ใกล้แล้ว! ก.พ.ค.ตร.อัปเดตความคืบหน้า พิจารณาคำขออุทธรณ์ “บิ๊กโจ๊ก” ยันเสร็จตามกรอบเวลา

อัปเดตความคืบหน้า ก.พ.ค.ตร. พิจารณาคำขออุทธรณ์ “บิ๊กโจ๊ก” ล่าสุด ส่งคำแก้อุทธรณ์ของ “บิ๊กต่าย” ให้เจ้าตัวพิจารณาทำความเห็นแย้งแล้ว หากไม่แย้งก็จะกำหนดวันสิ้นสุดการแสวงหาข้อเท็จจริง และขอกำหนดวันวินิจฉัย ยันให้ความเป็นธรรมทุกฝ่าย ไม่ล่าช้า เสร็จภายในกรอบเวลา

วันนี้ (19 มิ.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบการพิจารณาคำขออุทธรณ์ของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) กรณีถูกคำสั่งออกจากราชการไว้ก่อน ซึ่ง พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ได้ยื่นอุทธรณ์ต่อคณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรมข้าราชการตำรวจ (ก.พ.ค.ตร.) เมื่อวันที่ 25 เมษายน ที่ผ่านมา

แหล่งข่าวจาก ก.พ.ค.ตร. ให้ข้อมูลว่า ตามขั้นตอนหลังจากที่กรรมการเจ้าของสำนวนมีคำสั่งรับไว้พิจารณาแล้ว และได้สั่งให้คู่กรณี ซึ่งในที่นี้คือ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รรท.ผบ.ตร. ทำคำแก้อุทธรณ์ให้แล้วเสร็จภายใน 30 วัน ซึ่งขณะนี้ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ ได้ส่งคำแก้อุทธรณ์ให้คณะกรรมการเจ้าของสำนวนแล้ว ซึ่งทางคณะกรรมการได้รับคำแก้อุทธรณ์ดังกล่าว พร้อมด้วย พยานหลักฐานมาพิจารณาก่อนส่งให้กับ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ พิจารณาคำแก้อุทธรณ์และมีสิทธิแย้งคำแก้อุทธรณ์ของคู่กรณีได้ ซึ่งหากไม่มีคำแย้งและพยานหลักฐานเอกสารครบถ้วนทั้งสองฝ่าย กรรมการเจ้าของสำนวนจะกำหนดวันสิ้นสุดการแสวงหาข้อเท็จจริง และกำหนดวันพิจารณาวินิจฉัยจากประธาน ก.พ.ค.ตร. มีทั้งรูปแบบการแถลง แจกเอกสาร และการแจ้งด้วยวาจา

“เอกสารหลักฐานทั้งหมดในสำนวนคู่กรณีทั้งสองฝ่ายจะต้องได้รับทราบเท่าเทียมกัน เพื่อความเป็นธรรมในการพิจารณา หากสุดท้ายผลคำวินิจฉัยคำร้องอุทธรณ์ออกมาและคู่กรณีไม่สามารถรับได้ ก็มีโอกาสไปให้ยื่นเรื่องต่อให้ศาลปกครองสูงสุดพิจารณา ส่วนกรอบเวลาในการพิจารณาของ ก.พ.ค.ตร.ถูกกำหนดไว้ที่ 120 วัน นับตั้งแต่วันที่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ยื่นอุทธรณ์ซึ่งก็คือวันที่ 25 เม.ย. 2566 ฉะนั้นจนถึงวันนี้ 19 มิ.ย. 2566 เป็นระยะเวลา 56 วัน หากมีการขยายเวลาสามารถทำได้ 2 รอบ รอบละ 60 วันเท่านั้น” แหล่งข่าวระบุ และว่า ทางกรรมการจะเร่งพิจารณาให้แล้วเสร็จภายในกรอบเวลา แต่หากจะมีความล่าช้าออกไป ก็ขึ้นอยู่กับคู่กรณี

เมื่อถามว่า กรณี พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ได้ยื่นขอให้เปลี่ยนตัวกรรมการ ก.พ.ค.ตร. เนื่องจากบางท่านเคยมีข้อขัดแย้งกัน ทางคณะได้เปลี่ยนบุคคลใดบ้าง แหล่งข่าวระบุว่า ในสำนวนของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ มีกรรมการเพียง 1 คน ที่ขอถอนตัวออกไป ซึ่งเป็นการถอนตัวตั้งแต่แรกที่ทราบว่า พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ยื่นเรื่องมาที่ ก.พ.ค.ตร. นอกจากนั้น กรรมการยังคงเดิม