xs
xsm
sm
md
lg

เอชพีเผยภาครัฐโอกาสของตลาดไอทีไทยปี52

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


เอชพีมองแนวโน้มตลาดไอทีปี 2552 กำลังซื้อยังคงอยู่ โดยเฉพาะภาคราชการที่ยังต้องมีการลงทุนด้านอินฟราสตรักเจอร์อีกมาก ขณะที่ภาคเอกชนก็มีความจำเป็นต้องลงทุนในการนำระบบไอทีที่ทันสมัยเข้ามาใช้ในการบริหารจัดการท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบันเพื่อช่วยในการลดค่าใช้จ่าย ประหยัดต้นทุน ตลอดจนสร้างความได้เปรียบคู่แข่ง พร้อมเปิดตัวโซลูชันซอฟต์แวร์ในกลุ่ม BTO ที่ปรับปรุงใหม่ เน้นให้ซีอีโอนำไปใช้เพื่อปรับการลงทุนด้านไอทีอันเป็นผลให้ค่าใช้จ่ายลดลง และสร้างความได้เปรียบในการแข่งขันทางธุรกิจให้เพิ่มขึ้น

นายเดเมียน วอง ผู้จัดการทั่วไปหน่วยธุรกิจเอชพีซอฟต์แวร์และโซลูชันส์ บริษัท ฮิวเลตต์-แพคการ์ด ประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ กล่าวถึงสถานการณ์ตลาดไอทีประเทศไทยในปี 2552 ว่า ยังเป็นตลาดที่มีโอกาสขยายตัวโดยเฉพาะในกลุ่มภาคราชการที่ยังคงมีการลงทุนต่อเนื่องในปีนี้ โดยเฉพาะการสร้างอินฟราสตรักเจอร์ใหม่ๆ ให้เกิดขึ้น ในขณะที่ภาคเอกชนเองก็ยังต้องมีการลงทุนต่อเนื่อง ยิ่งในสถานการณ์ปัจจุบันที่ต้องประหยัดการใช้จ่าย การลงทุนด้านไอทีจะช่วยสร้างความได้เปรียบทางการแข่งขันในแง่ประสิทธิภาพการทำงานที่รวดเร็วยิ่งขึ้น และที่สำคัญจะช่วยลดค่าใช้จ่าย ประหยัดงบลงทุน

ทั้งนี้ เพื่อให้สอดคล้องกับการทำตลาดในปัจจุบัน เอชพีเปิดตัว 2 โซลูชันใหม่ที่เปิดตัวในกลุ่ม Business Technology Optimization (BTO)ได้รับการพัฒนาใหม่ ประกอบด้วย ซอฟต์แวร์ HP Quality Center 10.0 และการผสานรวมของเอชพีซอฟต์แวร์รุ่นล่าสุดในกลุ่ม BTO เข้ากับ HP Universal Configuration Management Database (UCMDB) 8.0 พร้อมทั้งเปิดตัวกลุ่มซอฟต์แวร์ ซึ่งเป็นทางเลือกในลักษณะของซอฟต์แวร์ในรูปแบบของบริการ (Software-as-a-Service – SaaS) โดยลูกค้าจะได้รับประโยชน์ในทันทีจากโซลูชันในระดับผู้นำของตลาดของเอชพี และไม่มีรายจ่ายด้านการลงทุนล่วงหน้าอันเกิดจากโครงการด้านซอฟต์แวร์

จุดขายของโซลูชันใหม่นี้อยู่ที่ซีไอโอสามารถเพิ่มผลลัพธ์ทางธุรกิจที่ดียิ่งขึ้น โดยมุ่งเน้นการลดค่าใช้จ่าย ลดความเสี่ยง และเพิ่มรายได้ให้แก่องค์กร แม้ว่างบประมาณจะจำกัด ด้วยการเพิ่มความสามารถที่จำเป็นสามประการซึ่งรวมอยู่ในโซลูชันซอฟต์แวร์ของเอชพี อันได้แก่ 1.สามารถจัดความสำคัญด้านการลงทุนโดยอาศัยคุณค่าทางธุรกิจ ด้วยการควบคุมค่าใช้จ่ายด้านระบบไอที 2.สามารถกำจัดความซํ้าซ้อน และเพิ่มความยืดหยุ่นในการตอบสนองความต้องการทางธุรกิจที่มีการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ โดยการรวมศูนย์การทำงานของระบบการให้บริการไว้ที่จุดเดียว และ 3.สามารถเพิ่มคุณภาพและลดค่าใช้จ่าย ด้วยการสร้างมาตรฐานให้เกิดขึ้น

ผู้บริหารเอชพีกล่าวว่า จากการผสานรวมของซอฟต์แวร์ HP Quality Center 10.0 รุ่นล่าสุด เข้ากับซอฟต์แวร์ HP Project and Portfolio Management ทำให้ลูกค้าสามารถประหยัดเงินมูลค่าหลายล้านเหรียญสหรัฐ จากการยกเลิกโครงการที่ไม่สำคัญ และทำให้โครงการที่สำคัญดำเนินงานได้เต็มที่ และจากการรวมศูนย์ การสร้างมาตรฐาน เพิ่มคุณภาพให้แก่แอปพลิเคชัน ลูกค้าสามารถลดค่าใช้จ่าย และยกระดับความน่าเชื่อถือของแอปพลิเคชัน ผ่านการผลักดันให้ใช้กระบวนการและวิเคราะห์ประสิทธิภาพการทำงานที่สำคัญร่วมกันระหว่างทีม ทำให้สามารถแบ่งปันทรัพยากรทั้งหมดระหว่างโครงการ พร้อมทั้งสามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้ และมีการทดสอบแบบอัตโนมัติสำหรับสภาพแวดล้อมด้านแอปพลิเคชันอันทันสมัยของลูกค้า

“สิ่งสำคัญที่ลูกค้าต้องการคือความต้องการด้านคุณภาพ ประสิทธิภาพการทำงาน และการรักษาความปลอดภัยในระดับมาตรฐานสูงสุด ซึ่งเป็นความต้องการเดียวกันกับเอชพี จากการใช้โซลูชันซอฟต์แวร์ของเอชพี จะช่วยยกระดับได้เทียบเท่ามาตรฐานดังกล่าว ในขณะเดียวกันก็สามารถลดค่าใช้จ่ายด้านการปฏิบัติงาน”

ส่วนของซอฟต์แวร์ HP Universal Configuration Management Database 8.0 ได้ผสานรวมกลุ่มซอฟต์แวร์ HP BTO ไว้ จะสามารถช่วยให้ลูกค้าธุรกิจจัดความสำคัญของปัญหาที่เกิดขึ้น เช่น ระบบล่ม การบริการเมื่อเกิดดาวน์ไทม์ ปัญหาการใช้งานของลูกค้า เป็นต้น โดยวัดจากผลกระทบที่มีต่อธุรกิจ สามารถระบุถึงต้นเหตุของปัญหา และแก้ปัญหาได้อย่างรวดเร็ว

ในส่วนตลาดกลุ่มเป้าหมายของ 2 โซลูชันนี้เอชพีมองว่าเป็นตลาดภาคราชการ กลุ่มธุรกิจเทเลคอม แบงกิ้ง เมนูแฟกจูริ้ง ตลอดจนทุกกลุ่มอุตสาหกรรมก็เป็นตลาดกลุ่มเป้าหมายทั้งสิ้น

Company Related Links :
HP
กำลังโหลดความคิดเห็น