่ายจากอีก Device ไปสู่อีก Device หนึ่งได้ผ่าน WiFi / iTunes in the Cloud ทำงานคล้าย Photo Stream และรองรับรูปแบบไฟล์ 256Kbps AAC ได้ถึง 10 เครื่อง
- iCloud จะมาพร้อม iOS 5 ส่วน iTunes in the Cloud สามารถใช้งานได้วันนี้ (ประเทศไทยใช้งานไม่ได้)
- iTunes Match จะถูกนำมาแข่งขันกับ Google Music และสามารถทำงานร่วมกับ iCloud ในการเก็บเพลงทั้งหมดได้ผ่านระบบจับคู่ในลิสต์เพลงกว่า 18 ล้านเพลงใน Server ของ iTunes และจะทำการรวมอัลบั้มให้ผู้ใช้อย่างอัตโนมัติ โดยปราศจากการอัปโหลดซึ่งจะใช้เวลานาน
- iTunes Match มีค่าใช้จ่าย $24.99 ต่อปี
ซึ่งผู้ที่สนใจสามารถติดตาม Live Tweets สดๆ แบบนาทีต่อนาทีได้จากทีมงานผู้จัดการไซเบอร์
ผ่าน Hashtag #cbizmgr และ @MGRCyber>
--สำหรับการรับชมหาก Liveblog Cover IT Live มีปัญหาท่านสามารถรับชมผ่าน Hashtag #cbizmgr และ @MGRCyber ตามลิงค์ด้านบนพร้อมร่วมแสดงความคิดเห็นกันได้ครับ--
**การเปิดลิงค์ที่อยู่บริเวณ Twitter Search ด้านล่างควรใช้การคลิกเมาส์ขวาแล้วเลือก Open in New Windows**
หลังจากจบงานแถลงข่าวในส่วน Keynote จบลงทางทีมงานจะทำการสรุปรวบยอดในหน้าเพจนี้อีกครั้งหนึ่งเพื่อเป็นการเก็บตกรายละเอียดที่ตกหล่นไป