xs
xsm
sm
md
lg

“เณรแอ” หอบหลักฐานแจง ปมสาวร้องถูกหลอกล่วงละเมิดทางเพศ ตร.ยังไม่แจ้งข้อกล่าวหา

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม



“เณรแอ” พร้อมทนายความนำหลักฐานให้ปากคำกรณีสาวแจ้งความถูกหลอกทำพิธีถอนไสยศาสตร์ ล่วงละเมิดทางเพศ ด้านตำรวจ สน.ดอนเมือง ยังไม่มีการแจ้งข้อกล่าวหา

จากกรณี น.ส.นาเดียร์ อายุ 26 ปี ออกมาร้องเรียนกับทีมงาน “สายไหมต้องรอด” ว่าถูก นายหาญ รักษาจิตร์ หรือ เณรแอ อายุ 63 ปี หลอกลวงให้ร่วมหลับนอนล่วงละเมิดทางเพศ โดยอ้างว่า เป็นการถอนมนต์ดำและถอนไสยศาสตร์ที่อยู่ในตัว ทำให้ต่อมา นายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด จึงพาตัวหญิงสาวดีงกล่าว เข้าพบพนักงานสอบสวน สน.ดอนเมือง เพื่อติดตามคดี เบื้องต้นคดีดังกล่าวอยู่ระหว่างตำรวจสอบปากคำ เพื่อรวบรวมพยานหลักฐานและดำเนินคดีนั้น

ความคืบหน้าล่าสุดวันนี้ (3 พ.ย.) ที่ สน.ดอนเมือง นายหาญ รักษาจิตร์ หรือ เณรแอ เดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวน สน.ดอนเมืองหลังถูกเชิญตัวมาให้ถ้อยคำเพิ่มเติมกรณีถูกกล่าวหาว่าล่วงละเมิด น.ส.นาเดีย พร้อมเปิดเผยว่า วันนี้ไม่หนักใจ พร้อมนำเอกสาร แชทการพูดคุย สลิปการโอนเงิน และขอปฏิเสธไม่ได้กระทำแบบที่ถูกกล่าวหา แต่ส่วนที่จะมีการขอขมาของผู้เสียหาย ยอมรับว่า จะมีการไกล่เกลี่ย แต่ขณะนี้ยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้

ด้าน นายศุภณัฎฐ์ ภคภัทร หรือ ทนายเจี๊ยบ หนึ่งในทีมทนายความของเณรแอ กล่าวว่า วันนี้เณรแอได้รับคำเชิญมาให้ปากคำที่ สน.ดอนเมือง ไม่แน่ใจว่ามาในฐานะใด เพราะยังไม่ถูกแจ้งข้อกล่าวหาใด กับเณรแอ ซึ่งคาดว่าที่เณรแอเดินทางเข้ามาในวันนี้เพื่อให้ข้อมูล ข้อเท็จจริงในสิ่งที่เกิดขึ้น ส่วนรายละเอียดต่างๆ ต้องพูดคุยกับพนักงานสอบสวนก่อน

ด้าน พ.ต.ท.โอสถ ผ่าโผน รองผกก.(สอบสวน) สน.ดอนเมือง เปิดเผยว่า เณรแอ ได้ประสานมาพร้อมลูกศิษย์ว่าจะมาให้ข้อมูลเพิ่มเติม รวมทั้งนำหลักฐานที่จะมาชี้แจงกับพนักงานสอบสวนในกรณีเรื่องการโอนเงิน รวมทั้งแชทข้อความ โดยตำรวจจะมีการสอบสวนประกอบสำนวนคดี ว่าจะเป็นแชทจริงหรือปลอม

โดยพนักงานสอบสวนจะสอบปากคำ เณรแอในฐานะพยาน ที่เข้ามาแสดงความบริสุทธิ์ใจ กรณีถูกกล่าวหาว่า ล่อลวงทำอนาจารกับ น.ส.นาเดีย หลังจากถูกแจ้งความดำเนินคดีไปก่อนหน้านี้กับเณรแอ

สำหรับคดีนี้ผู้เสียหายได้เชิญมาพบพนักงานสอบสวนแล้ว 2 ครั้ง เมื่อเดือน ก.ค.ที่ผ่านมา 1 ครั้งและสัปดาห์ที่แล้ว 1 ครั้ง โดยล่าสุดครั้งที่ 3 เมื่อวานที่ผ่านมา ก็ได้มีการติดต่อไปแต่ผู้เสียหายยังไม่สะดวกมาให้ปากคำ ซึ่งตำรวจจะต้องมีการสอบปากคำเพิ่มเติมโดยเฉพาะกรณีเรื่องเสียหายอย่างไร กล่าวหาเรื่องใด เหตุเกิดเมื่อไหร่ และขาดอายุความหรือไม่

