“พ่อตะวัน-นิชา” และแนวร่วมม็อบทะลุวัง เดินหน้าเรียกร้องศาลอาญาปล่อยตัว “ตะวัน-แฟรงค์” คดีป่วนขบวนเสด็จ ปูดอาจเป็นชนวนให้เกิดความรุนแรง ด้าน “หยก” โผล่ให้กำลังใจใช้ลิปสติกสีแดงเขียนบนเสาหน้าศาลอักษร “ค.” พี่ๆ ห้ามกันวุ่น
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังพนักงานสอบสวน สน.ดินแดง ได้ยื่นคำร้องขอฝากขัง น.ส.ทานตะวัน ตัวตุลานนท์ หรือ ตะวัน และ นายณัฐนนท์ ไชยมหาบุตร หรือ แฟรงค์ ผู้ต้องหากลุ่มทะลุวัง ครั้งที่ 4 ระยะเวลา 12 วัน ตั้งแต่วันที่ 9-20 มี.ค. 2567 เนื่องจากมีความจำเป็นต้องสอบปากคำพยานเพิ่มเติม ทั้งยังต้องรอผลการตรวจคลิปวิดีโอทางวิทยาศาสตร์จากกองพิสูจน์หลักฐาน ว่า มีการแก้ไข ดัดแปลงหรือไม่ เพื่อประกอบการพิจารณาทำความเห็นสั่งฟ้องผู้ต้องหาทั้งสอง
ซึ่งศาลพิเคราะห์คำร้อง และข้อเท็จจริงจากการไต่สวนแล้ว เห็นว่า คดียังอยู่ระหว่างการสอบสวน เพื่อรวบรวมพยานหลักฐานซึ่งยังไม่แล้วเสร็จ จึงมีคำสั่งอนุญาตให้ผู้ร้องฝากขังได้ตามขอ พร้อมกำชับให้พนักงานสอบสวนเร่งรัดการสอบสวนให้แล้วเสร็จภายในการฝากขังครั้งนี้แล้วนั้น
ล่าสุด เมื่อเวลา 10.00 น. วันนี้ (10 มี.ค.) ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก นายสมหมาย ตัวตุลานนท์ บิดาของ น.ส.ตะวัน และ นางทิชา ณ นคร ผอ.ศูนย์ฝึกและอบรมเด็กและเยาวชน พร้อมด้วย น.ส.อรวรรณ ภู่พงษ์ หรือ แบม ทะลุวัง นายนภสินธุ์ ตรีรยาภิวัฒน์ หรือ สายน้ำ เดินทางมาที่ศาลอาญา เพื่อแถลงการณ์คัดค้านการฝากขังของพนักงานสอบสวน สน.ดินแดง กระทั่งล่าสุดอาการเจ็บป่วยของตะวัน และแฟรงค์ ซึ่งเกิดจากการอดอาหาร และน้ำ ประท้วงกระบวนการยุติธรรม มีภาวะน่าเป็นห่วง
นางทิชา ผอ.ศูนย์ฝึกและอบรมเด็กและเยาวชน กล่าวว่า ตนเองอยากเรียนข้อมูลให้สาธารณะได้รับทราบว่า ในปัจจุบันเรือนจำทั่วประเทศ มีการคุมขังผู้ต้องโทษกว่า 250,000 ราย โดย 80% เป็นนักโทษเด็ดขาด ส่วนอีก 20% เป็นนักโทษที่อยู่ระหว่างการพิจารณาคดีและไม่ได้รับการประกันตัว ต่อมามีหลักฐานเชิงประจักษ์ว่าถึงที่สุดศาลยกฟ้อง แสดงให้เห็นว่า การคุมขัง 20% ดังกล่าวเป็นการคุมขังผู้บริสุทธิ์ ซึ่งเราต้องมาคำนวณเกี่ยวกับวันเวลา อิสรภาพ โอกาสในการทำมาหากินของพวกเขา ถ้าเราทำงานวิจัย นี่คือ ความสูญเสียมหาศาล นอกจากนี้ ตนยังอยากย้ำว่า สิทธิในการประกันตัวเป็นสิทธิตามรัฐธรรมนูญที่ได้กำหนดไว้ แต่เรากลับปล่อยให้คนจำนวน 20% เข้าไปอยู่ในเรือนจำ ซึ่งสิ่งเหล่านี้ได้สะท้อนให้เห็นว่าการต่อสู้ของ น.ส.ตะวัน น.ส.แบม น.ส.บุ้ง นายแฟรงค์ และนักกิจกรรมทางการเมืองคนอื่นๆ พวกเขาไม่ได้ต่อสู้เพื่อตัวเอง แต่ตั้งคำถามกับระบบที่เกิดก่อนเขา และเขาก็สงสัยในระบบเหล่านี้ มันเป็นคำถามที่ใหญ่และตบหน้าคนที่เกิดก่อนด้วยซ้ำ
