MGR Online -“ร.ต.อ.เขมชาติ” เผย พบรายชื่อคนไทย 3 แสนราย ในระบบคอมพิวเตอร์แก๊งคอลเซ็นเตอร์รายใหญ่เมืองนครฯ เร่งขยายผล ส่วนออกหมายจับนักการเมืองท้องถิ่นให้ตำรวจจัดการ
จากกรณี กองคดีเทคโนโลยีและสารสนเทศ กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) บูรณาการร่วม กก.3 บก.สอท.5, ตำรวจ ภ.8, สำนักงาน กสทช., สตม., กรมการจัดหางาน ลงพื้นที่ตรวจค้นสำนักงานแก๊งคอลเซ็นเตอร์รายใหญ่ เป็นโรงแรมแห่งหนึ่งใน อ.ฉวาง จ.นครศรีธรรมราช พร้อมจับกุม ชาวจีน 52 คน ชาวไทย 19 คน รวม 71 คน ยึดหลักฐานเป็น คอมพิวเตอร์ 223 เครื่อง โทรศัพท์ 1,001 เครื่อง ไอแพด 14 เครื่อง ซิมการ์ด 298 ซิม สมุดบัญชีธนาคาร 86 เล่ม และสินค้าหลีกเลี่ยงศุลกากรอีกจำนวนมาก โดยหลอกชักชวนให้ร่วมลงทุนในสกุลเงินดิจิทัล เล่นพนันออนไลน์ ซื้อสินค้า ซึ่งผู้เสียหายที่อยู่ต่างประเทศ หลงเชื่อโอนเงินมาให้คนร้าย นอกจากนี้ มีการสอบสวนขยายผลออกหมายจับนักการเมืองท้องถิ่นคนหนึ่งในพื้นที่ อ.ฉวาง อยู่เบื้องหลังแก๊งคอลเซ็นเตอร์ดังกล่าว
วันนี้ (1 เม.ย.) ร.ต.อ.เขมชาติ ประกายหงษ์มณี ผอ.กองคดีเทคโนโลยีและสารสนเทศ กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เปิดเผยความคืบหน้าดังกล่าว ว่า เบื้องต้น เจ้าหน้าที่ตำรวจจะทำการสอบสวนขยายผลและพิจารณายื่นคำร้องต่อศาลขอหมายจับนักการเมืองท้องถิ่นในพื้นที่ อ.ฉวาง ซึ่งคนในชุมชนรู้จักเป็นอย่างดีแต่ยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้ ส่วน ดีเอสไอจะโฟกัสเรื่องผู้เสียหาย นำหลักฐานเป็นเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ยึดมาได้ จำนวน 223 เครื่อง มาวิเคราะห์ข้อมูลส่วนบุคคล ร่วมกับ สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (PDPC) ว่า ผู้เสียหายมาจากประเทศใดบ้าง เพราะส่วนใหญ่อยู่ต่างประเทศจำนวนมาก แต่ในส่วนของคนไทยพบข้อมูลเบื้องต้นประมาณ 3 แสนรายชื่อ แต่ก็ต้องนำมาตรวจสอบว่าข้อมูลรายชื่อมีที่มาจากไหน และรายชื่อบุคคลเคยไปแจ้งความกับตำรวจหรือไม่ จากนั้นจะตรวจสอบว่ารายชื่อดังกล่าวได้รับความเสียหายอย่างไร แล้วค่อยจึงประเมินมูลค่าความเสียหายได้อย่างชัดเจน
ร.ต.อ.เขมชาติ กล่าวว่า ก่อนที่ดีเอสไอเข้ามาตรวจค้นสำนักงานในพื้นที่ อ.ฉวาง จ.นครศรีธรรมราช มีข้อมูลว่าแก๊งคอลเซ็นเตอร์ดังกล่าวบางราย เคยมีความเคลื่อนไหวอยู่ที่พัทยา จ.ชลบุรี และยังพบมีการประสานงานกับบุคคลในพื้นที่ จ.เชียงใหม่ แต่เมื่อเจ้าหน้าที่ทราบข้อมูลก็เข้าตรวจสอบกวาดล้างได้ทันที ซึ่งไม่เหมือนในพื้นที่ อ.ฉวาง จ.นครศรีธรรมราช เพราะห่างจากตัวเมืองเป็นชั่วโมง จึงเล็ดลอดสายตาเจ้าหน้าที่ไปได้ ส่วนจะมีเจ้าหน้าที่รัฐรู้เห็นหรือไม่ ตรงนี้ยังไม่มีข้อมูล
“จากข้อมูลทางการข่าว มีเหตุสงสัยว่า อาจมีเครือข่ายในสถานที่อื่นเข้ามาเกี่ยวข้อง เพราะเครือข่ายที่โดนจับล่าสุดในพื้นที่ อ.ฉวาง จ.นครศรีธรรมราช เคยมีความเคลื่อนไหวในเมืองท่องเที่ยวที่อื่นมาก่อน อย่างไรก็ตาม ดีเอสไอ ทำการสืบสวนกระทั่งพบข้อมูลแก๊งคอลเซ็นเตอร์ จึงประสานกับตำรวจและหลายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องบูรณาการร่วมกัน ซึ่งหลังจากนี้กรมสอบสวนคดีพิเศษ จะนำพยานหลักฐานในคดีนี้เป็นกรณีศึกษา เพื่อเสนอความเห็นเชิงนโยบาย เพื่อป้องกันการเกิดอาชญากรรมในลักษณะแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในประเทศไทย อาทิ การชักชวนคนต่างชาติมาทำงานในประเทศไทย การพิจารณาอนุญาตวีซ่าในประเทศไทย และการใช้เทคโนโลยีป้องกันการเกิดเหตุ รวมถึงใช้นวัตกรรมรวบรวมพยานหลักฐานประกอบคดีอีกด้วย”