รายการ “ถอนหมุดข่าว” เผยแพร่ทางแอปพลิเคชั่น SONDHI APP สถานีโทรทัศน์ NEWS1 ช่องยูทูป NEWS1 และเฟซบุ๊กแฟนเพจ NEWS1 วันจันทร์ที่ 18 ธันวาคม 2566 นำเสนอรายงานพิเศษ น้องไนซ์ เชื่อมจิต ถึงจุดเดือด ชาวเน็ตกำลังไล่ล่า
เรื่องของ “อาจารย์น้องไนซ์ นิรมิตเทวาจุติ” วัย 8 ขวบ ทางการควรจะรีบดำเนินการอะไรสักอย่างได้แล้ว เพราะตอนนี้ มันเกิดเป็นความขัดแย้งทางความเชื่อของคน 2 กลุ่ม คือ กลุ่มต่อต้านกับกลุ่มศรัทธา
ที่เกิดเป็นสงครามน้ำลาย เผชิญหน้ากันอย่างตึงเครียดไปแล้ว ก็เป็นเหตุการณ์ทนายความของน้องไนซ์ นำผู้เคารพศรัทธา ปะทะคารมกับฝ่ายต่อต้าน นำโดยนักการเมือง “อี้” แทนคุณ จิตต์ อิสระ และ นายนิยม นพรัตน์ หรือ “เค สามถุยส์” คอนเทนต์ครีเอเตอร์ คนดัง
ตอนนี้ ดูเหมือนสถานการณ์น้องไนซ์ อาการน่าเป็นห่วง แม้ผู้เชื่อศรัทธาจะนั่งพับเพียบล้อมกราบกันปะหลกๆ
แต่พ้นจากวงของคนเหล่านั้น ส่วนใหญ่จะมองน้องไนซ์และเหล่าสาวก ด้วยความอ่อนเพลียละเหี่ยใจ
และก็ทำคอนเทนต์ล้อเลียนบูลลี่น้องไนซ์ ตลอดจนเหล่าสาวก กันอย่างครื้นเครง
ร้อนถึงพ่อแม่ ต้องส่งทนายความออกมาปราม ด้วยการยื่นหนังสือร้องต่อ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. ให้ช่วยปกป้องน้องไนซ์ จากการบูลลี่
แต่เหมือนจะเกมพลิก ตำรวจถือโอกาสนี้ พูดถึงน้องไนซ์เสียที โดย พ.ต.อ.ศิริวัฒน์ ดีพอ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ออกมาเผยว่า ตำรวจกำลังตรวจสอบทุกประเด็นของขบวนการน้องไนซ์
แม้จะมีรูปแบบเป็นเรื่องของศรัทธาความเชื่อส่วนบุคคล แต่ก็มีความสุ่มเสี่ยงต่อการกระทำผิดกฎหมาย ทั้งเรื่องของการหลอกลวง และแสวงหาผลประโยชน์จากเด็ก
ซึ่งตำรวจจะตรวจสอบหมด ทั้งพื้นที่เกิดเหตุ และทั้งการโพสต์โฆษณาเชิญชวนผ่านสื่อออนไลน์ พ่อแม่ของน้องไนซ์ ก็อยู่ในข่ายต้องถูกเรียกสอบปากคำด้วย
พร้อมฝากไปถึงใครก็ตามที่รู้สึกว่าเสียหาย ถูกหลอกลวง สามารถแจ้งความกับตำรวจได้ทั่วประเทศ
ฟังน้ำเสียงจากตำรวจ แบบนี้ต้องเรียกว่า “งานเข้าน้องไนซ์” เต็มๆ แทนที่ตำรวจจะกางปีกป้องน้องไนซ์ ในมุมของผู้ประพฤติดี หรือนำประชาชนให้ใฝ่ดีศึกษาธรรมะ กลายเป็นจับตาพฤติกรรมขบวนการน้องไนซ์แทน
มวยหมัดหนักที่ออกมาฟาดน้องไนซ์แรงๆ ก็คือ มหาไพรวัลย์ วรรณบุตร หรือ “แพร์รี่ ไพรวัลย์” ของจริงในวงการพุทธศาสนา
แพร์รี่ฟาดดอกแรกว่า “มึงช่วยสอนให้ลูกมึงอยู่นิ่งๆ ให้ได้ก่อนซัก 1 นาทีนะคะ แล้วมึงค่อยมาอวดเรื่องอนาคามี เรื่องการเชื่อมจิตอะไรของมึงนั่น วิ่งไปวิ่งมา กูเวียนหัว”
