MGR Online - “พ.ต.อ.ทวี” พร้อมผู้บริหารกรมราชทัณฑ์ เดินหน้าจัดตั้งเรือนจำศูนย์ระหว่างการพิจารณาคดี แบ่งผู้ต้องขังเด็ดขาดออกจากกันเป็นสัดส่วน
วันนี้ (14 ก.พ.) ณ เรือนจำพิเศษมีนบุรี พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เป็นประธานในพิธีเปิดเรือนจำศูนย์ระหว่างการพิจารณาคดี โดยมี นายสหการณ์ เพ็ชรนรินทร์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ พร้อมด้วย คณะผู้บริหารกรมราชทัณฑ์ และนายนนทรัตน์ หอมศรีประเสริฐ ผู้บัญชาการเรือนจำกลางยะลา รักษาราชการแทนผู้บัญชาการเรือนจำพิเศษมีนบุรี ให้การต้อนรับ
ปัจจุบัน กรมราชทัณฑ์ มีนโยบายในการแก้ไขปัญหานักโทษล้นคุกอย่างต่อเนื่องมาโดยตลอด ซึ่งนอกจากจะต้องคำนึงถึงการปฏิบัติต่อผู้ต้องขังทุกประเภทให้เป็นไปอย่างเหมาะสมแล้ว ยังต้องควบคุมผู้ต้องขังที่อยู่ระหว่างการพิจารณาคดีของศาลชั้นต้น ซึ่งถือว่ายังเป็นผู้บริสุทธิ์ จนกว่าจะมีคำพิพากษาจากศาลว่ากระทำความผิด โดย พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ได้มอบนโยบายแก่กรมราชทัณฑ์ให้ดำเนินการเป็นวาระเร่งด่วน เพื่อยกระดับการปฏิบัติต่อผู้ต้องขังระหว่างการพิจารณาคดีให้เป็นไปตามหลักมาตรฐานสากล โดยมีเรือนจำพิเศษมีนบุรี เป็นเรือนจำต้นแบบ ใช้ชื่อเรียกว่า “เรือนจำศูนย์ระหว่างการพิจารณาคดี” และได้กำหนดให้มีการเริ่มดำเนินการตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป (Kick off) พร้อมกันทั่วประเทศ
โดยกรมราชทัณฑ์ได้กำหนดให้มีการจัดตั้งเรือนจำศูนย์ระหว่างการพิจารณาคดี ในเขตจังหวัดต่างๆ แบ่งเป็น 8 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มจังหวัดลำปาง กลุ่มจังหวัดพิษณุโลก กลุ่มจังหวัดพระนครศรีอยุธยา กลุ่มจังหวัดขอนแก่น กลุ่มจังหวัดนครศรีธรรมราช กลุ่มจังหวัดสงขลา กลุ่มจังหวัดปทุมธานี และกลุ่มกรุงเทพมหานคร
สำหรับเรือนจำอื่นๆ นอกเหนือจาก “เรือนจำศูนย์ระหว่างการพิจารณาคดี” ให้ดำเนินการแยกการควบคุมผู้ต้องขังระหว่างพิจารณาคดีกับผู้ต้องขังเด็ดขาด ตามลักษณะทางกายภาพของเรือนจำตามความเหมาะสม เนื่องจากในบางเรือนจำมีพื้นที่เป็นลักษณะแดนเดียวกันทั้งหมด จึงต้องมีการแบ่งแยกโดยใช้ Block Zone หรือ อย่างน้อยต้องแยกห้องนอนผู้ต้องขังระหว่างการพิจารณาคดีกับนักโทษเด็ดขาดออกจากกันให้เป็นสัดส่วนอย่างชัดเจน
โดยกรมราชทัณฑ์ ยังคงปฏิบัติต่อผู้ต้องขังระหว่างการพิจารณาคดี ให้เป็นไปตามมาตรฐานการปฏิบัติงานด้านการควบคุมผู้ต้องขัง (SOPs) ที่ได้มีกำหนดไว้ในเรื่องของการปฏิบัติต่อผู้ต้องขังระหว่างการพิจารณาคดีซึ่งเป็นไปตามระเบียบของทางราชการ โดยประกอบด้วยเรื่องการแต่งกาย รองเท้า เครื่องนอน อาหาร การจัดให้มีจุดบริการ หรือสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ เช่น ห้องสมุด ห้องพยาบาล การบริการเยี่ยมญาติ และการพบทนายความ รวมถึงกิจกรรมที่ผู้ต้องขังที่อยู่ระหว่างการพิจารณาคดีจะได้รับ ซึ่งเน้นกิจกรรมนันทนาการเป็นสำคัญ เช่น ศิลปะและวัฒนธรรม กีฬา ดนตรี เป็นต้น โดยถือปฏิบัติอยู่บนพื้นฐานของหลักสิทธิมนุษยชน เพื่อยกระดับการปฏิบัติต่อผู้ต้องขังระหว่างการพิจารณาคดีให้เป็นไปตามหลักมาตรฐานสากล