xs
xsm
sm
md
lg

จับเสี่ยเก๊หลอกเหยื่อลักทรัพย์ นับร้อยราย ผู้เสียหายสูญเงิน-ทรัพย์สินร่วมเกือบ 10 ล้านบาท

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม



ตร.แจ้งข้อหาหนักเสี่ยกำมะลอ ตระเวนหลอกเหยื่อลักทรัพยนับร้อยราย เสียหายรวมเกือบ 10 ล้านบาท เจ้าตัวรับสารภาพติดการพนัน

จากกรณีเมื่อวันที่ 21 ส.ค.68 พ.ต.อ.วุฒิชัย สุคนธวิท ผกก.สภ.ชัยพฤกษ์, พ.ต.ท.อัครเดช จายะวานิช รอง ผกก.สส.สภ.ชัยพฤกษ์ , พ.ต.ท.ฉัฐวัฒน์ สิริเบญจศักดิ์ สว.สส.สภ.ชัยพฤกษ์ เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน สภ.ชัยพฤกษ์ ได้ร่วมกันจับกุม นายประพันธ์ หรืออ้วน แช่อือ อายุ 50 ปี ที่อยู่ 162 หมู่ 17ต.หนองสสองห้อง อ.หนองสองห้อง จ.ขอนแก่น ผู้ต้องหาในคดีลักทรัพย์ จับได้ที่บริเวณชุมชน ซอยมังกร ต.แพรกษา อ.เมืองสมุทรปราการ จ.สมุทรปราการ

ล่าสุดเมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 21 ส.ค. 68 พ.ต.ท.อัครเดช จายะวานิช รอง ผกก.สส.สภ.ชัยพฤกษ์, พ.ต.ท.ฉัฐวัฒน์ สิริเบญจศักดิ์ สว.สส.สภ.ชัยพฤกษ์ และเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน ได้พาตัวนายประพันธ์ หรืออ้วน แช่อือ อายุ 50 ปี ไปชี้จุดร้านขายโทรศัพท์ที่นายอ้วนนำไปขายจำนวน 50 เครื่อง ที่เสือป่า เขตพลับพลาไชย กทม. ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ยึดของกลางกลับมาเป็นโทรศัพท์มือถือ จำนวน 1 เครื่อง และได้เชิญตัวเจ้าของร้านโทรศัพท์ เข้ามาที่สภ.ชัยพฤกษ์ เพื่อสอบปากคำต่อไป หากรู้เห็นกับทางผู้ต้องหาจะถูกดำเนินคดีรับซื้อของโจร

ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ให้ผู้เสียหายทั้งหมด 15 ราย เข้ามาชี้ตัวผู้ต้องหาและตรวจสอบของกลางที่เหลืออยู่ คือ 1.บัตร ATM จำนวน 6 ใบ 2.ซิมการ์ดโทรศัพท์ จำนวน 19 ซิม 3.Memory Card จำนวน 1 อัน 4.แหวน จำนวน 4 วง 5.สร้อยทองแดง จำนวน 1 เส้น 6.สร้อยทองเหลือง จำนวน 1 เส้น (สวมใส่) 7. สร้อยเงินแขวนพระ ขำนวน 1 เส้น (สวมใส่) 8. พระเครื่องทั้งหมด จำนวน 28 องค์

จากการสอบถาม นายประพันธ์ หรืออ้วน แช่อือ อายุ 50 ปี หรือผู้ต้องหา กล่าวว่า เมื่อก่อนทำงานทาสีแต่ตอนนี้ไม่มีงานทำ จึงมาก่อเหตุดังกล่าว ปกติก่อเหตุ 1 วัน วันละ 2-3 ครั้ง และจะเว้นช่วง 2-3 วันก่อนจะกลับมาก่อเหตุซ้ำต่อไป ทำมาทั้งหมด 3 ปีแล้ว ซึ่งแต่ตั้งแต่ก่อเหตุมาจำไม่ได้แล้วว่าขโมยไปทั้งหมดกี่ราย ตอนนี้สำนึกผิด และขอโทษ ส่วนของที่ขโมยมาพระเครื่องจะนำไปจำแนกขายก่อน และเอาโทรศัพท์ไปขายภายหลัง

พ.ต.ท.ฉัฐวัฒน์ สิริเบญจศักดิ์ สว.สส.สภ.ชัยพฤกษ์ กล่าวว่า เราได้ทำการขยายผลไปที่ร้านรับซื้อโทรศัพท์แถวพลับพลาไชย กทม. จากการตรวจสอบทราบว่ามีร้านขายโทรศัพท์ที่รับซื้อเพียงเจ้าเดียว และทราบว่ามีโทรศัพท์มือถือของผู้เสียหายที่อยู่ในเขตรับผิดชอบของสภ.ชัยพฤกษ์ จำนวน 1 เครื่อง ตอนนี้กำลังประสานให้ผู้เสียหายเข้ามาชี้ของกลาง และได้มีการสืบต่อไปยังร้านทองแถววงเวียนใหญ่ จากการตรวจสอบกล้องวงจรปิดก็ไม่พบว่ามีผู้ก่อเหตุเข้ามาในร้าน จึงนำตัวกลับเข้ามาที่โรงพัก จากการสอบสวนทราบว่าผู้ก่อเหตุได้นำโทรศัพท์มือถือมาขายจำนวนกว่า 50 เครื่อง คาดว่าร้านได้มีการซ่อมและขายไปแล้วจึงทำให้เหลือของกลางจำนวนไม่มาก

