xs
xsm
sm
md
lg

เบ็นคิวตั้งเป้ารายได้1.7พันล. รุกตลาดกล้องดิจิตอลจับกลุ่มแมส

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


หลังนำร่องสินค้าไอทีด้วยโน้ตบุ๊ก แอลซีดี มอนิเตอร์ และโปรเจกเตอร์ด้วยรายได้กว่า 1,000 ล้านบาทในปีที่ผ่านมา ปี 2008 เบ็นคิวหยั่งเชิงตลาดกล้องดิจิตอลคอมแพคด้วยโปรดักส์ใหม่ 4 ซีรีส์ จับมือเจ็บเซ่นฯพาร์ตเนอร์คู่ใจบุกตลาด โชว์ความพร้อมของตัวโปรดักส์บวกประสิทธิภาพการทำตลาดของเจ็บเซ่นฯตั้งเป้าแชร์ส่วนแบ่งตลาดที่ 5% ในตลาดกล้องคอมแพค ขณะที่ตั้งเป้าหมายรวมเบ็นคิวที่รายได้ 1,700 ล้านบาทในปี 2008

นายธีรวุธ ศุภพันธุ์ภิญโญ ผู้อำนวยการฝ่ายการขายและการตลาด บริษัท เบ็นคิว ประเทศไทย จำกัด กล่าวว่า ที่ผ่านมาเบ็นคิวให้ความสำคัญกับการทำตลาดผลิตภัณฑ์ไอที 3 ตัวในประเทศไทยคือโน้ตบุ๊ก แอลซีดี มอนิเตอร์ และโปรเจกเตอร์ซึ่งประสบความสำเร็จอย่างมากในปีที่ผ่านมาโดยสามารถทำรายได้ได้ประมาณ 1,000 ล้านบาท มาในปีนี้เบ็นคิวจึงเริ่มมองหาโปรดักส์ใหม่ๆ เพื่อเข้าทำตลาดมากยิ่งขึ้น โดยเห็นช่องว่างทางการตลาดของกล้องดิจิตอลจึงร่วมมือกับบริษัท เจ็บเซ่น แอนด์ เจ๊สเซ่นนำกล้องกล้องดิจิตอลจากค่ายเบ็นคิว 4 ซีรีย์คือ C, E, T และ X มาร่วมกันเปิดตลาดในเมืองไทย

ผู้บริหารเบ็นคิวกล่าวว่า ที่ผ่านมาโปรดักส์เบ็นคิวเป็นที่รู้จักเฉพาะในหมู่คนที่ใช้สินค้าไอทีด้วยกันเท่านั้น มาในปีนี้เบ็นคิวจึงจะเน้นการสร้างแบรนด์ให้คนทั่วไปรู้จักมากยิ่งขึ้น โดยจะใช้งบการตลาดมากกว่าปีที่ผ่านมาเท่าตัว

ภายใต้การเปิดตัวกล้องดิจิตอลใหม่ทั้ง 4 ซีรีส์เบ็นคิววางแนวทางในการทำตลาดไว้ 3 อย่างคือ 1. Cool Product จากแนวคิดที่ว่าไม่ว่าสินค้าจะดีแค่ไหนหากการทำตลาดไม่ดี ไม่มีการวางแผนมาอย่างรอบครอบก็จะไม่สามารถพาโปรดักส์ให้ติดตลาดได้ โปรดักส์ของเบ็นคิวจึงมาพร้อมกับการดีไซน์ที่ทันสมัยซึ่งมิใช่แค่ตัวโปรดักส์เท่านั้นจะคำนึงถึงซองใส่ซึ่งได้รับการออกแบบโดยนักออกแบบเครื่องหนังระดับโลกนับเป็นจุดเด่นที่ไม่เหมือนใคร ในส่วนตัวเครื่องเน้นความบาง ในส่วนของเทคโนโลยีเบ็นคิวมีจุดเด่น เช่น ใช้เลนส์คุณภาพจากแพสเท็คให้หน้าจอคมชัด ฟังก์ชั่นการจดจำใบหน้าได้ถึง 9 หน้า กันการสั่นไหว ใช้งานง่าย

2. Right channal Partner เป็นการให้ความสำคัญกับการเลือกพาร์ตเนอร์ที่ทำตลาดที่ถูกต้องสามารถนำพาโปรดักส์ไปสู้เป้าหมายยอดขายที่ต้องการได้ และ 3. Build up Brand Awareness & marketing Activity โดยเบ็นคิวร่วมมือกับเจ็บเซ่นฯ แบ่งการทำการตลาดกัน โดยเจ็บเซ่นฯ ทำบีโลเดอร์ไลน์ และเบ็นคิว อะโบเดอร์ไลน์

