ตำรวจ ปอศ.รับตัว “ราเกซ” พ่อมดการเงิน ส่ง ตม. ผลักดันกลับประเทศ หลังได้รับพระราชทานอภัยโทษ
วันนี้ (10 ก.ย. ) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 9 ก.ย. ที่ผ่านมา พล.ต.ต.พุฒิเดช บุญกระพือ ผบก.ปอศ. สั่งการ พ.ต.อ.เมฆพิศาล ศรีภิรมย์ ผกก.5 บก.ปอศ., พ.ต.ต.พิชญากร แตงรอด สว.กก.5 บก.ปอศ. นำกำลังรับตัว นายราเกซ สักเสนา อายุ 72 ปี สัญชาติอินเดีย ผู้ต้องขังคดีอาญาหมายเลขแดงที่ อ 4138/2559 ความผิดฐานพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ และยักยอกทรัพย์ จากทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ แขวงคันนายาว เขตจตุจักร กรุงเทพฯ
สืบเนื่องจากเมื่อช่วงปี 2537-2539 ขณะ นายราเกซ ยังดำรงตำแหน่งเป็นที่ปรึกษากรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพฯพาณิชย์การ (บีบีซี) ได้ทุจริตปล่อยวงเงินสินเชื่อเกินบัญชีกว่า 30 ล้านบาท ให้กับเอกชน รวม 10 แห่ง โดยไม่ผ่านการพิจารณากลั่นกรองจากคณะกรรมการสินเชื่อ หรือคณะกรรมการบริหารธนาคารบีบีซีก่อน และได้ปล่อยสินเชื่อให้กับผู้ขอกู้ โดยไม่มีหลักประกัน ไม่มีการวิเคราะห์ฐานะของลูกหนี้ และความสามารถในการจ่ายหนี้คืน ซึ่งถือเป็นการฝ่าฝืนคำสั่งธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เป็นเหตุให้ธนาคารบีบีซี ได้รับความเสียหาย ก่อนมีการส่งตัวแทนเข้าแจ้งความกับทางตำรวจ บก.ปอศ. เพื่อดำเนินคดีกับนายราเกซ จนนำไปสู่การออกหมายจับ
แต่ระหว่างนั้น นายราเกซ รู้ตัวว่าจะถูกดำเนินคดี จึงชิงหลบหนีออกนอกประเทศเป็นเวลากว่า 13 ปี ก่อนถูกจับกุมตัวได้ที่ประเทศแคนาดา พร้อมถูกส่งตัวเป็นผู้ร้ายข้ามแดนกลับไทย ต่อมาศาลอาญากรุงเทพใต้ ได้พิพากษาเมื่อปี 2555 จำคุก นายราเกซ เป็นเวลา 10 ปี แต่เจ้าตัวยังคงปฏิเสธต่อสู้คดีเรื่อยมา กระทั่งคดีถึงที่สุด ศาลฎีกาพิพากษาจำคุก 335 ปี แต่เมื่อรวมโทษทุกกระทงแล้ว คงจำคุก 20 ปี และสั่งคืนเงินผู้เสียหายกว่า 2,000 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม ต่อมาตำรวจ กก.5 บก.ปอศ. ได้รับแจ้งจากทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ ว่า นายราเกซ ได้รับพระราชทานอภัยโทษ จะได้รับการปล่อยตัวในวันที่ 9 ก.ย. 67 จึงได้ดำเนินการตามขั้นตอน รับตัวนายราเกซ ที่ทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ เพื่อส่งตัวต่อให้กับ กก.3 บก.สส.สตม. เพื่อดำเนินการผลักดันออกนอกประเทศตาม พ.ร.บ.คนเข้าเมือง
แต่เนื่องจาก นายราเกซ มีโรคประจำตัว เป็นโรคหัวใจเต้นผิดจังหวะ และกล้ามเนื้ออ่อนแรง ไม่สามารถเดินได้ รวมถึงมีอายุมาก ต้องอยู่ในความดูแลของแพทย์ จึงประสานขอรถที่มีเครื่องมือทางการแพทย์ในการเคลื่อนย้ายตัวนายราเกซ โดยได้นำตัวส่งโรงพยาบาลตำรวจเพื่อตรวจร่างกาย ว่า มีความพร้อมในการเดินทางหรือไม่ ก่อนที่แพทย์จะมีความเห็นว่า สามารถเดินทางได้ และไม่ต้องนอนรักษาตัวที่โรงพยาบาล จึงได้ส่งตัวให้ กก.3 บก.สส.สตม. ดำเนินการผลักดันออกนอกประเทศตามกฎหมายต่อไป
