"ซัมซุง"มั่นใจแอลซีดีทีวีในประเทศไทยไม่ต่ำกว่า 30% จะถูกต่ออินเทอร์เน็ตเพื่อดึงข้อมูลแบบเรียลไทม์ จริงไม่จริงยังไม่รู้แต่ชิงนำธงประเดิมเปิดตัวฟีเจอร์"อินเทอร์เน็ต@ทีวี"พร้อมพันธมิตรสัญชาติไทยรายแรกไปก่อนแล้ว เชื่อค่ายทีวีจะเลิกสนใจพัฒนาแต่ตัวเครื่อง แล้วหันมาตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ผู้บริโภคยิ่งขึ้นด้วยอินเทอร์เน็ตแบบที่ซัมซุงทำ เพื่อชิงเค้กตลาดแอลซีดีทีวีไทยที่ประมาณกันว่ามีจำนวน 3 ล้านเครื่อง คิดเป็นมูลค่ากว่า 27,000 ล้านบาทในปีนี้
อัศวิน ชูสถาพรกุล หัวหน้ากลุ่มผลิตภัณฑ์แอลซีดีทีวี และแอลอีดีทีวี บริษัท ไทยซัมซุง อิเล็กทรอนิกส์ จำกัด ให้สัมภาษณ์ระหว่างการเปิดตัวฟีเจอร์ล่าสุดของผลิตภัณฑ์โทรทัศน์สีแบรนด์ซัมซุง"อินเทอร์เน็ต@ทีวี"เมื่อปลายสัปดาห์ที่ผ่านมาว่า ตลาดทีวีไทยกำลังเดินตามตลาดต่างชาติ ซึ่งมีวางจำหน่ายทีวีที่แสดงข้อมูลเรียลไทม์จากอินเทอร์เน็ตมานานกว่า 2 ปีแล้ว สิ่งที่เกิดขึ้นเชื่อว่าฟีเจอร์อินเทอร์เน็ตจะแพร่หลายในตลาดทีวีไทยอย่างต่อเนื่อง จนกินสัดส่วนเกิน 30% แน่นอน
"ผมเชื่อว่าน่าจะเกิน 30% แต่เมื่อไหร่นั้นยังไม่รู้ ต้องมีปัจจัยประกอบหลายอย่าง โดยเฉพาะความพร้อมของตลาด เช่น ถ้าผู้ใช้ในไทยเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตได้มากขึ้น ก็เชื่อว่าจำนวนจะมากตาม"
หลักการทำงานของฟีเจอร์อินเทอร์เน็ต@ทีวีของซัมซุง คือการติดโปรแกรม”Online Widget”ลงบนทีวี ทำให้ทีวีจอแบนใหญ่โตสวยงามสามารถแสดงข้อมูลอัปเดทเรียลไทม์จากอินเทอร์เน็ตได้ไม่ต่างจากคอมพิวเตอร์หรือโทรศัพท์มือถือ สิ่งที่ลูกค้าจะได้รับจากฟีเจอร์นี้ในขณะนี้ คือสามารถชมวิดีโอสุดฮิตจากทั่วโลกของ YouTube, ข้อมูลสภาพอากาศจาก AccuWeather.com, รับข่าวสารจาก USA Today และที่ขาดไม่ได้คือข่าววิเคราะห์สถานการณ์ในประเทศจาก Nation Group หวังตอบโจทย์กลุ่มเป้าหมายอย่างนักธุรกิจที่ต้องการข่าวสารที่อัปเดทตลอดเวลา ต้องเช็คสภาพอากาศเพื่อการเดินทางบ่อยๆ รวมถึงความบันเทิงแก้เครียด
ฟังดูเหมือนเป็นความสามารถที่มีอยู่แล้วในโทรศัพท์มือถือและคอมพิวเตอร์พีซีซึ่งเหล่านักธุรกิจพกติดตัวอยู่แล้ว แต่ผู้บริหารซัมซุงเชื่อว่าไม่ได้ซ้ำซ้อนกัน
ไม่ชนกับวิดเจ็ทมือถือ
“ไม่ชนกันหรอกครับ อย่ามองว่าข้อมูลพวกนี้จะไปซ้ำซ้อนกับข้อมูลในโทรศัพท์มือถือ เพราะมันสร้างมาคนละจุดประสงค์ วิดเจ็ทในโทรศัพท์สร้างเพื่อรับข้อมูลระหว่างการเดินทาง แต่เมื่ออยู่ในบ้าน หลายคนไม่อยากนั่งหน้าคอมพิวเตอร์ หรือไม่อยากจ้องหน้าจอเล็กๆของโทรศัพท์มือถือแล้ว” อัศวิน ชูสถาพรกุล หัวหน้ากลุ่มแอลซีดีทีวี และแอลอีดีทีวีจากไทยซัมซุงกล่าว
