กองปราบบุกทลายรังแก๊งเงินกู้“เรือทอง” ย่านบางเขน เรียกดอกเบี้ยโหด บุกข่มขู่แม่ค้าถึงในร้านรวบหัวหน้าแก๊ง พร้อมสมุนรวม 8 ราย พร้อมยึดปืน-ใบปลิว พบเงินหมุนเวียนกว่า 20 ล้านบาทต่อปี
วันนี้ (9 มิ.ย.) ที่ กองปราบปราม พล.ต.ต.มนตรี เทศขัน ผบก.ป. สั่งการ พ.ต.อ.มนูญ แก้วก่ำ ผกก.1 บก.ป. พ.ต.ท.นพพล ปุยะติ สว.กก.1 บก.ป. นำกำลังพร้อมหมายค้นศาลอาญา เข้าตรวจค้นบ้านพักหลังหนึ่งภายในซอยพหลโยธิน 59 แขวงอนุสาวรีย์ เขตบางเขน กทม. เพื่อสืบหาพยานหลักฐานเกี่ยวกับขบวนการปล่อยเงินกู้นอกระบบชื่อ “เรือทอง” พร้อมเชิญตัว นายมนตรี (สงวนนามสกุล) อายุ 43 ปี และพวกรวม 8 คน มารับทราบข้อกล่าวหาในความผิดฐาน “ให้บุคคลอื่นกู้ยืมเงินโดยเรียกดอกเบี้ยเกินอัตราที่กฎหมายกำหนด, ร่วมกันประกอบธุรกิจให้สินเชื่อส่วนบุคคลโดยไม่ได้รับอนุญาต”
ทั้งนี้ ตำรวจกองปราบปรามได้รับเรื่องขอความช่วยเหลือจากผู้เสียหายเป็นหญิงรายหนึ่ง ว่า ก่อนหน้านี้ ได้ไปกู้ยืมเงินจากแก๊งเงินกู้ดังกล่าวมาลงทุนค้าขาย โดยจ่ายดอกเบี้ยคิดเป็นเงินร้อยละ 2 ต่อวัน อีกทั้งหากต้องการกู้เงิน 10,000 บาท วันที่รับเงินจะมีการหักค่าดำเนินการทันที 1,200 บาท ต่อมาไม่สามารถหาเงินมาจ่ายดอกได้ทัน แก๊งเงินกู้ดังกล่าวก็ได้ตามทวงเงินข่มขู่ ด่าทอ รวมถึงขู่ว่าจะยกพวกบุกมาทำร้ายถึงร้านค้า จึงเกรงจะไม่ได้รับความปลอดภัยในชีวิต
หลังรับเรื่องเจ้าหน้าที่จึงจัดกำลังลงพื้นที่สืบหาเบาะแส จนทราบว่า แก๊งเงินกู้ดังกล่าวมีการเปิดใช้บ้านพักหลังหนึ่งภายในซอยพหลโยธิน 59 เป็นที่ตั้งสำนักงาน หรือ เซฟเฮาส์ จึงรวบรวมพยานหลักฐานขออำนาจศาลออกหมายค้น ก่อนนำกำลังเข้าตรวจค้นบ้านพักหลังดังกล่าว เมื่อไปถึงพบ นายมนตรี แสดงตนเป็นผู้ดูแลบ้าน ส่วนภายในบ้านพบกลุ่มพนักงานทวงหนี้ที่เหลืออีก 7 คน กำลังนอนหลับพักผ่อน จึงเชิญตัวทั้งหมดมาทำการสอบปากคำ
ขณะเดียวกัน จากการตรวจสอบภายในบ้าน เจ้าหน้าที่ยังพบอาวุธปืน พร้อมเครื่องกระสุน รวมถึงบัตรประจำตัวประชาชนของลูกหนี้ สมุดจดรายการลูกหนี้ที่กู้ยืม รถยนต์ และรถจักรยานยนต์ ที่ใช้วิ่งเก็บดอกเบี้ยรายวัน รวมถึงนามบัตรที่ไว้แจกตามสถานที่ต่างๆ จำนวนมาก นอกจากนี้ จากการตรวจสอบเส้นทางการเงิน พบมีเงินหมุนเวียนในบัญชีกว่า 20 ล้านบาทต่อปี จึงตรวจยึดทั้งหมดไว้เป็นหลักฐาน
ทั้งนี้ จากการสอบปากคำ นายมนตรี ยอมรับว่า มีการเงินกู้นอกระบบจริง แต่อ้างว่าไม่ใช่นายทุน หรือ เจ้าของเงินที่นำมาปล่อยกู้ พร้อมยอมรับว่า นายทุนคนดังกล่าวนั้นเป็นคนไทย จึงนำตัวส่ง สน.บางเขน ดำเนินการตามกฎหมาย พร้อมขยายผลเอาผิดนายทุนที่อยู่เบื้องหลังต่อไป