"ซัมซุง"ย้ำทำตลาดเชิงรุก ตั้งเป้าเป็นผู้นำสินค้าทุกกลุ่ม และเป้ารายได้ในปี 2553 กว่า 5 หมื่นล้านบาทฉลองครบ 40 ปีซัมซุง โดยปัจจัยสำคัญในการผลักดันรายได้มาจากการสร้างมูลค่าเพิ่มในตัวสินค้าให้แก่ผู้บริโภค เผยภาพรวมยอดขายครึ่งปีแรกโตกว่าปีที่ผ่านมา 32% เดินหน้าเต็มที่ครึ่งปีหลังด้วยกองทัพผลิตภัณฑ์ใหม่รวมกว่า 100 รายการ มั่นใจสิ้นปียอดรวมโตกว่า 38% หรือยอดขาย 2.3 หมื่นล้านบาท
เมื่อวานนี้ (4 ส.ค.) บริษัท ไทยซัมซุง อิเลคโทรนิคส์แถลงทิศทางและกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจซัมซุงครึ่งปีหลัง 2551 โดยนายนายควัง คี ปาร์ค กรรมการผู้จัดการ นายอาณัติ จ่างตระกูล รองกรรมการผู้จัดการ และผู้บริหารอีก 6 คนประกอบด้วยนายมนาเทศ อันนวัฒน์ หัวหน้ากลุ่มธุรกิจสื่อสารการตลาดและองค์กร นายสุพจน์ ลีนานุรักษ์ หัวหน้ากลุ่มธุรกิจภาพและเสียง นายชาญวิทย์ เขียวนาวาวงศ์ษา หัวหน้ากลุ่มธุรกิจเครื่องใช้ไฟฟ้าในครัวเรือน นายบุญเลิศ วิบูลย์เกียรติ หัวหน้ากลุ่มไอที นายบุญสืบ จันทร์แจ่มศรี หัวหน้าฝ่ายผลิตภัณฑ์ดิจิตอล และนายมานพ มณีชวขจร หัวหน้ากลุ่มธุรกิจโทรคมนาคม
นายควัง คี ปาร์ค กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไทยซัมซุง อิเลคโทรนิคส์ กล่าวว่า ซัมซุงมียอดขายรวมทั่วโลกประมาณ 1 แสนล้านเหรียญสหรัฐ โดยในประเทศไทยในปี 2551 ซัมซุงตั้งเป้ายอดขายรวมทุกกลุ่มผลิตภัณฑ์ไว้ที่ประมาณ 700 ล้านเหรียญ(2.3 หมื่นล้านบาท)หรือเติบโตประมาณ 38% ขณะที่ในปี 2552 ซัมซุงตั้งเป้ายอดรายได้ 1,000 ล้านเหรียญ(3.3หมื่นล้านบาท) และจะมียอดขายรวม 1.5 พันล้านเหรียญ(5 หมื่นล้านบาท)ภายในปี 2553 ซึ่งเป็นปีที่ซัมซุงดำเนินธุรกิจครบ 40 ปี โดยปัจจัยที่ผลักดันให้ยอดขายถึงเป้าหมายที่วางไว้มาจากการพัฒนาทางด้านผลิตภัณฑ์ที่ตอบสนองความต้องการของผู้ใช้งานทุกกลุ่มและไลฟ์สไตล์มากขึ้น รวมทั้งการขยายกลุ่มลูกค้าจากผู้บริโภคไปยังระดับองค์กร ซึ่งมีความต้องการใช้งานผลิตภัณฑ์ที่ต่อเนื่องและกำลังซื้อที่มากกว่า
นายอาณัติ จ่างตระกูล รองกรรมการผู้จัดการ ไทยซัมซุงฯกล่าวว่า เป้าหมายรายได้ 700 ล้านเหรียญในปีนี้ ประกอบด้วยธุรกิจภาพและเสียง 40% กลุ่มธุรกิจเครื่องใช้ไฟฟ้าในครัวเรือน 20% กลุ่มไอที 15% และกลุ่มโทรศัพท์มือถือ 25%ด้านภาพรวมซัมซุงในช่วงครึ่งปีที่ผ่านมาพบว่ายอดขายกลุ่มภาพและเสียงประสบความสำเร็จเกินเป้าหมายที่วางไว้จาก 95 ล้านเหรียญเป็น 124 ล้านเหรียญตามมาด้วยกลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้าในครัวเรือนมียอดขาย 70 ล้านเหรียญ กลุ่มไอที 52 ล้านเหรียญและกลุ่มโทรศัพท์มือถือมียอดขาย 68 ล้านเหรียญ
ในส่วนของแนวทางการทำธุรกิจครึ่งปีหลังนั้น ซัมซุงได้วางเป้าหมายที่จะเป็นผู้นำในกลุ่มธุรกิจด้วย 4 กลยุทธ์หลักประกอบด้วย 1. การนำเสนอสินค้าที่ยังคงมุ่งเน้นความเป็นผู้นำทางด้านการออกแบบและเทคโนโลยี 2. การทำการตลาด และจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายอย่างมีประสิทธิภาพเพื่อกระตุ้นกำลังซื้อของผู้บริโภคให้เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง 3. การสร้างศูนย์กลาง ควบรวมช่องทางการจัดจำหน่าย เพื่ออำนวยความสะดวกในการซื้อขายให้เกิดขึ้นทั้งกับตัวแทนร้านค้าผู้จำหน่าย ลูกค้า ตลอดจนผู้บริโภคทั่วไป และ 4. การพัฒนาขยายระบบโครงสร้างพื้นฐานในการเพิ่มศูนย์บริการและจุดรับบริการ เพื่อเพิ่มความสะดวกและประหยัดเวลาให้กับลูกค้า
