xs
xsm
sm
md
lg

รวบสาวบัญชีมม้า แก๊งคอลฯ ตุ๋นเหยื่อโอนเงิน สูญเกือบ 2 แสน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม



ตำรวจไซเบอร์จับกุมสาวรับจ้างเปิดบัญชีม้า ให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์ หลอกลวงเหยื่อหลงเชื่อโอนเงินเกือบ 2 แสนบาท

วันนี้ (4 ก.ย.) พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท. สั่งการให้ พล.ต.ต.ภูมิพัฒน์ ภัทรศรีวงษ์ชัย ผบก.สอท.5 พ.ต.อ.บัญชา ศรีสุข รอง ผบก.สอท.5 จับกุมตัว น.ส.ศิริวรรณา อายุ 25 ปี ผู้ต้องหาได้ที่บริเวณสถานีรถไฟอยุธยา จ.พระนครศรีอยุธยา

โดยคดีนี้สืบเนื่องจากมีผู้เสียหายเข้าแจ้งความต่อพนักงานสอบสวนว่า เมื่อช่วงเช้าวันที่ 9 พ.ย.65 ขณะที่กำลังพักอยู่ที่บ้าน ได้มีมิจฉาชีพเป็นผู้หญิงโทรเข้ามาอ้างว่า เป็นเจ้าหน้าที่ของบริษัทบัตรเครดิตแห่งหนึ่ง แจ้งว่า ผู้เสียหายได้เปิดบัตรเครดิตที่ธนาคารแห่งหนึ่ง สาขาโคราช และใช้บัตรดังกล่าวไปรูดเงินซื้อทองคำ ในราคา 98,653 บาท เมื่อวันที่ 5 ก.ค.65 ผู้เสียหายจึงปฏิเสธไม่ใช่เจ้าของบัตร หญิงคนดังกล่าวจึงแนะนำให้แจ้งความกับตำรวจ สภ.โคราช

จากนั้นมิจฉาชีพจึงโอนสายไปให้ชายปริศนาที่อ้างตัวเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ และได้ให้ผู้เสียหายแอดไลน์ชื่อ “สภ.เมืองนครราชสีมา” และได้ส่งรูปบัตรตำรวจให้ผู้เสียหายดู จากนั้นได้ขอข้อมูลส่วนตัวผู้เสียหายเพื่อไปตรวจสอบ โดยขณะคุยสายนั้น มีการสร้างสถานการณ์โดยมิจฉาชีพให้บุคคลที่ 3 แสร้งทำเป็นพูดวิทยุเข้ามา และเอ่ยชื่อผู้เสียหาย พร้อมพูดว่า พบการพัวพันกับคดีฟอกเงินโดยมีความเกี่ยวพันกันหลายคน

ต่อมามิจฉาชีพจึงขอข้อมูลว่า ผู้เสียหายมีบัญชีธนาคารของแต่ละธนาคารกี่บัญชี และใช้งานแอป Mobile Banking ของธนาคารใดบ้าง และมีเงินในบัญชีเท่าไหร่ ผู้เสียหายหลงเชื่อจึงให้ข้อมูลไป ต่อมามิจฉาชีพจึงส่งเอกสารที่อ้างว่ามาจาก ป.ป.ง. เพื่อขอตรวจสอบเส้นทางการเงิน และแจ้งให้ผู้เสียหายโอนเงินไปตรวจสอบ ผู้เสียหายจึงหลงเชื่อโอนเงินไปหมดทุกบัญชี รวมทั้งสิ้นจำนวน 197,599 บาท เมื่อรู้ตัวว่าโดนหลอกลวงจึงได้เข้าแจ้งความ

กระทั่งชุดสืบสวนออกติดตามจนสามารถจับกุมตัว 1 ในผู้ต้องหาของขบวนการดังกล่าว คือ น.ส.ศิริวรรณ โดยเบื้องต้น น.ส.ศิริวรรณให้การว่า เป็นเจ้าของบัญชีที่ใช้หลอกให้โอนเงินจริง โดยได้รู้จักกับคนที่ว่าจ้างเปิดบัญชีผ่านทางเฟซบุ๊ก ได้ค่าตอบแทนจำนวนบัญชี 1,000 บาทต่อบัญชี

นอกจากนี้จากข้อมูลการสืบสวน เจ้าหน้าที่ตำรวจยังพบอีกว่า น.ส.ศิริวรรณ ยังถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจขอศาลออกหมายจับอีกจำนวน 2 หมาย ในความผิดลักษณะเดียวกันซึ่งเกี่ยวข้องกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ได้แก่ หมายจับศาลอาญาตลิ่งชัน ที่ 521/ 2566 ลงวันที่ 25 กันยายน 2566 ในความผิดฐาน “เป็นผู้สนับสนุนในความผิดฐาน ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน โดยการแสดงตนเป็นบุคคลอื่น และโดยทุจริตหรือหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน” เบื้องต้น มีมูลค่าความเสียหายทั้งหมด 178,996.00 บาท และหมายจับศาลจังหวัดแม่ฮ่องสอน ที่ 24/2566 ลงวันที่ 1 พฤษภาคม 2566 ในความผิดฐาน “ร่วมกันฉ้อโกงโดยแสดงตนเป็นผู้อื่น ร่วมกันโดยทุจริต โดยหลอกลวงนำเข้าข้อมูลสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดนประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน”

เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ ตำรวจจึงแจ้งข้อหา “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชนโดยแสดงตนเป็นคนอื่นโดยทุจริต เพื่อหลอกลวงผู้อื่นด้วยการแสดงข้อความอันเป็นเท็จ หรือปกปิดข้อความจริงซึ่งควรบอกให้แจ้งเพื่อให้ไปซึ่งทรัพย์สินจากผู้ถูกหลอกลวงและนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนหรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน” จากนั้นควบคุมตัวส่งพนักงานสอบสวนบก.สอท.5 เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป




กำลังโหลดความคิดเห็น