ทั้งนี้ยืนยันพร้อมจะให้ความเป็นธรรมทั้ง 2 ฝ่าย จากนั้นจะแจ้งให้คู่ความทั้ง 2 ฝ่ายทราบ ซึ่งคดีดังกล่าวนั้นสามารถเจรจาไกล่เกลี่ยได้ แต่หากฝ่ายผู้เสียหายมีความประสงค์จะดำเนินคดี พนักงานสอบสวนก็ต้องรวบรวมหลักฐาน หากหลักฐานไม่เพียงพอก็จะสั่งไม่ฟ้อง ซึ่งขณะนี้ความผิดยังไม่ชัดเจนจึงไม่สามารถดำเนินคดีได้

ส่วนผลทางการแพทย์อยู่ระหว่างการตรวจสอบ พนักงานสอบสวนยังไม่ได้รับมาแต่ก็มีการติดตามผลอยู่เป็นระยะ หาก เณรแอ มีความประสงค์จะแจ้งความ ดำเนินคดีในฐานกรรโชกทรัพย์ ก็สามารถดำเนินการได้ โดยจะต้องแยกมาเป็นอีก 1 คดี ไม่เกี่ยวกับที่ผู้เสียหายแจ้งความ

ขณะที่ น.ส.นาเดีย ผู้เสียหายที่อ้างว่า ถูกเณรแอล่วงละเมิดทางเพศ เดินทางมา พร้อมกับทีมงานสายไหมต้องรอด เข้าให้ปากคำเพิ่มเติมกับพนักงานสอบสวน สน.ดอนเมือง เปิดเผยว่า ตนเองเป็นผู้ถูกกระทำ เณรแอล่วงละเมิดโดยไม่ยินยอมตั้งแต่ปี 2564 แต่ว่ารู้จักกันตั้งแต่ปี 2562 โดยมีการซื้อเกลือล้างอาถรรพ์ และตะกรุด ซึ่งช่วงนั้นเณรแอก็เริ่มสอดใส่อวัยวะเพศครั้งแรกแล้วแบบไม่ยินยอม

ส่วนที่มีการติดต่อพูดคุยกันต่อเนื่อง น.ส.นาเดีย ระบุว่าเป็นมีการพูดคุยกันจริง แต่เป็นความสัมพันธ์ระหว่างลูกศิษย์กับอาจารย์เท่านั้น ยอมรับว่า เณรแอมีการส่งเสียเลี้ยงดู แต่ไม่ใช่เงินจำนวนมากถึงหลักแสนตามที่ปรากฏในข่าว แม้ว่าในวันนี้ทางตัวเณรแอจะนำพยานหลักฐานมายืนยันกับตำรวจ แต่ตนเองก็ยังยืนยันว่า ในฐานะผู้เสียหายตนเองเป็นผู้ถูกกระทำ ถูกหลอกโดยไม่ยินยอม

ส่วนกรณีความเชื่อเรื่องพวกนี้ทั้งที่เรียนจบสูง ตนเองมองว่า ไม่เกี่ยวกับวุฒิภาวะหรือการศึกษา เป็นความเชื่ออย่างนึง สำหรับจุดแตกหักที่ออกมาเปิดเผยเรื่องนี้ทั้งที่เรื่องผ่านมานาน เนื่องจากว่าตนได้ขอให้เณรแอ ทำของใส่ข้างบ้านที่ชอบพูดโอ้อวด ซึ่งเณรแอก็รับปากว่าจะช่วย แต่สุดท้ายก็ทำไม่ได้จริงตามที่พูด จึงออกมาแฉเรื่องนี้ ถ้าหลังจากนี้เณรแอ จะฟ้องกลับในข้อหากรรโชกทรัพย์ ก็ยืนยันคำเดิมว่า ให้เงินในการช่วยเหลือฐานะลูกศิษย์กับอาจารย์เท่านั้น

ส่วนกรณีอ้างว่า สลิปโอนเงินที่ออกมาตามข่าวเป็นสลิปปลอม แล้วที่เณรแอ มีสเตทเมนต์การโอนเงินจากทางธนาคารว่า โอนเงินให้ ซึ่งน.ส.นาเดีย จริงนั้น ไม่ขอชี้แจงเรื่องนี้ ส่วนเรื่องนี้จะมีการไกล่เกลี่ยยอมความกันหรือไม่ ก็ต้องขอพูดคุยกับพนักงานสอบสวนก่อน




กำลังโหลดความคิดเห็น