จรัสพงศ์ เจนจรัสสกุล ผู้จัดการทั่วไปผลิตภัณฑ์ดิจิตอล ไลฟ์สไตล์ เจ็บเซ่นฯ กล่าวถึงภาพรวมตลาดกล้องดิจิตอลในประเทศไทยว่าเมื่อเทียบจากปี 2006-2007 แล้วตลาดรวมเพิ่มขึ้นประมาณ 10 % แต่เมื่อมองเป็นมูลค่าแล้วตกลงประมาณ 12 % ส่วนหนึ่งเป็นเพราะราคาเครื่องในตลาดรวมลดลง ในส่วนของเจ็บเซ่นฯเป็นผู้ทำตลาดกล้องดิจิตอลหลายโปรดักส์โดยรวมมีส่วนแบ่งในตลาดประมาณ 24% นับว่าอยู่ในอันดับผู้นำตลาดเบอร์1-2 ในตลาดเมืองไทย

“แม้ที่ผ่านมาตลาดรวมไม่ดี แต่คาดว่าในปี 2008 นี้คาดว่าจะดีขึ้น คาดว่าตลาดรวมกล้องดิจิตอลจะตกประมาณ 9.5 แสนตัว มูลค่าประมาณ 9,500 ล้านบาท ซึ่งในจำนวนนี้คาดว่าจะเป็นกล้องดิจิตอลคอมแพคประมาณ 9.2 แสนตัว คิดเป็นมูลค่าประมาณ 8,200 ล้านบาท และจากการเปิดตัวเข้ามาแข่งขันในตลาดกล้องคอมแพคเบ็นคิวตั้งเป้าของส่วนแบ่งในตลาดที่ 5 %”

ผู้บริหารเจ็บเซ่นฯ กล่าวว่า เป้าหมายส่วนแบ่งตลาดที่5% ของเบ็นคิว จะเป็นการเจาะกลุ่มเป้าหมายในระดับราคาตั้งแต่ 10,000 ลงมา ซึ่งมีประมาณ 63% รวมทั้งหมด โดยไม่คิดไปแข่งกับแบรนด์ใหญ่ที่เป็นเบอร์ 1 คือโซนีที่มีส่วนแบ่งในตลาดประมาณ 24% และเบอร์ 2 ที่มีส่วนแบ่งในตลาดประมาณ 18% แต่เบ็นคิวจะมุ่งเฉพาะกล่มเป้าหมายที่วางไว้เป็นหลัก

ในส่วนกล้องดิจิตอล 4 ซีรีส์ที่เปิดตลาดประกอบด้วย C840 เหมาะกับวัยรุ่นที่ชอบการเก็บภาพ ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล ฟังก์ชั่น face-tracking และกันภาพสั่นไหว ทำตลาดในราคา 4,990 บาท รุ่น E1000 เน้นดีไซน์โดนใจ โดยได้รับรางวัลการออกแบบนานาชาติ ตัวเครื่องมันวาวสีดำ ความละเอียด 10 ล้านพิกเซล มีลูกเล่นโหมดภาพสีน้ำมันและภาพสเก็ตซ์ ทำตลาดในราคา 8,990 บาท และรุ่น E 820 มีโหมดตกแต่งกรอบภาพได้ ในตลาดในราคา 6,990 บาท

รุ่น T 800 เป็นระบบหน้าจอสัมผัส เลนส์คุณภาพจากเพนเท็กซ์ ตัวเครื่องจากสแตนเลสตีล ทำตลาดในราคา 8,990 บาท และรุ่น X 835 เน้นความมีสไตล์ หน้าจอกว้าง 2.5 นิ้ว หน่วยความจำ 4 กิ๊ก ทำตลาดในราคา 7,990 บาท

ธีรวุธ กล่าวว่า หลังเปิดตัวโปรดักส์ใหม่ 4 ซีรีส์วันนี้แล้วเบ็นคิวจะทยอยเปิดตัวโปรดักส์ใหม่ออกสู่ตลาดอย่างต่อเนื่อง และจากการที่เบ็นคิวเป็นเป็นผู้ทำตลาดสินค้าเป็นหลัก ในอนาคตจะพัฒนากล้องดิจิตอลที่ผนวกฟังก์ชั่นอื่นๆด้านไอทีเข้าไว้ด้วยเช่น MP3, MP4 เพื่อให้โปรดักส์มีความแตกต่างจากรายอื่นในตลาด

“ในปีที่ผ่านมาเบ็นคิวทำตลาดสินค้าไอทีโดยรวมมียอดรายได้ประมาณ1,000 ล้านบาท แบ่งเป็นโน้ตบุ๊กมีการเติบโตประมาณ 60% แอลซีดีมอนิเตอร์เติบโตประมาณ 50 % และโปรเจคเตอร์เติบโตประมาณ 10 % มาในปี 2008 เป้าหมายรายได้สินค้าไอทีโดยรวมที่ 1,700 ล้านบาท ในจำนวนนี้แบ่งเป็นเป้าหมายให้โน้ตบุ๊กเติบโตประมาณ 50% แอลซีดีมอนิเตอร์เติบโตประมาณ 100 % และ โปรเจคเตอร์เติบโตประมาณ 20 %” ผู้บริหารเบ็นคิว กล่าว

Company Related Links :
Benq
กำลังโหลดความคิดเห็น