xs
xsm
sm
md
lg

"ดีเอสไอ" ค้นโกดังเก่าเขตนิคมฯ ลาดกระบัง ซุกรถยนต์-ชิ้นส่วนประกอบกว่า 1,000 คัน จ่อสอบเลี่ยงภาษีหรือไม่

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม



MGR Online - ดีเอสไอ เข้าค้นโกดังเขตนิคมฯ ลาดกระบัง หลังเจ้าของที่ประมูลซื้อต่อกรมบังคับคดี แจ้งเบาะแสพบรถยนต์เก่า-ชิ้นส่วนประกอบ กว่า 1,000 รายการ ขอให้ตรวจสอบข้อเท็จจริง



วันนี้ (25 ม.ค.) เวลา 10.00 น. พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) รักษาราชการแทนอธิบดีดีเอสไอ พร้อมด้วย นายธานินทร์ เปรมปรีดิ์ ผู้อำนวยการกองคดีภาษีอากร ดีเอสไอ และ เจ้าหน้าที่จากกองคดีภาษีอากร ดีเอสไอ บูรณาการร่วมกับเจ้าหน้าที่กรมศุลกากร เจ้าหน้าที่จากนิคมอุตสาหกรรมลาดกระบัง และร่วมกับเจ้าของโกดัง เข้าตรวจโกดัง (เก่า) มีลักษณะ 2 ชั้น ซึ่งตั้งอยู่ในเขตนิคมอุตสาหกรรมลาดกระบัง ซอย E 3/3 แขวงลำปลาทิว เขตลาดกระบัง กรุงเทพฯ ซึ่งมีเนื้อที่ 16 ไร่ พบรถยนต์และชิ้นส่วนประกอบรถยนต์ มากกว่า 1,000 คัน/ชิ้น

พ.ต.ต.ยุทธนา กล่าวว่า สืบเนื่องจากเจ้าของกรรมสิทธิ์ในที่ดิน ซึ่งเป็นที่ตั้งของโกดังแห่งนี้ได้มีหนังสือถึงดีเอสไอและกรมศุลกากร ขอให้ตรวจสอบภายในโกดัง (เก่า) ของตัวเอง ซึ่งเดิมเจ้าของคนเก่าทำเป็นสถานที่ประกอบกิจการรถจดประกอบ ได้มีการนำเข้ารถยนต์และชิ้นส่วนประกอบรถยนต์ เป็นจำนวนมาก ต่อมา เมื่อผู้ร้องได้ซื้อที่ดินดังกล่าวมาจากการขายทอดตลาด จากกรมบังคับคดีพบว่ายังไม่มีการย้ายรถยนต์และชิ้นส่วนรถยนต์ออกไป ผู้ร้องได้เข้าตรวจสอบเบื้องต้น สงสัยว่ารถยนต์และชิ้นส่วนประกอบรถยนต์ดังกล่าว อาจมีการหลีกเลี่ยงการเสียภาษีอากรนำเข้ารถยนต์และชิ้นส่วนประกอบรถยนต์ หากมูลค่าเกิน 30 ล้านบาทจะเข้าข่ายเป็นคดีพิเศษตามบัญชีแนบท้าย

พ.ต.ต.ยุทธนา กล่าวอีกว่า จากการตรวจสอบเบื้องต้นของดีเอสไอ จากเจ้าหน้าที่นิคมอุตสาหกรรมลาดกระบัง ปรากฏข้อเท็จจริงว่า ใบอนุญาตให้ประกอบกิจการของบริษัทแห่งหนึ่งได้สิ้นสุดตั้งแต่วันที่ 31 ธ.ค.63 และไม่ปรากฏว่ามีการต่อใบอนุญาตแต่อย่างใด ซึ่งจากการตรวจสอบยี่ห้อและรุ่นแล้ว เชื่อได้ว่าเป็นรถยนต์ที่ผลิตจากต่างประเทศเข้ามาในราชอาณาจักรเก็บไว้เป็นจำนวนมาก และทิ้งร้างมิได้ดำเนินการใดๆ เป็นเหตุอันสมควรสงสัยว่า มีการนำเข้ารถยนต์โดยมิชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ ซึ่งอาจเข้าข่ายความผิดตาม พ.ร.บ.ศุลกากร พ.ศ. 2560 หลังจากนี้จะเรียกผู้เกี่ยวข้องทั้งหมดมาชี้แจงตามขั้นตอนต่อไป

ด้าน นายสมพงษ์ เขียวสด ผู้รับมอบอำนาจจากเจ้าของโกดัง เปิดเผยว่า เบื้องต้นทราบว่าเจ้าของคนเก่าประกอบธุรกิจนำเข้าชิ้นส่วนรถยนต์มาทำรถจดประกอบ เมื่อปี 54 ขายต่อในประเทศ และไม่ได้ต่อใบอนุญาต ปี 63 รวมทั้ง เจ้าของใหม่เคยปล่อยกู้ยืมเงินกว่า 100 ล้านบาทให้เจ้าของเก่าซึ่งนำที่ดินเปล่าแปลงนี้ (ไม่ได้ระบุมีทรัพย์สินอะไรบ้าง) มาค้ำประกัน เมื่อปี 53 แต่ไม่สามารถชำระหนี้ได้ จึงถูกฟ้องบังคับคดีให้ยึด ในปี 60 กระทั่งเจ้าของคนใหม่ประมูลซื้อต่อมาในฐานะเจ้าหนี้ เมื่อ พ.ย.63 นอกจากนี้ การยกเลิกประกาศกฎกระทรวง งดรับจดทะเบียนรถที่ประกอบจากชิ้นส่วนของรถที่ใช้แล้วที่นำเข้ามาจากต่างประเทศ มีผลบังคับใช้แล้วตั้งแต่ 17 มิ.ย.56 อาจทำให้ขาดสภาพคล่องในการทำธุรกิจด้วยเช่นกัน

นายสมพงษ์ เผยว่า การนำเข้าชิ้นส่วนรถจดประกอบ จะเสียภาษีถูกกว่าครึ่งนึงต่อการนำเข้ารถยนต์ทั้งคัน โดยรถยนต์ที่พบในโกดังนำเข้าจากประเทศญี่ปุ่นหรือมาเลเซีย เป็นรถพวงมาลัยขวา แต่คาดว่าเจ้าของเก่าติดปัญหาเรื่องการเก็บรักษารถยนต์ที่มีจำนวนเยอะมาก ไม่อยากเสียค่าใช้จ่ายในการดูแลจึงปล่อยทิ้งไว้ เลยอยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบรถยนต์ทุกคันนำเข้าเสียภาษีถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่ อย่างไรก็ตาม เจ้าของที่คนใหม่ไม่ได้ดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับรถยนต์และต้องการจะเคลียร์รถทั้งหมดออกไปเพื่อต้องการขายที่ดินแปลงนี้










กำลังโหลดความคิดเห็น