สมาร์ท ไอดีประกาศทิศทางธุรกิจปี 51 เดินเกมรุกในธุรกิจอุปกรณ์ต่อพ่วงคอมพิวเตอร์ พร้อมผนึกพันธมิตรบุกตลาดต่างประเทศ โดยการเดินทางลัดจัดงบ 100 ล้านบาท เพื่อซื้อโรงงานผลิตไลน์สินค้าให้มากขึ้น หวังเป็นเบอร์หนึ่งในตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และโตแบบดับเบิล ตั้งเป้า 5 ปี ยอดขาย 1,000 ล้านบาท
นายโธมัส หงษ์ภักดี กรรมการผู้จัดการ บริษัท สมาร์ท ไอดี กรุ๊ป ผู้ดำเนินธุรกิจด้านไอที แอ็คเซ็สซอรี่ กล่าวถึงทิศทางการดำเนินธุรกิจรอบปีนี้ว่า ปีที่ผ่านมาบริษัทโฟกัสตลาดประเทศไทย แต่ปีนี้จะไปตลาดต่างประเทศมากขึ้น โดยมีแผนจะไปตั้งสาขาในฮ่องกง จีน และมองหาพันธมิตรที่มีศักยภาพ ทั้งนี้ พันธมิตรดังกล่าวจะเป็นประเภทโรงงานที่มีสายพานการผลิต โดยการเข้าไปซื้อกิจการ หรือเทกโอเวอร์ เพื่อเอาสายพานการผลิตเข้ามา เนื่องจากบริษัทมีเป้าหมายให้การผลิตได้เกือบ 1 ล้านยูนิตต่อปี จึงจำเป็นต้องหาโรงงานที่เชื่อถือได้ พร้อมกันนี้ ยังจะมีการจ้างคนจีนและฮ่องกงทำงานให้ด้วย
นอกจากนี้ ยังจะมีการตั้งสาขาในต่างประเทศ โดยเริ่มที่ประเทศเวียดนามก่อน ขยายไปมาเลเซีย และอินโดนีเซีย เนื่องจากเวียดนามจะเป็นฐานการผลิตได้มากกว่าไทย เนื่องจากมีต้นทุนการผลิตที่ต่ำ แต่การบริหารยังเป็นบริษัทในประเทศไทย ขณะเดียวกันก็มีแผนจะขยายสาขาในประเทศไทยด้วย ซึ่งเป็นสาขาที่บริษัทเข้าไปในซูเปอร์สโตร์ทุกแห่ง
“เรามองข้ามตลาดเมืองไทย แต่ต้องการเป็นผู้นำในตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ต้องการเป็นมัลติชันนอล คอมพานี”
สำหรับการผลิตสินค้าในจีนจะรวมมือกับพันธมิตรคือ Acrox ซึ่งเป็นผู้นำตลาดในส่วนของผู้ผลิตอุปกรณ์ต่อพ่วงต่างๆ ของเครื่องคอมพิวเตอร์ และยังมีชื่อเสียงในธุรกิจการผลิตและออกแบบเมาส์สำหรับเครื่องคอมพิวเตอร์ยี่ห้องต่างๆ เช่น เอชพี คอมแพค ทาร์กัส ซัมซุง ฮุนได และบริษัทอื่นๆ นอกจากนี้ ยังมียัง LEXMA ที่มีผลิตภัณฑ์ในกลุ่มตลาดมัลติฟังก์ชัน
ส่วนงบการลงทุนจะเป็นการระดมทุนจากนักลงทุนประมาณ 2-3 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 100 ล้านบาท ซึ่งเป็นงบสำหรับการเข้าไปเทกโอเวอร์โรงงาน ไม่เกี่ยวกับโครงการที่เวียดนาม เนื่องจากในช่วงระยะเวลา 2-3 ปีนี้ ยังต้องใช้สินค้าที่ผลิตภัณฑ์จากจีนก่อน เนื่องจากการตั้งโรงงานในไทยเรื่องของไฟฟ้ายังไม่เสถียร และการซื้อก็ซื้อได้แค่ตึกเท่านั้น ส่วนที่ดินยังต้องเช่า เพราะรัฐบาลเวียดนามห้ามซื้อ
“การเข้าซื้อโรงงานขณะนี้ยังไม่ถึงขั้นดีล เพียงแต่มีการพูดคุยไว้เท่านั้น”
นายโธมัสกล่าวถึงผลการดำเนินงานในรอบปีที่ผ่านมาว่า มียอดขายอยู่ที่ 3.5 แสนยูนิต คิดเป็นมูลค่าประมาณ 95 ล้านบาท และมีอัตราการโตแบบก้าวกระโดด ส่วนปีนี้ก็ตั้งเป้าไว้ว่าจะมีอัตราการโตแบบเท่าตัว และตั้งเป้ายอดขายสูงถึง 1,000 ล้านบาท ในอีก 5 ปีข้างหน้า บนงบลงทุนประมาณ 200 ล้านบาท
Company Related Links :
SmartIDGroup
