“ส.ว.อุปกิต” ขึ้นศาลไต่สวนฟ้องหมิ่น “รังสิมันต์ โรม” เรียก 20 ล้าน ศาลนัดฟังคำสั่งรับฟ้องหรือไม่ 19 ธ.ค.นี้ พร้อมท้า “รังสิมันต์ โรม” มาศาล งดใช้เอกสิทธิ์ ส.ส.คุ้มครอง
วันนี้ (27 พ.ย.) ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก นายอุปกิต ปาจรียางกูร สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) พร้อมทนายความ เดินทางมาศาล ตามกำหนดนัดไต่สวนมูลฟ้องคดี ที่ได้ยื่นฟ้อง นายรังสิมันต์ โรม สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร แบบบัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล เป็นจำเลยข้อหาหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา ซึ่งมีมวลชนจำนวนหนึ่งมาให้กำลังใจ
นายอุปกิต กล่าว่า ไต่สวนมูลฟ้องวันนี้เป็นคดีที่ฟ้อง นายรังสิมันต์ โรม ข้อหาหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา คดีที่ 2 เรียกค่าเสียหาย 20 ล้านบาท ซึ่งเดิมศาลนัดไต่สวนมูลฟ้องในวันที่ 11 ก.ย. ที่ผ่านมา แต่ นายรังสิมันต์ ขอเลื่อนนัด ศาลจึงนัดไต่สวนมูลฟ้องใหม่เป็นวันนี้ โดย นายรังสิมันต์ ได้เดินทางมาที่ศาลด้วยเช่นกัน หลังจากลงชื่อในคำเบิกความและรายงานกระบวนพิจารณาแล้ว ศาลได้นัดฟังคำสั่งวันที่ 19 ธ.ค.นี้ เวลา 10.00 น.
นายอุปกิต กล่าวว่า คดีแรกที่ฟ้องนายรังสิมันต์ ข้อหาหมิ่นประมาท เรียกค่าเสียหาย 100 ล้านบาท ศาลมีคำสั่งรับฟ้องไปเมื่อวันที่ 11 ก.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งตามขั้นตอนจะต้องขอประกันตัว แต่ นายรังสิมันต์ ไม่มาฟังคำสั่งคดี เนื่องจากอยู่ในสมัยประชุมรัฐสภา ดังนั้น เข้าใจว่า การนัดฟังคำสั่งของศาลวันที่ 19 ธ.ค.นี้ ในคดีที่ 2 นายรังสิมันต์ อาจไม่มาฟังคำสั่งอีก เพราะอยู่ในช่วงเปิดประชุมรัฐสภาสมัยประชุมสามัญประจำปีครั้งที่ 2 พ.ศ. 2566
“ขอตั้งคำถามไปถึงนายรังสิมันต์ ว่า การไม่มาฟังคำสั่งคดีเป็นการใช้เอกสิทธิ์คุ้มครอง ส.ส.ปฏิเสธการให้ความร่วมมือกับกระบวนการยุติธรรมหรือไม่ ขณะที่ผมชัดเจนว่า พร้อมเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม โดยเคยอภิปรายแสดงเจตนารมณ์ในที่ประชุมวุฒิสภาแล้ว แต่เมื่อเป็นมติที่ประชุมวุฒิสภา ซึ่งดำเนินตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 125 ที่จะไม่ส่งตัวผมให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ สอบสวน และแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติม ผมก็ต้องเคารพมติที่ประชุม อย่างไรก็ตาม ยืนยันที่จะใช้สิทธิตามกฎหมายอย่างถึงที่สุด โดยขณะนี้อยู่ระหว่างเตรียมการฟ้องร้องเพิ่ม เนื่องจากแม้จะฟ้องนายรังสิมันต์ ไปแล้ว 3 คดี แต่ก็ยังพบว่า นายรังสิมันต์ ไม่หยุดพฤติกรรมใส่ร้ายหมิ่นประมาทผม” นายอุปกิต ระบุ
ทั้งนี้ นายอุปกิต ดำเนินการฟ้องนายรังสิมันต์ รวมแล้ว 3 คดี เป็นคดีฟ้องต่อศาลอาญาข้อหาหมิ่นประมาท สำนวนแรก เรียกค่าเสียหาย 100 ล้านบาท สำนวนที่ 2 ยื่นฟ้องต่อศาลอาญาข้อหาหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา เรียกค่าเสียหาย 20 ล้านบาท และล่าสุดฟ้องคดีต่อศาลแพ่ง ข้อหาละเมิด เรียกค่าเสียหาย 20 ล้านบาท และยื่นคำร้องขอคุ้มครองชั่วคราวไว้