รายการ “ถอนหมุดข่าว” เผยแพร่ทางแอปพลิเคชั่น SONDHI APP สถานีโทรทัศน์ NEWS1 ช่องยูทูป NEWS1 และเฟซบุ๊กแฟนเพจ NEWS1 วันพุธที่ 18 ตุลาคม 2566 นำเสนอรายงานพิเศษ เปิดลับเจ้าสัวเปรมชัย ผู้หลงรักชีวิตกลางแจ้ง กางเต็นท์นอนในบ้าน
ทันทีที่นายเปรมชัย กรรณสูต อดีตผู้บริหารของบริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) และผู้ต้องคำพิพากษาในคดียิงเสือดำกลางป่าทุ่งใหญ่นเรศวร จังหวัดกาญจนบุรี เดินออกจากเรือนจำอำเภอทองผาภูมิ ถือว่าคดีเสือดำได้ถูกปิดฉากอย่างเป็นทางการ
คดีนี้จากจุดเริ่มต้นถึงจุดสิ้นสุดมีระยะเวลานานประมาร 6 ปีกันเลยทีเดียว โดยในปี 2561 นายเปรมชัย พร้อมพวกรวม 4 คน ถูกนายวิเชียร ชินวงษ์ หัวหน้าหน่วยเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร เข้าตรวจสอบจุดที่ตั้งแคมป์และพบซากสัตว์รวมถึงเสือดำ เมื่อเรื่องปรากฏต่อสาธารณชนทำให้หลายฝ่ายจับตาการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจอย่างเข้มข้นว่าจะทำงานแบบสองมาตรฐานหรือไม่
ในที่สุดแล้วตำรวจก็ทำคดีส่งให้อัยการและนำคดีขึ้นสู่ศาลได้ในที่สุด นายเปรมชัยสู้คดีถึงชั้นศาลฎีกา ภายหลังทั้งศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษาให้จำคุกโดยไม่รอลงอาญา ซึ่งถึงที่สุดแล้วเมื่อวันที่ 8 ธันวาคม 2564 ศาลฎีกาได้พิพากษาให้นายเปรมชัยจำคุกเป็นเวลา 2 ปี 14 เดือน โดยไม่รอลงอาญา เป็นผลให้ต้องใช้ชีวิตอยู่ในเรือนจำอำเภอทองผาภูมิทันที
ทว่าต่อมาได้มีการแก้ไขพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ.2535 แก้ไขเพิ่มเติมปี 2562 อันเป็นการยกเลิกมาตรา 55 ที่ว่าด้วยการซ่อนเร้น ช่วยจำหน่ายสัตว์ป่าคุ้มครอง มีผลให้นายเปรมชัยเดิมที่เคยถูกพิพากษาให้ลงโทษตามมาตรานี้เป็นเวลา 8 เดือน ได้รับการลดโทษทันที จึงเหลือจำคุก 2 ปี 6 เดือน
ถ้านับเวลากันจริงๆ นายเปรมชัยจะรับโทษครบตามคำพิพากษาในวันที่ 7 ธันวาคม แต่ที่ได้รับการลดโทษนั้นเนื่องจากเข้าเงื่อนไขตามที่กำหนดโดยคณะอนุกรรมเพื่อพิจารณาวินิจฉัยลดวันต้องโทษจำคุก คือ นายเปรมชัยเป็นผู้สูงอายุและมีปัญหาสุขภาพจากการเป็นโรคเบาหวานรุนแรงถึงขนาดเคยถูกคว้านเนื้อตายบริเวณข้อเท้า อย่างไรก็ตาม แม้นายเปรมชัยจะได้รับการอนุมัติให้ไม่ต้องสวมอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ติดตามตัว แต่ยังต้องถูกคุมประพฤติจนกว่าจะครบกำหนดโทษจริงในวันที่ 7 ธันวาคม ต่อไป
นับจากนี้ไปคงเป็นเรื่องยากที่นายเปรมชัยจะกลับไปมีไลฟ์สไตล์ตั้งแคมป์ในป่าอย่างที่โปรดปรานอีกครั้ง ความหลงไหลของนายเปรมชัยในเรื่องนี้มีมากถึงขนาดที่บ้านพักส่วนตัวเนื้อที่นับสิบไร่ในกรุงเทพมหานครใกล้กับบริษัท อิตาเลียนไทย ของตัวเองถูกปกคลุมไปด้วยต้นไม้ใหญ่ ประหนึ่งเป็นป่าใหญ่กลางเมือง
และเมื่อครั้งที่ตำรวจเข้าไปค้นบ้านพักหลังดังกล่าวพบว่านอกจากจะพบปืนยาว งาช้างแล้ว ยังพบว่ามีการกางเต้นท์ภายในบริเวณบ้าน แสดงให้เห็นว่าเป็นชอบเดินป่าเป็นอย่างมาก ส่วนตัวเจ้าสัวเปรมชัยยังมักจะชอบกางเต้นท์สนามนอนในคฤหาสน์หรูอีกด้วย
แต่เหนืออื่นใดจากคดีของนายเปรมชัยที่สิ้นสุดลงไปแล้วนั้นแสดงให้เห็นว่ายังมีนายทุนที่เคารพกฎหมายบ้านเมืองและเดินหน้าเข้าสู่กระบวนการพิสูจน์ตัวเองตามกระบวนการยุติธรรม โดยแม้ถึงที่สุดแล้วจะแพ้คดีแต่เดินเข้าเรือนจำโดยไม่มีข้อแม้ อภิสิทธิ์เดียวที่ได้รับ คือ การได้รับการดูแลจากแพทย์เพื่อรักษาโรคประจำตัวเท่านั้น ซึ่งก็ไปเป็นตามกติกาของกรมราชทัณฑ์
ด้วยเหตุนี้จึงไม่แปลกที่มีึรจำนวนไม่น้อยแสดงความชื่นชมนายเปรมชัย ว่าการยอมรับการตัดสินของกระบวนการยุติธรรมตั้งแต่นาทีแรกจนถึงนาทีสุถดท้ายทำให้นายเปรมชัยได้หัวใจคนไทย ต่างกับบางคนที่ได้รับคำสาปแช่ง
ดังนั้น จากคดีของนายเปรมชัย อาจทำให้หลายฝ่ายตั้งความหวังว่าอยากเห็นหน่วยงานที่เกี่ยวข้องออกมาชี้แจงกรณีของนักโทษบางคนอย่างเป็นทางการให้สังคมคลายความสงสัยเสียที
-------------------------------
**หมายเหตุ
ดาวโหลดแอป Sondhi App ได้แล้ว
ระบบ iOS ไปที่ AppStore : https://apps.apple.com/th/app/sondhi-app/id1588046647
ระบบ android ไปที่ Google Play : https://play.google.com/store/apps/details?id=com.sondhitalk.asia.android
สมัครสมาชิกได้แล้ววันนี้
รายเดือนเพียง เดือนละ 99 บาท
รายปี 990 บาท (10 เดือน แถม 2 เดือน )
ถ้ามีปัญหาการใช้งาน app หรือการสมัครสมาชิกใน app ติดต่อสอบถามได้ที่ Line id : @sondhitalk หรือ https://lin.ee/Skns1k1