xs
xsm
sm
md
lg

สตม.บุกทลายต่อเนื่องแก๊งเงินกู้เวียดนามตามโขกดอก-ประจานลูกหนี้จนหนีผูกคอตาย

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม



จากกรณีตำรวจสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ดำเนินการจับกุมแก๊งคอลเซ็นเตอร์และเพจเงินกู้เวียดนาม ที่ลักลอบเข้ามาเปิดที่ทำการในราชอาณาจักรไทย โดย ตม.ปทุมธานี และ กก.สส.บก.ตม.3 จับกุมได้ เมื่อวันที่ 20 มิ.ย.68 และ วันที่ 14 ก.ค.68 ตามที่เคยเสนอข่าวไปแล้วนั้น

ความคืบหน้าเมื่อวันที่ 1 ส.ค. แนวทางการสืบสวนพบว่า กลุ่มผู้ต้องหาชาวเวียดนามที่มีพฤติการณ์ปล่อยเงินกู้ผ่านแอพพลิเคชั่นเฟซบุ๊กให้กลุ่มลูกค้าชาวเวียดนามด้วยกัน ในลักษณะการปล่อยกู้จะใช้วิธีการจำนำไอคลาว (ICloud) ของลูกค้าเป็นหลักประกันในการกู้ยืมเงิน หากลูกค้าผิดนัดชำระหนี้ ก็จะถูกควบคุมโทรศัพท์มือถือไอโฟนผ่านไอคลาว (ICloud) ที่ลูกค้าจำนำไว้ โดยการใช้แอพพลิเคชั่นฟายมายโฟน (Find My Phone) เพื่อล็อคโทรศัพท์ไม่ให้ลูกค้าใช้งานได้ รวมถึงการรบกวนด้วยการส่งสัญญาณเสียงแจ้งว่าโทรศัพท์หาย ตลอดจนข่มขู่ว่าหากไม่ชำระเงินจะทำการลบข้อมูลทั้งหมด แล้วนำภาพข้อมูลส่วนตัวของเหยื่อไปเผยแพร่ในช่องทางโซเชียลต่างๆ เพื่อให้เกิดความเกรงกลัวและยอมชำระหนี้พร้อมดอกเบี้ยในอัตราที่สูงกว่ากฎหมายกำหนด

ซึ่งทาง บก.ตม.3 ได้รายงานให้ พล.ต.ท.ภาณุมาศ บุญญลักษม์ ผบช.สตม.รับทราบแล้ว และได้รับข้อสั่งการให้ทำการขยายผลอย่างต่อเนื่องกระทั่งวันนี้ พล.ต.ต.ปิติ นิธินนทเศรษฐ์ รอง ผบช.สตม. พร้อมด้วย พล.ต.ต.ชัยฤทธิ์ อนุฤทธิ์ ผบก.ตม.3 พ.ต.อ.คธาธร คำเที่ยง รอง ผบก.ตม.3 พ.ต.อ.เพลิน กลิ่นพยอม รอง ผบก.ตม.3 และ พ.ต.อ.จิรพงศ์ รุจิรดำรงค์ชัย ผกก.สส.บก.ตม.3 ได้ร่วมกันรวบรวมพยานหลักฐานเข้าตรวจค้นบ้านแห่งหนึ่งในหมู่บ้านย่าน ต.บึงยี่โถ อ.ธัญบุรี จว.ปทุมธานี ตามหมายค้นของ ศาลจังหวัดธัญบุรี ที่ ค.420 /2568 ลง 31 ก.ค.68 ผลการตรวจค้น พบคนต่างด้าวสัญชาติเวียดนาม จำนวน 5 คน ได้แก่ นาย Mr.Bui กับพวก อายุระหว่าง 20-40 ปี กำลังนั่งทำงานออนไลน์ภายในห้องพัก พบของกลาง เครื่องคอมพิวเตอร์และโน้ตบุ๊ก จำนวน 8 เครื่อง โทรศัพท์มือถือ จำนวน 25 เครื่อง และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์จำนวนมาก

โดยพฤติกรรมผู้ต้องหาใช้เพจเฟซบุ๊กในการชักชวนให้คนเวียดนามมากู้เงิน แล้วจึงใช้โปรแกรมเซลโล่ในการสื่อสาร จากการซักถามรับว่าทั้ง 5 คน ทำหน้าที่เป็นแอดมินในการปล่อยเงินกู้ให้กับชาวเวียดนามในประเทศเวียดนาม โดยโฆษณาชักชวนให้กู้เงินทางเฟซบุ๊ก และควบคุมโทรศัพท์ของลูกค้า ผ่านไอคลาวด์ โดยใช้บัญชีที่ผู้ให้กู้สร้างขึ้นเอง กรณีลูกหนี้ผิดนัดชำระ ไม่ยอมคืนเงินตามที่กำหนด จะล็อกระบบไอคลาวด์เครื่องไอโฟนของลูกค้า ทำให้ไม่สามารถใช้งานโทรศัพท์ได้ ตลอดจนส่งภาพในคลังข้อมูลไปยังโซเชียลเพื่อทำให้เหยื่อเกรงกลัวและยอมชำระหนี้ในอัตราอย่างสูง

