ไมโครซอฟท์ เผยตัวเลขการละเมิดลิขสิทธิ์ซอฟต์แวร์ไทยสูงถึง 80% จัดอยู่ในอันดับ 5 ของเอเซียแปซิฟิก เผยลดการละเมิดได้ 10% ตัวเลขมูลค่าการใช้จ่ายด้านไอทีของไทยจะเพิ่มขึ้นอีกกว่า1,000 ล้านเหรียญ พร้อมรณรงค์กระตุ้นผู้ใช้เลือกซอฟต์แวร์ที่ถูกลิขสิทธิ์ก่อนซื้อด้วยวิธีง่ายๆ
นายประวิทย์ ภิภพภิญโญ ผู้อำนวยการฝ่านพัฒนาธุรกิจ บริษัท ไมโครซอฟท์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวถึงภาพรวมในการส่งเสริมให้มีการใช้ซอฟต์แวร์อย่างถูกต้องตามกฎหมายว่า จากตัวเลขในปัจจุบันพบว่าในปี 2006 ทั่วโลกมีการใช้ซอฟต์แวร์ที่ใส่ลงในตัวเครื่องคอมพิวเตอร์เป็นมูลค่ามากกว่า 1 แสนล้านเหรียญ แต่ขณะที่มองในแง่จำนวนเงินที่ใช้จ่ายในการซื้อซอฟต์แวร์ที่เป็นของแท้มีมูลค่าประมาณ 65,000 ล้านเหรียญเท่านั้น ซึ่งเท่ากับมีการเสียส่วนต่างด้านมูลค่าประมาณ 40,000 ล้านเหรียญ หรือคิดเป็นอัตราการละเมิดประมาณ 35%
ในส่วนของประเทศไทยมีตัวเลขการละเมิดด้านซอฟต์แวร์สูงถึง 80% จัดอยู่ในอันดับที่ 5 เมื่อเทียบกับประเทศในกลุ่มเอเซียแปซิฟิกด้วยกัน โดยมีเวียดนามเป็นอันดับ 1 อัตราการละเมิดอยู่ที่ 88% ที่ 2 ปากีสถาน 86% อันดับ 3 อินโดนีเซียประมาณ 85% อันดับ 4 จีนประมาณ 82%
ผู้บริหารไมโครซอฟท์กล่าวว่า มองเฉพาะประเทศไทยประเทศเดียวนับจากปี 2008-2011 หากทำให้ตัวเลขอัตราการละเมิดลดลงได้จาก 80% มาอยู่ที่ 70% จะส่งผลดีกับหลายด้านโดยเฉพาะภาคเศรษฐกิจ คือ 1. จะส่งผลให้มูลค่าการใช้จ่ายด้านไอทีเพิ่มขึ้น 1,000 ล้านเหรียญ 2. การจ้างงานเพิ่มมากขึ้นกว่า 2,000 ตำแหน่ง และ 3.ภาครัฐจะได้รับภาษีเพิ่มมากขึ้น 55 ล้านเหรียญ
ขณะที่ในปี 2007 ที่ผ่านมาประเทศไทยมีการใช้จ่ายด้านไอทีประมาณ 3,900 ล้านเหรียญหรือประมาณ 149,800 ล้านบาท ประมาณการว่าในปี 2006-2011 แต่ละปีการใช้จ่ายด้านไอทีจะเติบโตขึ้นประมาณ 9.3% ซอฟต์แวร์เติบโตขึ้นประมาณ 8.5% การใช้จ่ายด้านไอทีเมื่อเทียบกับ GDP เติบโตขึ้นประมาณ 1.8% และเมื่อเทียบกับทั่วโลกประมาณ 2.5%
ในส่วนไมโครซอฟท์ ที่ผ่านมาให้ความสำคัญกับการส่งเสริมให้เกิดการใช้ซอฟต์แวร์ลิขสิทธิ์อย่างถูกต้องตามกฎหมายทั้งให้ความร่วมมือกับภาครัฐและเอกชนโดยเฉพาะตัวแทนจำหน่าย