นางทิชา กล่าวอีกว่า มั่นใจว่า ทุกคนรู้สึกว่า ระบบยุติธรรมของไทยตอนนี้กำลังเดินทางเข้าสู่วิกฤตศรัทธา ดังนั้น การต่อสู้ของเด็กๆ ทั้งหมด เป็นเรื่องที่บุคคลภายนอกอย่างเราต้องไม่อยู่เฉย และถ้าทุกคนรู้สึกว่าการอดอาหารประท้วงของพวกเขาเป็นการตัดสินใจกันเอง และถ้าอยากสาปแช่งให้เด็กเหล่านี้ติดคุกและเสียชีวิต เเละถ้าพวกคุณรู้สึกเกรี้ยวกราดต่อการท้าท้ายอำนาจรัฐของเด็ก เราก็อยากบอกว่าพวกคุณกำลังลดทอนคุณค่าของกฎหมายและรัฐธรรมนูญ เพราะถ้าในอนาคตกฎหมายยังไม่ได้ถูกออกแบบไว้เป็นอย่างดี วันนั้นอาจเป็นชะตากรรมของลูกหลานของพวกคุณก็ได้ที่เจอกฎหมายไม่เป็นธรรม สรุปแล้วการประท้วงเรียกร้องให้ปฏิรูปกระบวนการยุติธรรมของตะวัน แฟรงค์ และ บุ้ง โดยการเอาชีวิตเป็นเดิมพัน จึงไม่ใช่การเรียกร้องเพื่อตัวเอง แต่ต้องการระบบที่มันยุติธรรม แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าความเด็ดเดี่ยวของเด็กๆ ในนาทีนี้มันเข้าสู่สัญญาณอันตราย ตนและคนข้างนอกไม่อาจอยู่เฉยได้แม้ผลจะเป็นอย่างไร
“การที่เรามาที่ศาล เพราะยังเหลือศรัทธาในกระบวนการยุติธรรม ดังนั้น จึงหวังว่า จะยังคงมีผู้พิพากษาที่มีความเป็นมนุษย์ในสถาบันแห่งนี้จะกล้าหาญพอที่จะชักฟืนออกจากกองไฟให้ได้ เพื่อไม่ให้สถานการณ์เลวร้ายไปกว่านี้”
นางทิชา กล่าวต่อว่า แม้ผู้ใหญ่จะรู้สึกว่าพวกเขาไม่มีมารยาท ไม่น่ารัก แต่คำถามคือมันสมเหตุสมผลหรือไม่ที่จะใช้กฎหมายตั้งข้อหาอย่างรุนแรงขนาดนี้ ตนขอถามว่า พวกคุณตอนเด็กน่ารักทุกวันหรือไม่ คำตอบคือไม่ใช่ ลูกหลานในบ้านคุณน่ารักทุกวันนี้หรือไม่ ก็ไม่ใช่ ทั้งนี้ ตนเชื่อว่า มีคนจำนวนมากในสถาบันนี้ จะมีความกล้าหาญที่จะช่วยชักฟืนออกจากกองไฟก่อนที่เราจะสูญเสียมากไปกว่านี้
ด้าน นายนภสินธุ์ ตรีรยาภิวัฒน์ หรือ สายน้ำ ลูกชายอาจารย์ชื่อดัง กล่าวว่า นอกจากวันนี้ทางป้ามลจะยื่นคำแถลงต่อศาลเพื่อคัดค้านการฝากขัง ยังมีคุณพ่อของตะวันที่มายื่นขอประกัน เพราะเขาห่วงลูกสาวมาก นอนไม่หลับ และจะอยู่ฟังผลของศาลว่าจะอนุญาตหรือไม่
ทั้งนี้ ภายหลังจากที่ นางทิชา และบิดาของตะวัน ได้ไปยื่นเอกสารคำร้องคัดค้านการฝากขัง และขอปล่อยตัวชั่วคราว ทั้งหมดได้ลงมาทำกิจกรรมจุดเทียนบนขั้นบันไดหน้าศาลอาญา พร้อมร้องเพลงแสงดาวแห่งศรัทธา จากนั้น รปภ. ได้ขอความร่วมมือให้ทั้งหมดไปจุดเทียนที่ด้านนอกบริเวณศาล ต่อมาได้เคลื่อนไปยังพื้นที่อนุญาต และจุดเทียนพร้อมร้องเพลงเพื่อมวลชน
นอกจากนี้ เมื่อช่วงเวลา 09.30 น.ที่ผ่านมา ได้มีเยาวชนหญิง “น้องหยก” ได้ใช้ลิปสติกสีแดงเขียนลงบนเสาหน้าศาลอาญาด้วยอักษร ค. ก่อนที่มวลชนโดยรอบจะขอให้น้องหยกยุติการกระทำดังกล่าว และนำผ้ามาเช็ดทำความสะอาด จากนั้น น้องหยก ได้เดินไปยังบริเวณด้านหน้าศาล และใช้ลิปสติกแท่งเดิมเขียนลงบนพื้นปูนว่า “ศาลส้นตี_” และมวลชนก็ได้มาห้ามปรามการกระทำดังกล่าว พร้อมเช็ดทำความสะอาดให้อีกครั้งก่อนที่น้องหยก และเพื่อนชายจะนั่งรถยนต์ส่วนบุคคลออกไป
อย่างไรก็ตาม การคัดค้านฝากขังในวันนี้ ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า ในการไต่สวนคำร้องขอฝากขังผัดที่ 4 ศาลมีคำสั่งกำชับให้พนักงานสอบสวนเร่งรัดการสอบสวนให้เสร็จในการฝากขังครั้งนี้ แม้ผู้ต้องหาทั้งสองมีอาการวิกฤติตามที่ผู้ร้องอ้าง แต่เมื่อผู้ร้องทั้งสองอยู่ภายใต้ความดูแลของแพทย์อย่างใกล้ชิด เชื่อว่า ผู้ต้องหาจะไม่เป็นอันตรายถึงแก่ชีวิต กรณีนี้ไม่มีเหตุเปลี่ยนแปลงคำสั่งเดิมยกคำร้องแจ้งคำสั่งให้ผู้ร้อง และผู้ต้องหาทราบ