xs
xsm
sm
md
lg

รวบหนุ่มแทนซาเนียอ้างเป็นผู้มีอิทธิพลโชว์โปรไฟล์รูปคู่ผู้นำ ตปท.ลอบเปิดโรงงานซุกต่างด้าวผิด กม.

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม



ตำรวจสืบ ตม.1 บุกรวบหนุ่มแทนซาเนีย อ้างเป็นผู้มีอิทธิพล โชว์โปรไฟล์รูปคู่ผู้นำต่างประเทศ ลอบเปิดโรงงานซุกต่างด้าวทำงานผิดกฎหมาย

วันนี้ (11 ก.ย.) เมื่อเวลา 20.00 น. พล.ต.ต.ประสาธน์ เขมะประสิทธิ์ ผบก.ตม.1 พ.ต.อ.กาจภณ ปฐมัง ผกก.สืบสวน พ.ต.ท.สุริยะ พ่วงสมบัติ รอง ผกก.สืบสวน บก.ตม.1 สั่งการให้ พ.ต.ต.ปิยะณัฐ รัตนเพียร พ.ต.ต.ภัทรโชติ ฉัตรทวีศักดิ์ สว.กก.สืบสวน บก.ตม.1 พร้อมชุดปฏิบัติการธนบุรี ร่วมกันจับกุมตัว นายโมฮัมเหม็ด สุไลมาน คิโลดา (Mr.Kiloda Suleiman Mohamed) อายุ 41 ปี สัญชาติแทนซาเนีย ในข้อหา “เป็นนายจ้างรับคนต่างด้าวทำงานนอกเหนือที่มีสิทธิที่จะทำได้ (ขายของหน้าร้าน)” และ นายอมาร์ อัล มูดีฮ์ โมฮัมเหม็ด (Mr.Mohamed Muhdi Al Amar) อายุ 39 ปี สัญชาติซีเรีย ในข้อหา “เป็นคนต่างด้าวทำงานนอกเหนือที่มีสิทธิที่จะทำได้ (ขายของหน้าร้าน)” โดยจับกุมได้ที่ร้านขายเสื้อผ้า ชั้นใต้ดินห้องเลขที่ 222/238 ซึ่งเป็นของนายโมฮัมเหม็ด ภายในอาคารใบหยก สกายทาวเวอร์ ถ.ราชปรารภ แขวงถนนพญาไท เขตราชเทวี กรุงเทพมหานคร นอกจากนี้ มีข้อมูลว่า นายโมฮัมเหม็ด ยังมีพฤติการแอบอ้างโดยการขอถ่ายภาพกับผู้นำในต่างประเทศ หรือคณะวีไอพีที่เดินทางมาประเทศไทย เพื่อใช้แอบอ้างว่าเป็นผู้มีอิทธิพล


โดยรายงานข่าวแจ้งว่า นายโมฮัมเหม็ด มีการเข้าไปขอพบรัฐมนตรีประเทศแทนซาเนีย ซึ่งเป็นคณะวีไอพี เพื่อขอถ่ายรูปที่บริเวณภายในล็อบบี้โรงแรมย่านสุขุมวิท แต่ถูกการ์ดกันไว้ และนายโมฮัมเหม็ด ได้หลบหนีไป ทั้งนี้ จากการตรวจสอบนายโมฮัมเหม็ด เป็นบุคคลอันตราย มีประวัติการใช้กำลังทำร้ายร่างกายผู้อื่น มีการนำผู้หญิงแทนซาเนียมาขายบริการทางเพศ และส่งเงินกลับประเทศ โดยมีการหักค่าหัวคิว ส่วนตัว นายโมฮัมเหม็ด มีลูก และเมียหลายคน พูดภาษาไทยได้ชัดเจนด้วย

