xs
xsm
sm
md
lg

โซเชียลกำราบทหารกร่าง สิ้นยุค “คนมีสี”เป็นราชสีห์

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม



รายการ “ถอนหมุดข่าว” เผยแพร่ทางแอปพลิเคชั่น SONDHI APPสถานีโทรทัศน์ NEWS1 ช่องยูทูปNEWS1 และเฟซบุ๊กแฟนเพจNEWS1 วันอังคารที่ 19 มีนาคม 2567 นำเสนอรายงานพิเศษ โซเชียลกำราบทหารกร่าง สิ้นยุค “คนมีสี”เป็นราชสีห์



จากกรณีฉาวโฉ่ 2 เหตุการณ์ที่กระทบกับชื่อเสียงของกองทัพ อันได้แก่ นายทหารเรือหัวร้อนชักปืนออกมาข่มขู่คู่กรณีบนท้องถนนจนถูกถ่ายคลิปประจาน และนายทหารทัพฟ้ายิงปืนใส่โจ๋ข้างบ้านที่กินเหล้าเสียงดังเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา จนเป็นข่าวดังกระฉ่อน

ผลที่ตามมาอันเป็นบทสรุปอย่างฉับไวและเด็ดขาดก็คือ นายทหารทั้ง 2 คน ที่ก่อเรื่องถูกลงโทษชนิดจัดเต็มแบบเชือดไก่ให้ลิงดู

โดยรายแรกซึ่งเป็นนายทหารเรือ ยศนาวาตรี สังกัด หน่วยบัญชาการทหารพัฒนา กองบัญชาการกองทัพไทย ถูกสั่งขัง 21 วัน งดบำเหน็จ ประจำปี 2567 และเข้ารับการฝึกธำรงวินัย 2 สัปดาห์

นอกจากนี้ยังถูกตรวจสอบความถูกต้องในการครอบครองอาวุธปืน ซึ่ง ผู้บังคับบัญชาระบุชัดเจนว่า จะต้องเพิกถอนใบอนุญาตไม่ให้มีการครอบครอง และพกพาอาวุธปืนได้อีกต่อไป

ทั้งหมดนี้เป็นไปตามคำสั่งของพลเอกทรงวิทย์ หนุนภักดี ผู้บัญชาการกองทัพไทย ซึ่งออกมาให้ข่าวกับสื่อมวลชนในทันทีที่เกิดเรื่องเผยแพร่ในโลกโซเชียล สรุปใจความได้ว่า จะดำเนินการสอบสวนให้รู้ผลภายใน 3 วัน และทุกอย่างก็เป็นไปตามนั้น

ส่วนในรายที่ 2 ซึ่งเป็นนายทหารอากาศ ยศเรืออากาศโท ทนเสียงเอะอะไม่ไหวจึงพกปืนออกมาต่อว่าคู่กรณีก่อนจะยิงเข้าใส่วงเหล้ากลุ่มโจ๋ที่รวมกลุ่มชนแก้วบ้านตรงข้าม จนมีผู้ได้รับบาดเจ็บ 1 ราย เหตุเกิดที่เคหะบางเสาธง จังหวัดสมุทรปราการ ก่อนที่ผู้ก่อเหตุจะกลับเข้าบ้านจนตำรวจต้องมาปิดล้อมกดดันให้ออกมามอบตัว

หลังปรากฏเป็นข่าว พลอากาศตรีบุญเลิศ อันดารา โฆษกกองทัพอากาศ ได้ออกมา แถลงกับสื่อมวลชนว่า ผู้บัญชาการทหารอากาศรับทราบเรื่องที่เกิดขึ้นแล้ว และสั่งการให้ดำเนินการ ตามกฎหมายและวินัย โดยไม่มีการปกป้อง

ในเบื้องต้นได้นำตัวนายทหารอากาศผู้ก่อเหตุเข้ามอบตัวที่สถานีตำรวจบางเสาธง โดยมีนายทหารพระธรรมนูญร่วมฟังการสอบสวนด้วย

ทั้งนี้กองทัพอากาศยืนยันว่า แม้ผู้ก่อเหตุจะเกษียณอายุราชการในวันที่ 30 กันยายนปีนี้ แต่การดำเนินการทางวินัยและทางอาญา ก็สามารถดำเนินการต่อไปได้ จนกว่าคดีจะสิ้นสุด

แม้ทั้ง 2 เหตุการณ์ที่กล่าวมาข้างต้นจะมีบทสรุปเรียบร้อยแล้ว แต่สิ่งหนึ่งที่ไม่อาจปฏิเสธได้ก็คือ

ในอดีตที่ผ่านมา สังคมไทยอยู่ภายใต้พลังอำนาจของกองทัพที่แผ่กิ่งก้านมายังคนมีสีในทุกระดับ โดยเฉพาะนับตั้งแต่การรัฐประหารล่าสุดเมื่อปี 2557 ทหารคือกลุ่มคนที่สามารถ ทำอะไรก็ได้ตามอำเภอใจ ภายใต้คำนิยามที่กำหนดขึ้นมาเองว่า “การปรับทัศนคติ”

แต่ในวันนี้สังคมไทยอยู่ภายใต้พลังอำนาจของโซเชียลมีเดียที่จุดชนวนได้ง่ายด้วยสมาร์ทโฟนที่อยู่บนมือของทุกคน เพียงแค่ยกขึ้นถ่ายคลิปเหตุการณ์แล้วแชร์ไปให้สังคมรับรู้ ผลกระทบ ที่ตามมาจะเกิดขึ้นในวงกว้าง และเป็นไปอย่างรวดเร็ว ยากที่เจ้าตัวผู้ก่อเหตุ หรือมีส่วนเกี่ยวข้องจะปฏิเสธได้

ดังนั้นคนมีสีที่เคยคิดว่า เครื่องแบบที่สวมใส่ ไม่ต่างอะไรกับการทำให้ตนเองเป็นราชสีห์สามารถอวดเบ่งข่มขู่คู่กรณีได้เหมือนที่กระทำในอดีต แต่เมื่อไหร่ก็ตามที่พลังโซเชียลโหมกระหน่ำเข้าใส่ เครื่องแบบอันทรงเกียรติ ก็อาจกลายเป็นเพียงหนังราชสีห์ที่ถูกกระชากออกจากลาตัวหนึ่งเท่านั้น

และเมื่อไหร่ที่กลายเป็นลาโง่ที่ไม่รู้จักยับยั้งชั่งใจ ไม่เกรงกลัวพลังโซเชียล สิ่งที่ลาโง่จะได้รับก็คือ บทลงโทษแบบจัดเต็มทั้งทางวินัยและอาญาแผ่นดิน

--------------------------------
**หมายเหตุ
แอป Sondhi App ดาวโหลดได้แล้ว
ระบบ iOS ไปที่ AppStore :https://apps.apple.com/th/app/sondhi-app/id1588046647
ระบบ android ไปที่ Google Play :https://play.google.com/store/apps/details?id=com.sondhitalk.asia.android


กำลังโหลดความคิดเห็น