ร้อง ปปป.สอบตำรวจสมุทรปราการบังคับเด็กติดยาเปิดบัญชีม้าให้เครือข่าย “มินนี่”

“อัจฉริยะ” ร้อง ปปป. ตรวจสอบตำรวจสมุทรปราการ บังคับเด็กติดยา เปิดบัญชีม้าให้เครือข่ายเว็บพนันออนไลน์ “มินนี่” แลกไม่ถูกดำเนินคดี

วันนี้ (2 ต.ค.) ที่ ศูนย์รับแจ้งความกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ เดินทางเข้าพบ พ.ต.ท.ชัยรัตน์ กิจงาม สว.(สอบสวน) กก.2.บก.ปปป. เพื่อยื่นหนังสือขอให้มีการตั้งคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำของตำรวจโรงพักแห่งหนึ่งใน จ.สมุทรปราการ บังคับผู้ต้องหาคดียาเสพติดเปิดบัญชีม้าให้เครือข่าย “มินนี่” ใช้ฟอกเงินพนันออนไลน์และยาเสพติด

นายอัจฉริยะ กล่าวว่า สืบเนื่องจากได้รับร้องเรียนจากญาติของ นายพุฒิพงษ์ และ นายครรชิต ผู้ต้องหาที่เป็นเจ้าของบัญชีม้าเว็บพนันออนไลน์เครือข่ายมินนี่ ว่า ก่อนหน้าที่จะถูกจับกุมในคดีเว็บพนันออนไลน์ ได้ถูกตำรวจโรงพักดังกล่าวตั้งด่านจับกุมดำเนินคดีเกี่ยวกับขับรถซิ่ง และ ยาเสพติด ตามลำดับ แต่ไม่มีเงินจ่ายค่าปรับหรือประกันตัว จึงถูกบังคับให้เปิดบัญชีม้าแลกกับการไม่ดำเนินคดี ก่อนจะได้รับปล่อยตัวออกมา จากนั้นบัญชีม้าดังกล่าวก็ถูกนำไปใช้ทำธุรกรรมทางการเงินให้กับเครือข่ายเว็บพนันออนไลน์ของมินนี่

นายอัจฉริยะ กล่าวต่อว่า ทั้ง 2 เคสนี้เป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่งเท่านั้น เพราะจากการตรวจสอบบัญชีม้า 150 บัญชี ของเครือข่ายมินนี่ พบว่า มีจำนวนอีก 48 บัญชี ที่มีความเกี่ยวข้องกับตำรวจโรงพักดังกล่าว ขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบให้แน่ชัดว่ามีที่ไปที่มาอย่างไร

“พฤติกรรมดังกล่าวถือเป็นเรื่องร้ายแรงที่ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ต้องเร่งจัดการ เพราะแม้แต่แก๊งคอลเซ็นเตอร์ ยังลงทุนจ้างคนมาเปิดบัญชีม้า แต่ในกรณีนี้เป็นถึงเจ้าหน้าที่ตำรวจ เป็นผู้บังคับใช้กฎหมาย กลับใช้อำนาจหน้าที่กระทำผิดเสียเองยิ่งกว่าโจร เท่าที่พอรู้ข้อมูลทราบว่าทำมานานนับปี มีตำรวจเกี่ยวข้องกว่าครึ่งโรงพัก” นายอัจฉริยะ กล่าว

นายอัจฉริยะ กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ ยังทราบว่า ที่ผ่านมา ตำรวจโรงพักดังกล่าวมีการจัดกำลังตั้งด่านวันละ 2 ผลัด โดยผลัดนึงจะมีเจ้าหน้าที่เข้าเวร 8 คน เงินที่ได้จากการตั้งด่าน จะมีการจ่ายต่อให้กับ รอง ผกก.ป. ผลัดละ 5,000 บาท วันนึงตก 1 หมื่นบาท หรือ 1 เดือน คิดเป็นเงินกว่า 3 แสนบาท และ ต้องจ่ายให้กับ ผกก.อีกเดือนละ 8 หมื่นบาท ยืนยันว่า ข้อมูลต่างๆ เหล่านี้ โดยเฉพาะเรื่องการบังคับเปิดบัญชีม้า ตนไม่ได้กล่าวหาลอยๆ มีพยานหลักค่อนข้างมาก เชื่อว่า หากตำรวจ บก.ปปป. มีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบจะมีพยานกล้าออกมาให้ข้อมูลอีกเป็นจำนวนมาก

นายอัจฉริยะ กล่าวอีกว่า การที่ตนออกมาเปิดโปงข้อมูลต่างๆ เหล่านี้ ยืนยันว่า ไม่ได้ตั้งตัวเป็นฝ่ายตรงข้ามกับใคร แต่เป็นการทำตามหน้าที่พลเมืองดี มีพยานหลักฐานแน่ชัด ไม่มีใบสั่งจากใครแน่นอน นอกจากนี้ ยังฝากไปถึงชาวเน็ตที่เข้ามาแสดงความคิดเห็นในเชิงด่าทอ ตนได้เก็บข้อมูลไว้หมดแล้ว หลังจบคดีนี้จะไล่ตามเช็กบิลทุกราย เตรียมเงินสด 1 แสน รอไว้ได้เลย ไม่รับกระเช้า ขอเป็นเงินสดเพียงเท่านั้น เพราะจะนำไปทำบุญ