อัศวินให้ข้อมูลว่าโทรทัศน์แอลอีดี แอลซีดี และพลาสม่าซีรีสย์ 6-8 ที่ซัมซุงจำหน่ายอยู่ในขณะนี้สามารถรองรับฟีเจอร์อินเทอร์เน็ต@ทีวีได้ ด้วยการต่อสายแลนแล้วคลิกรีโมท หากไม่ต้องการต่อสาย สามารถเชื่อมต่ออแดปเตอร์เพื่อต่ออินเทอร์เน็ตไร้สายได้
"ค่าใช้จ่ายเริ่มต้นมีเฉพาะค่าอินเทอร์เน็ตที่ทุกบ้านต้องเสียอยู่แล้ว การพิพม์ตัวอักษรเพื่อเสิร์ชวิดีโอบนยูทูบหรือค้นหาประเทศเพื่อตรวจสภาพอากาศ ก็สามารถพิมพ์อักษรได้จากปุ่มตัวเลขบนรีโมทเลย ผู้ที่คุ้นเคยกับโทรศัพท์มือถือจะไม่มีปัญหา สามารถออนไลน์หรือออฟไลน์ขณะดูทีวีปกติก็ได้"
อย่างไรก็ตาม ทีวีออนไลน์ของซัมซุงไม่สามารถเข้าสู่เว็บไซต์หรือบริการอื่นที่นอกเหนือจาก 4 พันธมิตรของซัมซุง YouTube, AccuWeather.com, USA Today และ Nation Group จุดนี้อัศวินระบุว่าทราฟฟิกจากเครื่องจะวิ่งเข้าสู่เซิร์ฟเวอร์ของซัมซุงเท่านั้น เพื่อป้องกันปัญหาความปลอดภัย
"เซิร์ฟเวอร์ของซัมซุงสามารถรองรับทราฟฟิกได้ไม่จำกัด นอกจากพันธมิตร 4 รายนี้ เราจะขยายความร่วมมือเต็มที่ในปีหน้า เรากำลังพัฒนาวิดเจ็ทด้านเครือข่ายสังคม เช่น MSN หรือ Facebook อีกแนวคือดูว่าโทรศัพท์มือถือมีอะไร เราก็จะดึงมาตามนั้น"
เล็งดึงบริการออนไลน์มาติดบนทีวี
ผู้บริหารซัมซุงระบุว่ามีแนวคิดนำบริการเสริมออนไลน์บนโทรศัพท์มือถือซึ่งมีอยู่จำนวนไม่น้อย มาติดตั้งไว้บนทีวี
"เราอยากจะดูว่ามือถือมีอะไร เช่น อินเทอร์เน็ตแบงกิ้งก็น่าสนใจ ตอนนี้เรามีทีมพัฒนาวิดเจ็ทอย่างจริงจัง ซึ่งมีแผนจะนำไปผนวกลงในเครื่องชนิดอื่นด้วย"
อีกข้อจำกัดของอินเทอร์เน็ต@ทีวีของซัมซุงคือไม่สามารถบันทึกข้อมูลออนไลน์เพื่อเก็บไปชมย้อนหลังได้ ในส่วนราคา ซัมซุงย้ำว่าการดึงข้อมูลจากอินเทอร์เน็ตมาแสดงบนจอโทรทัศน์ไม่ได้เป็นปัจจัยที่ทำให้โทรทัศน์มีราคาแพงขึ้น แต่ขึ้นอยู่กับการพัฒนาคุณสมบัติของจอภาพมากกว่า
การเปิดตัวความสามารถในการต่ออินเทอร์เน็ตของโทรทัศน์แบรนด์ซัมซุงครั้งนี้เกิดขึ้นเพราะซัมซุงเป็นรายแรกที่สามารถเป็นพันธมิตรกับผู้ให้บริการคอนเทนท์ออนไลน์สัญชาติไทย นั่นคือ Nation Group โดยซัมซุงเริ่มจำหน่ายทีวีที่สามารถเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตได้มาตั้งแต่เดือนพ.ค.แล้ว ขณะที่ในต่างประเทศ เช่น สิงคโปร์ ออสเตรเลีย และสหรัฐฯ ที่วางจำหน่ายมานานเกือบ 2 ปีแล้ว
"งบการตลาดเรื่องอินเทอร์เน็ตทีวีจะแฝงอยู่ในธุรกิจกลุ่มเอวีซึ่งกินสัดส่วน 10% ของทั้งหมด คิดเป็นมูลค่าน่าจะประมาณ 10 ล้านบาท เราจะเน้นทำการตลาดผ่านช้อปกว่า 100 แห่งทั่วประเทศ ปัญหาเดียวที่มีคือ อินฟราสตรัคเจอร์ของไทยเรายังไม่ดีพอ"
Company Related Links :
Samsung