ในชั้นนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้แจ้งข้อกล่าวหากับผู้ต้องหาทั้ง 5 ราย ว่า เป็นสมาชิกของคณะบุคคลซึ่งปกปิดวิธีดำเนินการและมีความมุ่งหมายเพื่อการอันมิชอบด้วยกฎหมาย (เป็นอั้งยี่) และเป็นบุคคลต่างด้าวทำงานโดยไม่ได้รับอนุญาตหรือทำงานนอกเหนือสิทธิที่จะทำได้ นำตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.คลองหลวง เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย

ซึ่งกรณีดังกล่าวนี้ทางการเวียดนามได้ทลายเครือข่ายปล่อยเงินกู้นอกระบบข้ามชาติ โดยใช้วิธีการให้กู้ยืมเงินโดยการบังคับบัญชี iCloud บนโทรศัพท์มือถือ คิดอัตราดอกเบี้ยสูงสุด ประมาณ 349.8% ต่อปี ซึ่งเกินกว่าอัตรากฎหมายกำหนด (ทั้งกฎหมายไทยและกฎหมายเวียดนาม) จากการตรวจสอบทราบว่ามีผู้ร่วมขบวนการจำนวนมาก แม้ทาง บก.ตม.3 จะได้จับกุมไปแล้วจำนวน 2 เคส มีผู้ต้องหารวม 14 คนแต่จากการประสานข้อมูลกับทางการเวียดนาม ทราบว่ายังมีกลุ่มดังกล่าวหลงเหลืออยู่ ซึ่งกรณีนี้เป็นความผิดเกี่ยวกับการปล่อยเงินกู้ในประเทศเวียดนามมีอัตราโทษจำคุกอย่างสูง 5 ปี ปรับกว่า 200,000 บาท กลุ่มผู้ต้องหาจึงได้หลบหนีมาอยู่ในประเทศไทย

อย่างไรก็ตามจากการประสานข้อมูลกับทางการเวียดนามพบว่า ที่ผ่านมามีเหยื่อหญิงสาว ซึ่งหลวมตัวตกเป็นลูกค้าเงินกู้ของทางขบวนการดังกล่าว เกิดชำระหนี้ทั้งดอกเบี้ยและเงินต้นไม่ไหว จนถูกยึดบัญชี iCloud บนโทรศัพท์มือถือนำภาพและข้อมูลส่วนตัวมาประจานบนโลกโซเชียล เป็นเหตุให้เหยื่ออับอายต้องตัดสินใจก่อเหตุผูกคอตายเพื่อหนีหนี้จนเป็นข่าวโด่งดังที่ประเทศเวียดนาม.

ความคืบหน้าเมื่อวันที่ 1 ส.ค. แนวทางการสืบสวนพบว่า กลุ่มผู้ต้องหาชาวเวียดนามที่มีพฤติการณ์ปล่อยเงินกู้ผ่านแอพพลิเคชั่นเฟซบุ๊กให้กลุ่มลูกค้าชาวเวียดนามด้วยกัน ในลักษณะการปล่อยกู้จะใช้วิธีการจำนำไอคลาว (ICloud) ของลูกค้าเป็นหลักประกันในการกู้ยืมเงิน หากลูกค้าผิดนัดชำระหนี้ ก็จะถูกควบคุมโทรศัพท์มือถือไอโฟนผ่านไอคลาว (ICloud) ที่ลูกค้าจำนำไว้ โดยการใช้แอพพลิเคชั่นฟายมายโฟน (Find My Phone) เพื่อล็อคโทรศัพท์ไม่ให้ลูกค้าใช้งานได้ รวมถึงการรบกวนด้วยการส่งสัญญาณเสียงแจ้งว่าโทรศัพท์หาย ตลอดจนข่มขู่ว่าหากไม่ชำระเงินจะทำการลบข้อมูลทั้งหมด แล้วนำภาพข้อมูลส่วนตัวของเหยื่อไปเผยแพร่ในช่องทางโซเชียลต่างๆ เพื่อให้เกิดความเกรงกลัวและยอมชำระหนี้พร้อมดอกเบี้ยในอัตราที่สูงกว่ากฎหมายกำหนด

