ตำรวจรับแจ้งบุกจับผัวปืนโหด ชักปืนยิงเมียหวิดดับ เพราะทนไม่ไหวขอเลิก หลังนำเงินไปลงทุนเทรดบิทคอยน์ ขาดทุนยับกว่า 700,000 บาท ตำรวจนำญาติกล่อมนานกว่า 6 ชั่วโมงจึงยอมมอบตัว โดนข้อหาหนักพยายามฆ่าครอบครองอาวุธปืนพร้อมเครื่องกระสุนปืนโดยไม่ได้รับอนุญาต
พ.ต.อ.มนัส อัดโดดดร ผกก.สภ.อุทัย จ.พระนครศรีอยุธยา เปิดเผยว่า ได้รับแจ้งเหตุทะเลาะวิวาทและมีการใช้อาวุธปืน โดยเมื่อตำรวจได้เดินทางไปถึงพบผู้ก่อเหตุคือ นายกฤษฎา หรือ เหน่ง อายุ 35 ปี ได้นำอาวุธปืนยิงใส่ น.ส.พิศมัย อายุ 31 ปี ผู้เป็นภรรยาได้รับบาดเจ็บ โดยหลังจากเกิดเหตุนายกฤษฎาได้เข้าไปหลบซ่อนตัวอยู่ภายในบ้าน ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.อุทัย จ.พระนครศรีอยุธยา ได้ทำการปิดล้อมบ้านพักเป็นเวลานานกว่า 6 ชั่วโมง พร้อมทั้งได้ให้ญาติโทรศัพท์เข้าไปติดต่อเพื่อเกลี้ยกล่อมให้นายกฤษฎายอมมอบตัว และได้ยอมให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมตัวในเเวลา 20.06 น. ของวันที่ 17 กันยายน ระหว่างนั้นนายกฤษฎาได้บอกพี่สาวว่า ตนเองใช้ปืนยิงขาตัวเองทำให้ได้รับบาดเจ็บ เพราะอยากรู้ว่าความเจ็บปวดเป็นอย่างไร โดยในทีแรกตั้งใจจะใช้ปืนฆ่าตัวตายเพื่อจบชีวิตตัวเองแต่ไม่กล้าพอจึงไม่ได้ลงมือฆ่าตัวตาย
ล่าสุด วานนี้ ( 18 กันยายน) หลังจากนายกฤษฎารักษาอาการบาดเจ็บเรียบร้อยแล้ว เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.อุทัย จ.พระนครศรีอยุธยา ได้ควบคุมตัวไปยังห้องควบคุมผู้ต้องหาเมื่อกลางดึกที่ผ่านมา โดยตั้งแต่ช่วงเช้ามีญาติและคนใกล้ชิดมาเยี่ยมนายกฤษฎาที่ยังอยู่ในอาการเครียด ขณะเดียวกันทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตรวจสิ่งของเข้าเยี่ยมอย่างละเอียด เพื่อป้องกันการหลบหนี
พ.ต.อ.มนัส อัดโดดดร ผกก.สภ.อุทัย จ.พระนครศรีอยุธยา หัวหน้าชุดปฏิบัติการจับกุม เปิดเผยว่า จากเหตุการณ์นายกฤษฎาใช้อาวุธปืนยิง น.ส.พิศมัย แล้วหลบหนีไปเก็บตัวอยู่ในบ้านนานกว่า 6 ชั่วโมง ตนจึงได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจหลายนายเข้าควบคุมสถานการณ์และมีการเจรจาเป็นระยะๆ เนื่องจากผู้ต้องหาที่อยู่ในบ้านไม่มีตัวประกัน ตำรวจไม่อยากเข้าไปควบคุมตัว เนื่องจากกลัวว่าจะเกิดเหตุร้ายเพราะเป็นการกดดันผู้ก่อเหตุให้อาจคิดสั้นได้ หรือหากมีการยิงต่อสู้กับเจ้าหน้าที่ที่เข้าไปจับกุม อาจทำให้ตำรวจต้องยิงตอบโต้ผู้ต้องหาตามกระบวนการขั้นตอนจับกุม (วิสามัญ) จึงพยายามเจรจาให้ได้ดีที่สุด เพื่อหลีกเลี่ยงความสูญเสีย หลังจากนั้น จึงได้ให้พี่สาวผู้ก่อเหตุเข้ามาเจรจา จนผู้ก่อเหตุคลายความตึงเครียดลง และยอมมอบตัวกับทางเจ้าหน้าที่พร้อมของกลางอาวุธปืน ขนาด .38 และยังพบว่าผู้ต้องหาใช้ปืนยิงต้นขาซ้ายของตนเองจากความเครียด เนื่องจากยิงภรรยาบาดเจ็บตอนแรกคิดว่าจะยิงตัวตายหากภรรยาเสียชีวิต
"สาเหตุของการก่อเหตุใช้อาวุธปืนยิงภรรยามาจากการที่นายกฤษฎานำเงิน 700,000 บาท ไปลงทุนบิทคอยน์จนขาดทุน จึงทำให้มีปากเสียงกับภรรยาและกลายเป็นปัญหาบานปลายจนกระทั่ง ภรรยาของนายยกฤษฎาขอแยกทาง ทำให้นายกฤษฎามีความเครียด คอยขับรถมาดูภรรยาที่บ้านเป็นประจำด้วยความหวาดระแวงว่าภรรยาจะนอกใจ จนกระทั่งช่วงเช้าของวันเกิดเหตุ (17 กันยายน) ผู้ต้องหางัดบ้านภรรยาแล้วเข้าไปอยู่ในบ้านเพื่อขอคืนดี แต่ภรรยากลับมาเจอจนเป็นเหตุให้ต้องมาแจ้งความ หลังจากนั้นทั้งคู่ก็กลับไปบ้านจนมาก่อเหตุดังกล่าวขึ้น" พ.ต.อ.มนัสกล่าว
ทั้งนี้ พ.ต.อ.มนัสกล่าวเพิ่มเติมอีกว่า หลังจากเมื่อคืนนำผู้ต้องหาไปรักษาที่โรงพยาบาลอุทัยแล้วได้นำตัวกลับมาควบคุมที่ห้องขังพบว่ามีอาการเครียดตลอดทั้งคืน และยังไม่สามารถให้ปากคำเพิ่มเติมได้ ทางเจ้าหน้าที่จะต้องรอให้ผู้ต้องหาหายจากความเครียดก่อน ส่วนคนเจ็บตอนนี้ปลอดภัยแล้ว แต่ต้องอยู่ในความดูแลของแพทย์
ขณะเดียวกันในทางคดีเบื้องต้นพนักงานสอบสวนได้แจ้งข้อกล่าวหานายกฤษฎาคือพยายามฆ่าภรรยาด้วยอาวุธปืน ครอบครองอาวุธปืนพร้อมเครื่องกระสุนปืนโดยไม่ได้รับอนุญาต
ทั้งนี้การลงทุนคริปโตเป็นการลงทุนที่มีความเสี่ยงสูงมาก ผู้ที่สนใจลงทุนคริปโตจึงควรตระหนักถึงความเสี่ยงต่างๆ ที่เกี่ยวข้องก่อนตัดสินใจลงทุนคริปโต และควรลงทุนด้วยความระมัดระวัง