ในด้านการนำเสนอนวัตกรรมซัมซุงมีแผนเปิดตัวสินค้าใหม่รวมกว่า 100 รายการ โดยสินค้าหลักที่จะใช้รุกตลาดในช่วงครึ่งปีหลังนี้ ได้แก่ กลุ่มภาพและเสียงจะมุ่งเน้นที่โทรทัศน์จอภาพความละเอียดสูง (Full High Definition TV) โดยล่าสุดเตรียมเปิดตัวจิออร์จิโอ อาร์มานี-ซัมซุง แอลซีดีทีวี (Giorgio Armani – Samsung LCD TV)โทรทัศน์ที่ซ่อนสุดยอดเทคโนโลยีชั้นสูงภายใต้ความหรูหรา
ส่วนกลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้าในครัวเรือน ซัมซุงยังให้ความสำคัญในการพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ๆ เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตและสุขภาพที่ดีให้แก่ผู้บริโภคด้วยนวัตกรรมเฮลท์ เทคโนโลยี (Health Technology) ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่มุ่งเน้นด้านสุขภาพเข้ามาประยุกต์ใช้กับเครื่องใช้ไฟฟ้าในครัวเรือนครบทุกสินค้าอาทิ เครื่องซักผ้าซัมซุง ไดมอนด์ ดรัม (Samsung Diamond Drum) ซึ่งเป็นครั้งแรกกับเทคโนโลยีการออกแบบถังซัก ที่แก้ปัญหาเสื้อผ้าเสียหาย
ในส่วนกลุ่มไอที ซัมซุงยังคงเดินหน้าทำตลาดอย่างต่อเนื่อง โดยยังครองความเป็นผู้นำกลุ่มจอแอลซีดีมอนิเตอร์ด้วยยอดขายอันดับ 1 หรือส่วนแบ่งทางการตลาด 36% ในครึ่งปีหลังนี้ ซัมซุงจะรุกตลาดแอลซีดีมอนิเตอร์จอขนาดใหญ่ 19-22 นิ้ว ชูจุดเด่นด้านดีไซน์ที่ล้ำสมัยและเทคโนโลยีหน้าจอความละเอียดสูงด้วยการตอบสนองที่รวดเร็ว และสำหรับกลุ่มเครื่องพิมพ์นั้น ซัมซุงให้ความสนใจในการเข้าถึงลูกค้าองค์กรที่มากขึ้น พร้อมทั้งเตรียมบุกตลาดโน้ตบุ๊ก หลังจากซัมซุงพบว่าตลาดรวมสินค้าไอทีปีละพันล้าน เป็นของโน้ตบุ๊กประมาณ 600 ล้าน โดยซัมซุงจะมุ่งไปที่ตลาดมิดถึงไฮ และตลาดซูเปอร์ไฮเอนด์ในปีหน้า
สำหรับกลุ่มโทรศัพท์มือถือ ซัมซุงมุ่งทำตลาดสนองทุกความต้องการ ด้วยการจัดแบ่งกลุ่มผลิตภัณฑ์ตามไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภค โดยแบ่งออกเป็น 6 กลุ่ม ได้แก่ สไตล์กับแฟชั่น, อินโฟเทนเมนต์ , มัลติมีเดีย ,บิสซิเนส, พรามาติกและกลุ่มเบสิกนอกจากนี้ซัมซุงกำลังจะเปิดตัวโทรศัพท์มือถือ ซัมซุง ออมเนีย (i900) ที่ทิ้งห่างคู่แข่งทัชโฟน อาทิ กล้องดิจิตอลขนาด 5 ล้านพิกเซล และระบบปฏิบัติการวินโดวส์ โมบายล์ 6.1 พร้อมฟังก์ชันการใช้งานสุดล้ำตอบสนองทุกๆ การใช้งานเพื่อการติดต่อและธุรกิจในสัปดาห์หน้า
การทำตลาดของซัมซุงจะมุ่งเน้นการสื่อสารแบบครบวงจรหรือ 360 องศาไปยังช่องทางต่างๆ อาทิ กิจกรรมที่จุดขาย การทำตลาดร่วมกับพันธมิตร รวมถึงการสื่อสารไปยังผู้บริโภคอย่างมีประสิทธิภาพด้วยการใช้พรีเซ็นเตอร์ เพื่อเข้าถึงทุกไลฟ์สไตล์ความต้องการของผู้บริโภคทุกกลุ่ม ปัจจุบันซัมซุงครองส่วนแบ่งทางการอันดับ 1 ในกลุ่มผลิตภัณฑ์ 9 ประเภท ได้แก่ แอลซีดีทีวีมีส่วนแบ่งทางการตลาด 35% ทีวีสีจอแบน 32% ทีวีสีรวมทุกประเภท 33% ตู้เย็นไซด์บายไซด์ 68% ตู้เย็น 2 ประตู 15% เครื่องซักผ้าอัตโนมัติ 33% เตาอบไมโครเวฟ 34% จอแอลซีดีมอนิเตอร์ 36% และเครื่องพิมพ์เลเซอร์แบบมัลติฟังก์ชัน 41%
Company Related Links :
Samsung