ซึ่งทาง บก.ตม.3 ได้รายงานให้ พล.ต.ท.ภาณุมาศ บุญญลักษม์ ผบช.สตม.รับทราบแล้ว และได้รับข้อสั่งการให้ทำการขยายผลอย่างต่อเนื่องกระทั่งวันนี้ พล.ต.ต.ปิติ นิธินนทเศรษฐ์ รอง ผบช.สตม. พร้อมด้วย พล.ต.ต.ชัยฤทธิ์ อนุฤทธิ์ ผบก.ตม.3 พ.ต.อ.คธาธร คำเที่ยง รอง ผบก.ตม.3 พ.ต.อ.เพลิน กลิ่นพยอม รอง ผบก.ตม.3 และ พ.ต.อ.จิรพงศ์ รุจิรดำรงค์ชัย ผกก.สส.บก.ตม.3 ได้ร่วมกันรวบรวมพยานหลักฐานเข้าตรวจค้นบ้านแห่งหนึ่งในหมู่บ้านย่าน ต.บึงยี่โถ อ.ธัญบุรี จว.ปทุมธานี ตามหมายค้นของ ศาลจังหวัดธัญบุรี ที่ ค.420 /2568 ลง 31 ก.ค.68 ผลการตรวจค้น พบคนต่างด้าวสัญชาติเวียดนาม จำนวน 5 คน ได้แก่ นาย Mr.Bui กับพวก อายุระหว่าง 20-40 ปี กำลังนั่งทำงานออนไลน์ภายในห้องพัก พบของกลาง เครื่องคอมพิวเตอร์และโน้ตบุ๊ก จำนวน 8 เครื่อง โทรศัพท์มือถือ จำนวน 25 เครื่อง และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์จำนวนมาก

โดยพฤติกรรมผู้ต้องหาใช้เพจเฟซบุ๊กในการชักชวนให้คนเวียดนามมากู้เงิน แล้วจึงใช้โปรแกรมเซลโล่ในการสื่อสาร จากการซักถามรับว่าทั้ง 5 คน ทำหน้าที่เป็นแอดมินในการปล่อยเงินกู้ให้กับชาวเวียดนามในประเทศเวียดนาม โดยโฆษณาชักชวนให้กู้เงินทางเฟซบุ๊ก และควบคุมโทรศัพท์ของลูกค้า ผ่านไอคลาวด์ โดยใช้บัญชีที่ผู้ให้กู้สร้างขึ้นเอง กรณีลูกหนี้ผิดนัดชำระ ไม่ยอมคืนเงินตามที่กำหนด จะล็อกระบบไอคลาวด์เครื่องไอโฟนของลูกค้า ทำให้ไม่สามารถใช้งานโทรศัพท์ได้ ตลอดจนส่งภาพในคลังข้อมูลไปยังโซเชียลเพื่อทำให้เหยื่อเกรงกลัวและยอมชำระหนี้ในอัตราอย่างสูง

ในชั้นนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้แจ้งข้อกล่าวหากับผู้ต้องหาทั้ง 5 ราย ว่า เป็นสมาชิกของคณะบุคคลซึ่งปกปิดวิธีดำเนินการและมีความมุ่งหมายเพื่อการอันมิชอบด้วยกฎหมาย (เป็นอั้งยี่) และเป็นบุคคลต่างด้าวทำงานโดยไม่ได้รับอนุญาตหรือทำงานนอกเหนือสิทธิที่จะทำได้ นำตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.คลองหลวง เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย

ซึ่งกรณีดังกล่าวนี้ทางการเวียดนามได้ทลายเครือข่ายปล่อยเงินกู้นอกระบบข้ามชาติ โดยใช้วิธีการให้กู้ยืมเงินโดยการบังคับบัญชี iCloud บนโทรศัพท์มือถือ คิดอัตราดอกเบี้ยสูงสุด ประมาณ 349.8% ต่อปี ซึ่งเกินกว่าอัตรากฎหมายกำหนด (ทั้งกฎหมายไทยและกฎหมายเวียดนาม) จากการตรวจสอบทราบว่ามีผู้ร่วมขบวนการจำนวนมาก แม้ทาง บก.ตม.3 จะได้จับกุมไปแล้วจำนวน 2 เคส มีผู้ต้องหารวม 14 คนแต่จากการประสานข้อมูลกับทางการเวียดนาม ทราบว่ายังมีกลุ่มดังกล่าวหลงเหลืออยู่ ซึ่งกรณีนี้เป็นความผิดเกี่ยวกับการปล่อยเงินกู้ในประเทศเวียดนามมีอัตราโทษจำคุกอย่างสูง 5 ปี ปรับกว่า 200,000 บาท กลุ่มผู้ต้องหาจึงได้หลบหนีมาอยู่ในประเทศไทย

อย่างไรก็ตามจากการประสานข้อมูลกับทางการเวียดนามพบว่า ที่ผ่านมามีเหยื่อหญิงสาว ซึ่งหลวมตัวตกเป็นลูกค้าเงินกู้ของทางขบวนการดังกล่าว เกิดชำระหนี้ทั้งดอกเบี้ยและเงินต้นไม่ไหว จนถูกยึดบัญชี iCloud บนโทรศัพท์มือถือนำภาพและข้อมูลส่วนตัวมาประจานบนโลกโซเชียล เป็นเหตุให้เหยื่ออับอายต้องตัดสินใจก่อเหตุผูกคอตายเพื่อหนีหนี้จนเป็นข่าวโด่งดังที่ประเทศเวียดนาม.














กำลังโหลดความคิดเห็น