จากนั้น ก็มาตอกกลับน้องไนซ์ ที่ดันมาพูดว่า สมัยพุทธกาลที่ไม่มีไมโครโฟนขยายเสียง พระพุทธเจ้าจึงต้องแสดงเทศนาธรรมถึงเหล่าสาวกนับร้อยนับพัน ผ่านการเชื่อมจิตทางสมาธิ มิฉะนั้น การสื่อสารจะทำได้ไม่ทั่วถึง
แพร์รี่บอกว่า ในพระสูตรเขียนเล่าไว้ เวลาพระพุทธเจ้าปรากฏตัว บรรดาพระภิกษุทั้งหลาย จะพากันเงียบเสียงแบบเงียบสนิท ตลอดเวลา
ความเงียบสุดๆ นี่แหละ เป็นกุญแจที่ช่วยให้พระพุทธเจ้า สามารถพูดถึงผู้ฟังเป็นร้อยเป็นพันคนได้ ก็เท่านั้นเอง ไม่มีการเชื่อมจิตอย่างที่น้องไนซ์ว่า
มาถึงตอนนี้ ต้องบอกว่าน้องไนซ์ กำลังถูกล้อมกรอบทีละนิดละนิด จากคนที่ไม่เห็นด้วย
เพราะนอกจากสตอรี่น้องไนซ์ ที่พ่อแม่นำมาเผยแพร่ จะออกแนวอวดอภินิหาร เป็นร่างอวตารของพญานาคบ้าง เป็นลูกของพระพุทธเจ้ากลับชาติมาเกิดบ้าง
ยังมีการสั่งสอนแปลกๆ แหกคัมภีร์อย่างการเชื่อมจิต ผ่านการนั่งสมาธิ
มากกว่านั้น ก็มีเรื่องผลประโยชน์ เดินสายทำคอร์สบรรยาย ให้สาวกต้องจ่ายเงิน ในระหว่างติดตามไปตามจังหวัดต่างๆ เช่นเดียวกับการยัดเงินใส่มือเด็กเป็นฟ่อน ด้วยความเต็มใจ ซึ่งเงินเหล่านั้น ใครจะเป็นผู้ตรวจสอบปลายทางของมัน
สำคัญสุด ก็คือ ความเป็นเด็ก 8 ขวบ บุคลิกหลุกหลิก ไม่เคยผ่านการร่ำเรียนฝึกฝนทางพุทธ ซึ่งปกติต้องใช้เวลานานหลายปีหรืออาจชั่วชีวิต แต่น้องไนซ์บายพาส ตั้งตัวเป็น “พระอาจารย์” ได้เลย จากสตอรี่ของพ่อแม่ ที่เอามาปั่นศรัทธา
สิ่งต่างๆ เหล่านี้ ล้วนแต่เป็นความล่อแหลมสุ่มเสี่ยง ที่คนแวดล้อมน้องไนซ์ อาจถูกตำรวจดำเนินคดีได้
ไม่ว่าจะคดีฉ้อโกง มาตรา 342 ที่ระบุว่า “อาศัยความอ่อนแอแห่งจิตของผู้ถูกหลอกลวง”
หรือมาตรา 343 “กระทำด้วยการแสดงอันเป็นเท็จต่อประชาชน”
เช่นเดียวกับกฎหมายคุ้มครองเด็ก ก็มีมุมในเรื่องของการเอาเด็กมาหาผลประโยชน์ โดยมาตรา 26 ระบุว่า “ห้ามชักจูง ส่งเสริม ให้เด็กประพฤติกรรมตนไม่สมควร”
หรือ “ห้ามยุยง ส่งเสริม ให้ยินยอมให้เด็ก กระทำการแสวงหาประโยชน์ทางการค้า อันมีลักษณะเป็นการขัดขวางต่อการเจริญเติบโต หรือพัฒนาการของเด็ก”
--------------------------------
**หมายเหตุ
แอป Sondhi App ดาวโหลดได้แล้ว
ระบบ iOS ไปที่ AppStore : https://apps.apple.com/th/app/sondhi-app/id1588046647
ระบบ android ไปที่ Google Play : https://play.google.com/store/apps/details?id=com.sondhitalk.asia.android