เปิดใจพี่ชายเจ้าของที่หลังน้องชายขายที่ต่อให้จอนนี่ มือปราบทำรีสอร์ท ยืนยันเป็นที่ห่วงห้ามซื้อขาย รับได้เงิน 7 แสนบาท กับควายนิโกร 3 ตัว ทนายดังชี้จอร์นนี่เรียกเงินซื้อขายที่ดินคืนไม่ได้
จากกรณีพล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่นำหมายศาลเข้าจับกุม ด.ต.ยุทธพล ศรีสมพงษ์ หรือ “จอนนี่ มือปราบ” ภรรยา และเจ้าหน้าที่รัฐอีก 3 คน ในข้อหาปลอมแปลงเอกสารเพื่อครอบครองที่ดินในพื้นที่ป่าส่วนกลางของนิคมสร้างตนเองลำโดมน้อย เพื่อสร้างรีสอร์ตหรู ที่ ต.คำเขื่อนแก้ว อ.สิรินธร จ.อุบลราชธานี
ล่าสุดเมื่อวันที่ 14 สิงหาคม 2568 ผู้สื่อข่าวได้สอบถามนายสมบูรณ์ ( ขอสงวนนามสกุล ) อายุ 59 ปี ซึ่งเป็นพี่ชายของ นายเอ นามสมมุติ เจ้าของที่ ที่ทางจอนนี่ มือปราบซื้อไปทำรีสอร์ท
นายสมบูรณ์ กล่าวว่า ตนมีบ้านอยู่อำเภอพิบูลมังสาหาร จังหวัดอุบลราชธานี โดยกำเนิด ต่อมามีการแยกตัวมาเป็นอำเภอสิรินธร และมีที่นาอยู่ที่นี่ ที่จอนนี่ไปซื้อต่อมาแต่ไม่ทราบว่ามีซื้อไปกี่แปลง แต่ทราบว่าซื้อจากน้องชาย น้องสะใภ้ของตน 1 แปลง ตรงบ้านห้วยไฮ ได้เงินสดมา 700,000 บาท และควายนิโกร 3 ตัว ตอนซื้อบอกว่าจะซื้อไปทำรีสอร์ท แต่ก่อนหน้านี้มีคนนำที่ดินแปลงนี้มาขายตนแต่ตนไม่ซื้อ เพราะสอบถามทางนิคมฯแล้วทราบว่าเป็นที่หวงห้ามจัดสรรให้ผู้ใดได้ หากซื้อไปก็จะถูกดำเนินคดีแต่น้องชายตนซื้อมา จากนั้นจอนนี่บอกว่าที่ดินสวย ติดถนนและลำโดมเลยมาขอซื้อต่อไป
ในนามคนในพื้นที่ ตนเห็นรีสอร์ทแถวนั้นมีแค่ของจอนนี่เจ้าเดียว ที่ป่าก็คือที่ป่าเขากันไว้เป็นที่ชุมชน ไม่ใช่ว่าคนหนึ่งคนใดมีเงินก็จะไปเอาโดยไม่สนใจว่าเป็นที่ของอะไร ตนคิดว่ามันไม่ถูกต้อง กฎหมายคือกฎหมาย ไม่งั้นจะ ไม่เหลือพื้นที่สวยสวยหรือพื้นที่ป่าไว้ให้ลูกหลานของเรา นากจากนี้ ตอนที่ขายที่ดินไปทางน้องชายตนได้ควายนิโกรมา 3 ตัวเลี้ยงอยู่ที่พัทยาน้อย ตีราคามา 300,000 บาท แทนเงินซื้อที่ดิน ส่วนราคาที่ดินของน้องชายตนที่ขายไปให้จอนนี่ไป ราคา 1 ล้านบาท โดยตอนที่ซื้อมาราคาเพียง 30,000 บาท ไม่แน่ใจว่าขายไปตอนปลายปี 63 หรือต้นปี 64 ซึ่งที่ดินตรงนั้นที่ดินสวย แต่เป็นป่า ต้นไม้เยอะ ชาวบ้านน่าจะเอาไว้หาเห็ด เป็นที่ที่หวงไว้ ไม่ได้จัดสรร ซื้อมาก็มีปัญหา
ด้านทนายรณณรงค์ กล่าวว่า เรื่องของจอนนี่มือปราบ มี 2 มุม มุมแรกคือมุมที่คุณจอนนี่พูดมาว่าเลือกปฏิบัติหรือไม่ ทำไมถึงรื้อเฉพาะรีสอร์ท ของเขา ตนคิดว่าราชการก็เลือกปฏิบัติเช่นกัน เพราะมีหน่วยงานที่ต้องไปไล่รื้อพื้นที่ป่าทั้งประเทศเยอะมาก แต่ทำไมไม่เลือกรื้อของจอนนี่ ถามว่าผิดหรือไม่ ตรงนั้นหากยืนยันว่าเป็นพื้นที่ป่านิคมฯก็ไม่สามารถทำสิ่งปลูกสร้างได้ สุดท้ายทางรีสอร์ทต้องย้ายออก ถ้าถามว่าเลือกปฏิบัติหรือไม่ สำหรับตนมองว่าของจอนนี่ติดเทอร์โบไปหน่อยเท่านั้น
ที่ดินที่เป็นพื้นที่ตาม พ.ร.บ.นิคม พึ่งตนเอง ไม่สามารถซื้อ-ขายได้ คล้ายกับที่ดิน สปก.สามารถตกทอดรุ่นสู่รุ่นได้ แต่ไม่สามารถซื้อ-ขายได้ หรือถ้ามีการซื้อ-ขายก็ไม่สามารถฟ้องร้องเอาเงินคืนได้ ถือเป็นกรณีตัวอย่างว่าจะทำอะไร ไปพัฒนาที่ดินอสังหาริมทรัพย์ใดเราต้องมีโฉนด จะอาศัยเพียงแค่เอกสารรักษาสิทธิ์ไม่ได้ หากวันใดหน่วยงานรัฐต้องเอาคืน ก็ต้องคืน จะเป็นรูปแบบคดีอาญาหรือคืนแบบไม่ติดคุกก็เท่านั้นเอง ฝากถึงชาวบ้านอยากจะได้ที่ดินต้องตรวจสอบดูเอกสารสิทธิที่มีความถูกต้องเท่านั้น หากเพิกเฉยไม่ตรวจสอบเอกสาร วันใดหลวงต้องการนำคืน ก็ต้องคืนและจะไม่สามารถฟ้องร้องเอาคดีความได้กับทุกฝ่าย