“กัน จอมพลัง” พร้อมแม่ของเด็กหญิงวัย 12 ปี เข้าพบ ผกก.สน.บางนา ให้ช่วยติดตามตัวลูกสาว หลังหายออกจากบ้านไป 3 วัน ไม่สามารถติดต่อได้ หวั่นถูกล่อลวงไปล่วงละเมิด และได้รับอันตราย
วันนี้ (20 ต.ค.) ที่ สน.บางนา นายกัณฐัศว์ พงศ์ไพบูลย์เวชย์ หรือ กัน จอมพลัง พร้อมแม่ของเด็กหญิง อายุ 12 ปี นักเรียนชั้น ป.6 ของโรงเรียนแห่งหนึ่ง เดินทางเข้าพบ พ.ต.อ.สุรพงษ์ สุขแย้ม ผกก.สน.บางนา พนักงานสอบสวน พร้อมฝ่ายสืบสวน สน.บางนา เพื่อให้ช่วยติดตามลูกสาว หลังหายตัวไปไม่สามารถติดต่อได้ 3 วัน โดยเชื่อว่า ลูกสาวอาจถูกล่อลวงไปล่วงละเมิดหรือค้ามนุษย์ และเกรงว่าจะได้รับอันตราย
นายกัณฐัศว์ กล่าวว่า แม่ของเด็กได้เดินทางมาขอความช่วยเหลือกับตน โดยระบุว่า ลูกสาวอายุ 12 ปี ได้หายออกจากที่พักไปแล้ว 3 วัน ซึ่งทางแม่ได้เห็นแชตของลูกสาวคุยกับผู้ชายคนหนึ่ง มีการชักชวน และกดดันให้เด็กหญิงออกไปหา และจากการตรวจสอบกล้องวงจรปิด ก็เห็นภาพเด็กหญิงสะพายกระเป๋าเป้ นั่งซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์ของผู้ชายคนหนึ่งออกไป
จากการตรวจสอบของตนพร้อมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ พบว่า ชายที่พาเด็กออกไปนั้น คือ เจ้าของอพาร์ตเมนต์แห่งหนึ่งที่พักอาศัย และเชื่อว่า เด็กหญิงถูกผู้ชายที่คุยในแชตล่อลวง จากนั้นทำให้เด็กหลอกเจ้าของหอพัก ว่า ให้ไปส่งที่ขนส่งย่านเอกมัย เพื่อเดินทางไปหาญาติที่ต่างจังหวัด หลังจากนั้น ก็ติดต่อไม่ได้อีกเลย ทำให้แม่เป็นห่วงอย่างมาก เกรงว่า ลูกสาวจะไม่ปลอดภัย และใช้ชีวิตลำบาก
นายกัณฐัศว์ กล่าวอีกว่า เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา แม่ของผู้ชาย อายุ 20 ปี ที่ล่อลวงเด็กหญิงไปนั้น ได้ติดต่อกลับมา และบอกว่าไม่รู้เรื่องอะไร รวมถึงไม่อยากให้เป็นเรื่องราวใหญ่โต พร้อมขอไกล่เกลี่ยชดใช้เป็นเงินแทน ซึ่งทางผู้ปกครองของเด็กหญิงไม่อยากได้เงิน แต่อยากได้ลูกคืนเท่านั้น ซึ่งทางแม่ของผู้ชายที่ล่อลวงไป ยังพูดให้ชวนคิดอีกด้วยว่า ไม่รู้ว่าลูกหายไปไหน ซึ่งลูกชายก็ได้หนีออกจากบ้านไปพร้อมเด็กหญิง และพากันไปนอนโรงแรม ซึ่งตนเห็นว่า ในเมื่อแม่ไม่รู้ แต่ทำไมถึงบอกได้ว่า ลูกชายหนีไปอยู่โรงแรม ซึ่งย้อนแย้งอย่างมาก ตนจึงได้ประสานงานกับทาง รอง ผบช.น. ตำรวจ ดส. ตำรวจ สน.บางนา และเจ้าหน้าที่ พม.ให้เข้าช่วยเหลือแล้ว