“ปัจจุบันอัตราการละเมิดยังอยู่ในระดับทรงๆในอัตรานี้มาระยะหนึ่งแล้ว ซึ่งไม่ส่วนของไมโครซอฟท์เองต้องการกระตุ้น ตลอดจนให้ความรู้เพื่อเข้าใจเรื่องทรัพย์สินทางปัญญาอย่างแท้จริง โดยเฉพาะการให้ความสำคัญกับการตรวจสอบซอฟต์แวร์ที่ซื้อมาหรือใช้อยู่ว่าเป็นของถูกกฎหมายหรือไม่ ของแท้กับของปลอมมีความแตกต่างกันอย่างไร เพื่อมิให้ผู้ใช้ตกอยู่ในสภาพเสียประโยชน์ที่ควรได้โดยหลักใหญ่อยู่ที่การไม่ได้รับการอัพเดทข้อมูลข่าวสารหรือเทคโนโลยีใหม่ๆหากใช้ซอฟต์แวร์ปลอม”
ไมโครซอฟท์ต้องการสร้างความกระตือรือล้นในการรับรู้การใช้ซอฟต์แวร์ถูกต้องตามลิขสิทธิ์ โดยการใช้ซอฟต์แวร์ปลอมอาจเกิดจากความไม่ตั้งใจ หรืออาจเกิดจากร้านค้าขายซอฟต์แวร์ที่เป็นของปลอมมาให้โดยไม่รู้
ผู้บริหารไมโครซอฟท์ กล่าวว่า การตรวจสอบว่าซอฟต์แวร์เป็นของปลอมหรือไม่สามารถทำได้ เริ่มจากการ 1. ดูว่าซื้อผลิตภัณฑ์จากผู้ขายที่มีความน่าเชื่อถือหรือไม่ 2.มีใบรับรองของแท้ (COA) รวมอยู่ด้วยหรือไม่ 3.มีแผ่นซีดี หรือดีวีดีหรือสื่อสำหรับการกู้คืนข้อมูลรวมอยู่ด้วยหรือไม่ 4. บรรจุภัณฑ์หรือเอกสารของผลิตภัณฑ์มีคุณภาพหรือไม่ และ5.มีข้อตกลงการอนุญาติผู้ใช้ (End-user License Agreement-EULA) รวมอยู่ด้วยหรือไม่
“ที่สำคัญไม่ควรซื้อซอฟต์แวร์ที่มีราคาถูกเกินความเป็นจริง แม้ผู้ขายจะบอกว่าเป็นของที่ซื้อตัดล็อตมาจึงมาลดราคาได้ก็ตาม รวมทั้งต้องซื้อจากตัวแทนจำหน่ายที่ไว้ใจได้ และมั่นใจได้ว่าเมื่อมีปัญหาในภายหลังแล้วจะกลับไปหาเขาได้”
Company Related Links :
Microsoft
นายประวิทย์ ภิภพภิญโญ ผู้อำนวยการฝ่านพัฒนาธุรกิจ บริษัท ไมโครซอฟท์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวถึงภาพรวมในการส่งเสริมให้มีการใช้ซอฟต์แวร์อย่างถูกต้องตามกฎหมายว่า จากตัวเลขในปัจจุบันพบว่าในปี 2006 ทั่วโลกมีการใช้ซอฟต์แวร์ที่ใส่ลงในตัวเครื่องคอมพิวเตอร์เป็นมูลค่ามากกว่า 1 แสนล้านเหรียญ แต่ขณะที่มองในแง่จำนวนเงินที่ใช้จ่ายในการซื้อซอฟต์แวร์ที่เป็นของแท้มีมูลค่าประมาณ 65,000 ล้านเหรียญเท่านั้น ซึ่งเท่ากับมีการเสียส่วนต่างด้านมูลค่าประมาณ 40,000 ล้านเหรียญ หรือคิดเป็นอัตราการละเมิดประมาณ 35%
ในส่วนของประเทศไทยมีตัวเลขการละเมิดด้านซอฟต์แวร์สูงถึง 80% จัดอยู่ในอันดับที่ 5 เมื่อเทียบกับประเทศในกลุ่มเอเซียแปซิฟิกด้วยกัน โดยมีเวียดนามเป็นอันดับ 1 อัตราการละเมิดอยู่ที่ 88% ที่ 2 ปากีสถาน 86% อันดับ 3 อินโดนีเซียประมาณ 85% อันดับ 4 จีนประมาณ 82%
