กลุ่มล็อกซเล่ย์รุกธุรกิจระบบรักษาความปลอดภัย เปิดตัว “แอล-แทค เทคโนโลยี” ที่ผนึกกับ 3 ยักษ์ใหญ่ในวงการระบบรักษาความปลอดภัยจากออสเตรเลีย หลังข้อตกลง TAFTA ตั้งเป้าปีแรกรายได้ 20 ล้านบาท ทำตลาดผ่านแอคทีฟ ดีลเลอร์ 50 ราย
วานนี้ (5 ก.พ.) กลุ่มบริษัท ล็อกซเล่ย์ ร่วมกับ 3 บริษัทในอุตสาหกรรมระบบรักษาความปลอดภัยจากออสเตรเลีย ประกอบด้วย บีคิวที โซลูชั่น, ไมโครแลทช์ กรุ๊ป และไรโน เทคโนโลยี เปิดตัวบริษัท แอล-แทค เทคโนโลยี ด้วยทุนจดทะเบียน 25 ล้านบาท โดยมีกลุ่มล็อกซเล่ย์ถือหุ้นใหญ่ 51% เพื่อลุยธุรกิจระบบรักษาความปลอดภัย ด้วยผลิตภัณฑ์ภายใต้แบรนด์ BQT, Microlatch และ Rhino ที่แอล-แทค เทคโนโลยี เป็นผู้นำเข้าจากออสเตรเลีย
นายเกรแฮม สโตราห์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท แอล-แทค เทคโนโลยี กล่าวว่า การจัดตั้งบริษัทร่วมทุนครั้งนี้จุดประสงค์เพื่อก่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดจากข้อตกลงเขตการค้าเสรีไทย-ออสเตรเลีย หรือ TAFTA ซึ่งจะเอื้อประโยชน์ในแง่การลดกำแพงภาษีสินค้าหลายๆ รายการ รวมถึงผลิตภัณฑ์ด้านระบบรักษาความปลอดภัยที่บริษัทเล็งเห็นว่าน่าจะมีโอกาสสูงในการนำเข้ามาทำตลาดในประเทศไทย และมีแนวโน้มว่าในอนาคตจะสามารถนำเข้าสินค้าประเภทนี้ที่มีคุณภาพสูงได้ในราคาที่ต่ำลงเรื่อยๆ
การเข้ามาทำธุรกิจดังกล่าว เพราะผู้บริหารแอล-แทคเชื่อว่า ตลาดระบบรักษาความปลอดภัยในไทยกำลังมีความตื่นตัวสูง โดยเฉพาะสถาบันการเงิน องค์กรใหญ่ๆ บริษัทเอกชนและหน่วยงานราชการ หรือแม้แต่บ้านเรือนทั่วไปก็ยังนิยมติดตั้งระบบรักษาความปลอดภัยด้วยเช่นกัน ส่งผลให้อัตราการขยายตัวของตลาดมีการเติบโตสูงมาก เฉลี่ย 30% ต่อปี โดยมีมูลค่ารวมในตลาดประมาณ 5 พันล้านบาท และมองว่าเป็นโอกาสอันดีที่แอล-แทคจะเปิดตัวอย่างเป็นทางการ เพื่อนำสินค้าและเทคโนโลยีใหม่ๆ จากออสเตรเลียเข้ามาบุกตลาดในประเทศไทยอย่างจริงจัง
“เราใช้เวลาเกือบ 2 ปีในการศึกษาและวิจัยตลาด พร้อมทั้งทดสอบอุปกรณ์ต่างๆอย่างละเอียดถี่ถ้วนก่อนจะตัดสินใจเลือกผลิตภัณฑ์นำเข้ามาทำตลาดให้เหมาะสม"
สำหรับผลิตภัณฑ์ที่แอล-แทคนำเข้ามาทำตลาดทั้ง 3 แบรนด์ มีผลิตภัณฑ์รักษาความปลอดภัยครอบคลุมทุกความต้องการของตลาด ตั้งแต่ลูกค้ากลุ่มองค์กรขนาดใหญ่ กลุ่มครัวเรือน และกลุ่มเจ้าของรถยนต์ เรือ หรืออุปกรณ์เคลื่อนที่ต่างๆ
ส่วนการทำตลาดจะขายผ่านตัวแทนจำหน่าย (Dealer) โดยเน้นจุดเด่นที่คุณภาพของสินค้าและการให้บริการหลังการขายในราคาที่เหมาะสม มุ่งเจาะกลุ่มลูกค้าระดับกลางถึงระดับบน
นายเกรแฮมกล่าวว่า ด้วยเทคโนโลยี คุณภาพ และราคาที่เหมาะสม จะทำให้สินค้าทั้ง 3 แบรนด์ดังกล่าวได้รับการตอบรับที่ดีในประเทศไทย โดยแอล-แทคตั้งเป้าไว้ว่าจะมีผู้สนใจสมัครเข้ามาเป็นตัวแทนจำหน่ายผลิตภัณฑ์นี้เป็นไม่ต่ำกว่า 50 รายในปีนี้ ซึ่งเป็นคู่ค้าที่แอคทีฟ และทางแอล-แทคจะมุ่งเน้นทำงานร่วมกับตัวแทนจำหน่ายอย่างใกล้ชิด พร้อมให้การสนับสนุนทั้งด้านการทำตลาด การฝึกอบรมและด้านเทคโนโลยีต่างๆ ส่วนรายได้รอบปีนี้ตั้งไว้ที่ 20 ล้านบาท
