MGR Online - “เฮียเก้า” มอบหลักฐานเพิ่มเติม พนักงานสอบสวน ปฏิเสธไม่เกี่ยวข้องส่งออกตีนไก่เถื่อน ส่วนลูกชายกลับมาสู้คดีแน่ “ดีเอสไอ” คาดสรุปสำนวนส่งฟ้อง เม.ย. พบมีกิจกรรมเดินทางไปต่างประเทศร่วมกับข้าราชการฝ่ายการเมืองระดับสูงจริง
วันนี้ (16 ก.พ.) ที่ห้องพนักงานสอบสวน กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) อาคารเอ ชั้น 2 ศูนย์ราชการฯ แจ้งวัฒนะ กรุงเทพฯ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เวลาประมาณ 9.30 น. นายหลี่ เซิ่งเจียว หรือ ”เฮียเก้า“ 1 ใน 5 ในผู้ต้องหาคดีพิเศษที่ 127/2566 เกี่ยวข้องกับการลักลอบนำเข้าเนื้อสัตว์เถื่อนกว่า 10,000 ตู้ (ชิ้นส่วนหมูแช่แข็ง ชิ้นส่วนวัวแช่แข็ง และตีนไก่สวมสิทธิ์) พร้อมด้วยทนายความ เดินทางเข้าพบ พ.ต.ต.ณฐพล ดิษยธรรม ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านคดีคุ้มครองผู้บริโภคและสิ่งแวดล้อม หัวหน้าคณะพนักงานสอบสวน เพื่อมอบหลักฐานและสอบปากคำเพิ่มเติม หลังได้รับการปล่อยตัวชั่วคราวในชั้นสอบสวนด้วยการวางหลักทรัพย์เงินสด 200,000 บาท รวมถึงความสัมพันธ์ที่เกี่ยวข้องกับข้าราชการฝ่ายการเมืองระดับสูง
นายหลี่ เซิ่งเจียว หรือ ”เฮียเก้า“ กล่าวภายหลังสอบปากคำเสร็จสิ้น ว่า มีการพิมพ์ลายนิ้วมือปกติแต่ยืนยันว่าไม่ได้ประกอบกิจการขายส่งตีนไก่ไปยังประเทศจีน ส่วน นายกรินทร์ ปิยพรไพบูลย์ บุตรชาย ซึ่งตกเป็น 1 ใน 5 ผู้ต้องหานั้น รับว่าเป็นบุตรบุญธรรมของตน และเตรียมกลับมาสู้คดีอยู่แล้ว เพราะเขาไม่ได้ทำผิด แต่ตอนนี้ตนยังติดต่อเขาไม่ได้ว่าจะกลับมาไทยในวันที่เท่าไร
ผู้สื่อข่าวถามว่ารู้จักกันกับ นายสมเกียรติ กอไพศาล หรือ “เฮียเกียรติ” หรือไม่ ด้าน “เฮียเก้า” ระบุสั้นๆ ว่า "ขอแค่นี้พอครับ"
ด้าน พ.ต.ต.ณฐพล เปิดเผยว่า วันนี้เป็นเพียงกระบวนการแค่รายงานตัวและพิมพ์ลายนิ้วมือเท่านั้น และได้นัดหมาย “เฮียเก้า” อีกครั้งในวันที่ 15 มี.ค. พร้อมแจ้งพนักงานสอบสวนว่าจะขอกลับไปรวบรวมข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นทั้งหมด โดยครั้งถัดไปจะสอบปากคำต่างๆ ในประเด็นเรื่องผังสมาชิกสมาคมการค้าแลกเปลี่ยนเศรษฐกิจไทยเอเชีย หรือภาพถ่ายที่เจ้าตัวถ่ายร่วมกับบุคคลอื่นๆ ส่วน นายกรินทร์ บุตรชายของ “เฮียเก้า” ดีเอสไอยังไม่ได้รับการประสานติดต่อว่าเจ้าตัวจะเข้ามอบตัวในวันใด แต่ทราบว่าอยู่ที่ต่างประเทศ และเฮียเก้ายังไม่ได้แจ้งรายละเอียด
พ.ต.ต.ณฐพล ระบุอีกว่า สำหรับภาพถ่ายต่างๆ ของ “เฮียเก้า” พบมีกิจกรรมเดินทางไปต่างประเทศร่วมกับข้าราชการฝ่ายการเมืองระดับสูงจริง อยู่ที่เจ้าตัวจะชี้แจ้งอย่างไรบ้าง ส่วนจะมีการเรียกบุคคลที่ปรากฏในภาพถ่ายร่วมกับ “เฮียเก้า” มาสอบถามถึงสาเหตุภาพเฟรมเดียวกันนั้นก็ต้องให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย อย่างไรก็ตาม ดีเอสไอ ต้องตรวจสอบเรื่องเส้นทางการเงินและการทำธุรกรรมทางการเงินของ “เฮียเก้า” จะไปเกี่ยวข้องเชื่อมโยงกับใครบ้าง เพื่อได้ขยายผลดำเนินการทางคดีเพิ่มเติม พร้อมเร่งรัดสรุปสำนวนส่งพนักงานอัยการในช่วงเดือน เม.ย.นี้