จากการสืบสวนทราบว่า นายโมฮัมเหม็ด มีการเปิดร้านขายเสื้อผ้าย่านประตูน้ำ และมีโรงงานอยู่ย่านบางบอน เจ้าหน้าที่จึงนำกำลังไปตรวจสอบยังร้านขายเสื้อผ้า จนพบตัวนายโมฮัมเหม็ด และนายอมาร์ ลูกจ้าง จึงทำการขอตรวจสอบเอกสารประจำตัว พบว่า มีการขออยู่ต่อประเภทธุรกิจ Non-B ที่บริษัท เทอร์โบ เจอเนอรัล เทรดดิ้ง จำกัด ทำหน้าที่ผู้จัดการตลาด จึงนำตัวผู้ต้องหาทั้ง 2 ราย ส่งพนักงานสอบสวน สน.พญาไท เพื่อดำเนินคดีข้อหาที่เกี่ยวข้อง


ต่อมาเจ้าหน้าที่ กก.สืบสวน บก.ตม.1 ได้สืบสวนขยายผล จนทราบว่า มีการลักลอบนำบุคคลต่างด้าวหลบหนีเข้าเมือง และเข้ามาทำงานบริเวณอาคารพาณิชย์ ซึ่งประกอบกิจการเกี่ยวกับการสกรีนเสื้อผ้า ชื่อ บริษัท เอสเค เอ็กซ์พอร์ต จำกัด เลขที่ 16/121 ซ.พระยามนธาตุ แยก 17 แขวงคลองบางบอน เขตบางบอน กทม. ซึ่งมี นายโมฮัมเหม็ด เป็นกรรมการผู้จัดการบริษัท โดยขณะเข้าตรวจสอบ พบคนต่างด้าวสัญชาติเมียนมา 9 ราย ที่กำลังทำงานอยู่ เมื่อขอตรวจสอบหนังสือเดินทาง ผู้ต้องหารายที่ 1 ครบกำหนดเดินทางกลับวันที่ 13 ก.พ. 2566 ซึ่งอยู่เกินมาเเล้ว 577 วัน ส่วนรายที่ 2 ครบกำหนดวันที่ 29 เม.ย. 67 อยู่เกิน 135 วัน และยังตรวจพบผู้ต้องหาสัญชาติเมียนมา อีก 7 คน ลักลอบเข้าเมืองมาโดยผิดกฎหมาย ซึ่งทั้งหมดไม่มีใบอนุญาตการขอทำงานแต่อย่างใด โดยได้รับค่าจ้างเป็นเงินสดสัปดาห์ละ 2,100 บาท ซึ่งอาศัยอยู่อาคารนี้มาเป็นเวลาประมาณ 4 เดือน

เบื้องต้นเจ้าหน้าที่จึงดำเนินคดีต่างในข้อหาตาม พ.ร.บ.คนเข้าเมือง พ.ศ. 2522 “เป็นคนต่างด้าวอยู่ในราชอาณาจักรโดยการอนุญาตสิ้นสุด” และ “เป็นคนต่างด้าวทำงานโดยไม่มีใบอนุญาตทำงาน” ตาม ม.8 ซึ่งมีบทกำหนดโทษ ตาม ม.101 ตาม พระราชกำหนดการบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ. 2560 แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชกำหนดการบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าว (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2561 จำนวน 2 ราย และแจ้งข้อหา “เป็นคนต่างด้าวเดินทางเข้ามาเเละอยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต"และทำงานโดยไม่มีใบอนุญาต” จำนวน 7 ราย และแจ้งข้อหาเพิ่มเติมนายโมฮัมเหม็ด ในฐานะกรรมการบริษัท ในข้อหา “รับคนต่างด้าวเข้าทำงาน โดยที่คนต่างด้าวไม่มีใบอนุญาตทำงาน” ตามมาตรา 9 มีโทษตามมาตรา 102 แห่งพระราชกำหนด การบริหารการจัดการการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ. 2560 แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2561 จนกว่าคดีจะถึงที่สุด จึงนำตัวผู้ต้องหาส่งพนักงานสอบสวน สน.ท่าข้าม เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
กำลังโหลดความคิดเห็น