Company Related Links :
Loxley
วานนี้ (5 ก.พ.) กลุ่มบริษัท ล็อกซเล่ย์ ร่วมกับ 3 บริษัทในอุตสาหกรรมระบบรักษาความปลอดภัยจากออสเตรเลีย ประกอบด้วย บีคิวที โซลูชั่น, ไมโครแลทช์ กรุ๊ป และไรโน เทคโนโลยี เปิดตัวบริษัท แอล-แทค เทคโนโลยี ด้วยทุนจดทะเบียน 25 ล้านบาท โดยมีกลุ่มล็อกซเล่ย์ถือหุ้นใหญ่ 51% เพื่อลุยธุรกิจระบบรักษาความปลอดภัย ด้วยผลิตภัณฑ์ภายใต้แบรนด์ BQT, Microlatch และ Rhino ที่แอล-แทค เทคโนโลยี เป็นผู้นำเข้าจากออสเตรเลีย
นายเกรแฮม สโตราห์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท แอล-แทค เทคโนโลยี กล่าวว่า การจัดตั้งบริษัทร่วมทุนครั้งนี้จุดประสงค์เพื่อก่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดจากข้อตกลงเขตการค้าเสรีไทย-ออสเตรเลีย หรือ TAFTA ซึ่งจะเอื้อประโยชน์ในแง่การลดกำแพงภาษีสินค้าหลายๆ รายการ รวมถึงผลิตภัณฑ์ด้านระบบรักษาความปลอดภัยที่บริษัทเล็งเห็นว่าน่าจะมีโอกาสสูงในการนำเข้ามาทำตลาดในประเทศไทย และมีแนวโน้มว่าในอนาคตจะสามารถนำเข้าสินค้าประเภทนี้ที่มีคุณภาพสูงได้ในราคาที่ต่ำลงเรื่อยๆ
การเข้ามาทำธุรกิจดังกล่าว เพราะผู้บริหารแอล-แทคเชื่อว่า ตลาดระบบรักษาความปลอดภัยในไทยกำลังมีความตื่นตัวสูง โดยเฉพาะสถาบันการเงิน องค์กรใหญ่ๆ บริษัทเอกชนและหน่วยงานราชการ หรือแม้แต่บ้านเรือนทั่วไปก็ยังนิยมติดตั้งระบบรักษาความปลอดภัยด้วยเช่นกัน ส่งผลให้อัตราการขยายตัวของตลาดมีการเติบโตสูงมาก เฉลี่ย 30% ต่อปี โดยมีมูลค่ารวมในตลาดประมาณ 5 พันล้านบาท และมองว่าเป็นโอกาสอันดีที่แอล-แทคจะเปิดตัวอย่างเป็นทางการ เพื่อนำสินค้าและเทคโนโลยีใหม่ๆ จากออสเตรเลียเข้ามาบุกตลาดในประเทศไทยอย่างจริงจัง
“เราใช้เวลาเกือบ 2 ปีในการศึกษาและวิจัยตลาด พร้อมทั้งทดสอบอุปกรณ์ต่างๆอย่างละเอียดถี่ถ้วนก่อนจะตัดสินใจเลือกผลิตภัณฑ์นำเข้ามาทำตลาดให้เหมาะสม"
สำหรับผลิตภัณฑ์ที่แอล-แทคนำเข้ามาทำตลาดทั้ง 3 แบรนด์ มีผลิตภัณฑ์รักษาความปลอดภัยครอบคลุมทุกความต้องการของตลาด ตั้งแต่ลูกค้ากลุ่มองค์กรขนาดใหญ่ กลุ่มครัวเรือน และกลุ่มเจ้าของรถยนต์ เรือ หรืออุปกรณ์เคลื่อนที่ต่างๆ
ส่วนการทำตลาดจะขายผ่านตัวแทนจำหน่าย (Dealer) โดยเน้นจุดเด่นที่คุณภาพของสินค้าและการให้บริการหลังการขายในราคาที่เหมาะสม มุ่งเจาะกลุ่มลูกค้าระดับกลางถึงระดับบน
นายเกรแฮมกล่าวว่า ด้วยเทคโนโลยี คุณภาพ และราคาที่เหมาะสม จะทำให้สินค้าทั้ง 3 แบรนด์ดังกล่าวได้รับการตอบรับที่ดีในประเทศไทย โดยแอล-แทคตั้งเป้าไว้ว่าจะมีผู้สนใจสมัครเข้ามาเป็นตัวแทนจำหน่ายผลิตภัณฑ์นี้เป็นไม่ต่ำกว่า 50 รายในปีนี้ ซึ่งเป็นคู่ค้าที่แอคทีฟ และทางแอล-แทคจะมุ่งเน้นทำงานร่วมกับตัวแทนจำหน่ายอย่างใกล้ชิด พร้อมให้การสนับสนุนทั้งด้านการทำตลาด การฝึกอบรมและด้านเทคโนโลยีต่างๆ ส่วนรายได้รอบปีนี้ตั้งไว้ที่ 20 ล้านบาท
Company Related Links :
Loxley