พ.ต.อ.วุฒิชัย สุคนธวิท ผกก.สภ.ชัยพฤกษ์ กล่าวว่า คดีของนายประพันธ์ ทางสภ.ชัยพฤกษ์ได้รับแจ้งเหตุเมื่อเดือนกรกฎาคมถึงสิงหาคม รวมแล้ว ประมาณ 3 ครั้ง ซึ่งนายประพันธ์จะมีพฤติกรรมโบกรถแท็กซี่ แต่งตัวคล้ายเสี่ย ซึ่งในระหว่างที่เรียกแท็กซี่มานั้นมักจะชวนพูดคุยถามไถ่ถึงเรื่องส่วนตัวพร้อมชวนให้ไปทำงาน ให้เหตุผลว่าคนเก่าออกจึงตั้งใจจะจ้างคนใหม่เพื่อไปทำงานส่งของให้บริษัท ยกตัวอย่างเช่น กรณีแรกเรียกแท็กซี่จากบิ๊กซีแจ้งวัฒนะข้ามสะพานพระราม 4 เมื่อถึงคริสตัลก็จอดและรอ รวมถึงถามคนขับแท็กซี่ว่าวันนี้จะเริ่มงานเลยหรือไม่ เพราะตั้งใจจะจ้างทำงานโดยมีค่าจ้างให้วันละ 750 บาทถ้วน พร้อมบอกว่าตั้งใจจะประจำ โดยบอกอีกว่าของที่ให้ไปส่งมีค่าเยอะ ควรจะนำอะไรมาเป็นประกันไว้ แท็กซี่จึงนำของมีค่าที่วางเป็นตัวประกันไว้ ไม่ว่าจะสร้อยคอ เงิน โทรศัพท์มือถือ ซึ่งมีพฤติกรรมซ้ำๆแบบนี้อยู่บ่อยครั้ง จะมีการให้กดเงินให้บ้าง ไปรับของ ไปส่งของบ้าง สรุปกลับมาอีกทีคือนายประพันธ์ไม่อยู่แล้ว หนีไป จากการสอบสวนทราบว่านำเงินที่ได้จากการก่อเหตุไปเล่นการพนัน และใช้จ่ายส่วนตัวเนื่องจากไม่ได้ทำงาน สภ.ชัยพฤกษ์ของเราได้รับแจ้งมาประมาณ 3 ครั้ง หลังจากได้รับแจ้งก็มีการพูดคุยวิเคราะห์ ปัญหาอาชญากรรมในพื้นที่ จากการสอบสวนพบว่ามีคนแจ้งเอาไว้ในหลายพื้นที่ เช่น ที่สน.ทุ่งสองห้อง ก็ได้มีการวบรวมข้อมูลมาเบื้องต้น ตรวจสอบแล้วพบว่าคนร้ายมีพฤติกรรมเดียวกัน นำรูปให้กับผู้เสียหายดูก็ได้รับการยืนยันว่าคนเดียวกัน จึงทำการออกหมายจับ และหลังจากการตรวจสอบประวัติพบว่าเคยถูกจับกุมที่อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ และยังอาศัยอยู่ที่นั่นอีกด้วย นอกจากนี้ยังเคยถูกจับที่สน.ห้วยขวาง, สน.ทุ่งสองห้อง จากคดีลักทรัพย์เป็นการใช้บัตรอิเล็กทรอนิกส์

คดีนี้จะตามกฎหมายในเรื่องของการลักทรัพย์ทางบัตรอิเล็กทรอนิกส์ โทษสูง ติดคุก 5 ปี ปรับไม่เกิน 100,000 บาท หลังจากทางเราได้รับแจ้ง ผู้เสียหายที่เป็นแท็กซี่มีมากกว่า 50 ราย แต่ตอนนี้ที่มาชี้ตัวแล้ว 15 ราย ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพ และวันนี้คงนำตัวไปฝากขังก่อน ยังไม่ให้ประกัน หากใครที่ต้องการจะดูของ มีพวกพระ มีสร้อย โทรศัพท์มือถือ ทางฝ่ายสืบสวนได้นำกำลังไปยังร้านที่ผู้ต้องหานำของไปขาย ได้ของกลับมาหลายอย่าง อยากประชาสัมพันธ์ที่โดนหลอกพฤติกรรมแบบนี้ มาดูของและมาดูตัวของผู้ต้องหา เพราะมีหลายที่ที่รับแจ้ง แต่ที่ออกหมายจับมีแน่ๆเพียง 3 หมาย สำหรับเจ้าของร้านที่รับซื้อของเอาไว้ ต้องสอบสวนอีกทีว่าการรับรู้หรือไม่ หากมีก็ต้องดำเนินคดีในฐานรับซื้อของโจร แต่อาจจะต้องเป็นที่ของพลับพลาไชย 1 ต้องตรวจสอบพฤติกรรมอีกทีว่าหากสินค้าที่ซื้อไม่เป็นไปตามท้องตลาด ก็จะมีความผิด ฝากถึงคนที่รับซื้อของที่ไม่มีที่ไปมา อาจจะถูกดำเนินคดี ให้ระวังไว้ด้วย


















กำลังโหลดความคิดเห็น