ด้าน นางเอ (นามสมมติ) แม่ของเด็กที่หายตัวไป กล่าวด้วยเสียงสั่นเครือ ว่า หลังจากที่กลับมาที่พักก็ไม่พบลูกสาวแล้ว มีเพียงลูกชายอยู่ที่ห้อง รวมถึงลูกสาวก็ไม่เอาโทรศัพท์มือถือติดตัวไปด้วย จึงไม่สามารถติดต่อได้ทุกช่องทาง ทั้งโทรศัพท์ หรือเฟซบุ๊ก จึงรู้สึกเป็นห่วงอย่างมาก และเมื่อตรวจสอบกล้องวงจรปิด พบว่า มีคนพาลูกสาวออกไป คือ เจ้าของที่พัก และเมื่อได้พูดคุยก็ทราบว่า ลูกสาวได้แจ้งให้เจ้าของหอพักพาไปส่งที่ขนส่งเอกมัย เพื่อจะเดินทางไปหาญาติที่ จ.ระยอง ทางเจ้าของหอจึงได้เดินทางไปส่ง เมื่อช่วงเที่ยงของวันที่ 18 ต.ค.ที่ผ่านมา
ทั้งนี้ ตนรู้ว่า ลูกสาวมีการแชตคุยกับผู้ชายคนหนึ่งผ่านการเล่นเกมทางโซเชียล โดยรู้จักกันมานาน 3-4 เดือนแล้ว ตนเคยเห็นแชตที่ลูกสาวคุยกับผู้ชายคนนี้บ้าง และเคยขอดูรูปของผู้ชายคนนี้ ซึ่งเมื่อนำมาเปรียบเทียบกับทางรูปของตำรวจก็พบว่าเป็นคนละคนกัน ยิ่งสร้างความกังวลให้ตนเป็นอย่างมาก เพราะกลัวว่าลูกสาวจะถูกหลอกและไม่ปลอดภัย
นางเอ กล่าวอีกว่า ที่ผ่านมา ลูกสาวเรียนดีมาโดยตลอด และไม่เคยมีพฤติกรรมเช่นนี้ ตนก็ไม่เข้าใจว่าเกิดเหตุการณ์นี้ได้อย่างไร รวมถึงที่ผ่านมาทั้งสองคนก็ไม่เคยพบกันมาก่อน มีครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่ทั้งสองได้เจอกัน ตนขอยืนยันว่าจะดำเนินคดีจนถึงที่สุด และไม่ขอไกล่เกลี่ยเงินแต่อย่างใด ตนเป็นห่วงลูกสาวมาก และอยากได้ลูกสาวกลับคืนมาเท่านั้น
ด้าน พ.ต.อ.สุรพงษ์ กล่าวว่า คดีนี้เป็นคดีที่อยู่ในความสนใจของสังคม และเป็นคดีที่ต้องเร่งติดตามตัวเด็กให้เร็วที่สุดเพื่อความปลอดภัย อย่างไรก็ตาม หลังจากที่แม่เด็กได้เข้าแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ก็ได้มีการสอบปากคำเบื้องต้น พร้อมส่งให้ทางฝ่ายสืบสวน ขณะนี้เจ้าหน้าที่ทราบตัวผู้กระทำผิดแล้ว อยู่ระหว่างลงพื้นที่ติดตามตัว
ส่วน เจ้าของที่พักที่ระบุว่าถูกเด็กขอให้ไปส่งที่ขนส่งเอกมัยนั้น เจ้าหน้าที่ต้องสอบปากคำในฐานะพยาน แต่เชื่อว่า ไม่มีส่วนเกี่ยวของกับผู้ชายที่คุยแชทกับเด็ก ส่วนแม่ของผู้ชายที่ระบุว่าไม่รู้เห็นนั้น เจ้าหน้าที่ต้องสอบปากคำเช่นกันว่ามีส่วนรู้เห็นกับการกระทำความผิดหรือไม่ เบื้องต้นเจ้าหน้าที่เตรียมจะตั้งข้อหา พรากผู้เยาว์ กับทางผู้ก่อเหตุ และต้องพาตัวผู้เสียหายมาสอบปากคำร่วมกับสหวิชาชีพอย่างละเอียดอีกครั้ง