ผู้บริหารไมโครซอฟท์กล่าวว่า มองเฉพาะประเทศไทยประเทศเดียวนับจากปี 2008-2011 หากทำให้ตัวเลขอัตราการละเมิดลดลงได้จาก 80% มาอยู่ที่ 70% จะส่งผลดีกับหลายด้านโดยเฉพาะภาคเศรษฐกิจ คือ 1. จะส่งผลให้มูลค่าการใช้จ่ายด้านไอทีเพิ่มขึ้น 1,000 ล้านเหรียญ 2. การจ้างงานเพิ่มมากขึ้นกว่า 2,000 ตำแหน่ง และ 3.ภาครัฐจะได้รับภาษีเพิ่มมากขึ้น 55 ล้านเหรียญ
ขณะที่ในปี 2007 ที่ผ่านมาประเทศไทยมีการใช้จ่ายด้านไอทีประมาณ 3,900 ล้านเหรียญหรือประมาณ 149,800 ล้านบาท ประมาณการว่าในปี 2006-2011 แต่ละปีการใช้จ่ายด้านไอทีจะเติบโตขึ้นประมาณ 9.3% ซอฟต์แวร์เติบโตขึ้นประมาณ 8.5% การใช้จ่ายด้านไอทีเมื่อเทียบกับ GDP เติบโตขึ้นประมาณ 1.8% และเมื่อเทียบกับทั่วโลกประมาณ 2.5%
ในส่วนไมโครซอฟท์ ที่ผ่านมาให้ความสำคัญกับการส่งเสริมให้เกิดการใช้ซอฟต์แวร์ลิขสิทธิ์อย่างถูกต้องตามกฎหมายทั้งให้ความร่วมมือกับภาครัฐและเอกชนโดยเฉพาะตัวแทนจำหน่าย
“ปัจจุบันอัตราการละเมิดยังอยู่ในระดับทรงๆในอัตรานี้มาระยะหนึ่งแล้ว ซึ่งไม่ส่วนของไมโครซอฟท์เองต้องการกระตุ้น ตลอดจนให้ความรู้เพื่อเข้าใจเรื่องทรัพย์สินทางปัญญาอย่างแท้จริง โดยเฉพาะการให้ความสำคัญกับการตรวจสอบซอฟต์แวร์ที่ซื้อมาหรือใช้อยู่ว่าเป็นของถูกกฎหมายหรือไม่ ของแท้กับของปลอมมีความแตกต่างกันอย่างไร เพื่อมิให้ผู้ใช้ตกอยู่ในสภาพเสียประโยชน์ที่ควรได้โดยหลักใหญ่อยู่ที่การไม่ได้รับการอัพเดทข้อมูลข่าวสารหรือเทคโนโลยีใหม่ๆหากใช้ซอฟต์แวร์ปลอม”
ไมโครซอฟท์ต้องการสร้างความกระตือรือล้นในการรับรู้การใช้ซอฟต์แวร์ถูกต้องตามลิขสิทธิ์ โดยการใช้ซอฟต์แวร์ปลอมอาจเกิดจากความไม่ตั้งใจ หรืออาจเกิดจากร้านค้าขายซอฟต์แวร์ที่เป็นของปลอมมาให้โดยไม่รู้
ผู้บริหารไมโครซอฟท์ กล่าวว่า การตรวจสอบว่าซอฟต์แวร์เป็นของปลอมหรือไม่สามารถทำได้ เริ่มจากการ 1. ดูว่าซื้อผลิตภัณฑ์จากผู้ขายที่มีความน่าเชื่อถือหรือไม่ 2.มีใบรับรองของแท้ (COA) รวมอยู่ด้วยหรือไม่ 3.มีแผ่นซีดี หรือดีวีดีหรือสื่อสำหรับการกู้คืนข้อมูลรวมอยู่ด้วยหรือไม่ 4. บรรจุภัณฑ์หรือเอกสารของผลิตภัณฑ์มีคุณภาพหรือไม่ และ5.มีข้อตกลงการอนุญาติผู้ใช้ (End-user License Agreement-EULA) รวมอยู่ด้วยหรือไม่
“ที่สำคัญไม่ควรซื้อซอฟต์แวร์ที่มีราคาถูกเกินความเป็นจริง แม้ผู้ขายจะบอกว่าเป็นของที่ซื้อตัดล็อตมาจึงมาลดราคาได้ก็ตาม รวมทั้งต้องซื้อจากตัวแทนจำหน่ายที่ไว้ใจได้ และมั่นใจได้ว่าเมื่อมีปัญหาในภายหลังแล้วจะกลับไปหาเขาได้”
Company Related Links :
Microsoft
