รมว.ยุติธรรมนำแถลงตำรวจ 191 จับยาเสพติดล็อตใหญ่ พื้นที่ จ.นครปฐม ขณะที่ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ ระบุไม่ได้จัดฉากการจับกุม อาชญากรรมเกิดขึ้นได้ทุกเวลา และขอยังไม่ตอบเรื่องตำแหน่ง ผบ.ตร.
วันนี้ (28 ก.ย.) ที่ กองบังคับการสายตรวจและปฏิบัติการพิเศษ (บก.สปพ.) หรือ 191 พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม พร้อมด้วย พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล รอง ผบ.ตร. ว่าที่ ผบ.ตร. คนที่ 14 พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผู้ช่วย ผบ.ตร. พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น. พล.ต.ต.ภานพ วรธนัชชากุล ผบก.สปพ. พ.ต.อ.วสันต์ ธวัชชัยวิรุตษ์ ผกก.สายตรวจ และชุดจับกุม ร่วมกันแถลงข่าวกรณีกลางดึกวันที่ 27 ก.ย.ที่ผ่านมา กก.สายตรวจ บก.สปพ. 191 ไปตรวจค้นแหล่งพักยาเสพติด ในพื้นที่อำเภอเมือง จังหวัดนครปฐม
โดยสามารถตรวจยึดของกลาง ยาบ้า 15 ล้านเม็ด เฮโรอีน 443 แท่ง ไอซ์ 420 กิโลกรัม และยาเสพติดประเภทแฮปปี้วอเตอร์และยาไฟว์ไฟว์ อีกจำนวนมาก พร้อมจับกุมผู้ต้องหา 4 คน ที่มีพฤติกรรมลักลอบจำหน่ายยาเสพติด คือ นายชลิต เขียวพราย อายุ 39 ปี นายอภิชาติ เอกจีน อายุ 38 ปี นายจรัญ เขียวพราย อายุ 38 ปี และนายวัชระ เขียวพราย อายุ 36 ปี
พ.ต.อ.ทวี กล่าวว่า การจับกุมครั้งนี้ ถือเป็นผลงานครั้งสำคัญ เพราะจุดดังกล่าวถือเป็นแหล่งพักยาที่ใหญ่ที่สุดในช่วงนี้ และอยู่ใจกลางประเทศไทย อีกทั้งยังเป็นพื้นที่ชุมชน ซึ่งผู้ต้องหาที่ถูกจับก็พบประวัติการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดจำนวนมาก วันนี้ตนจึงอยากมาให้กำลังใจชุดจับกุม รวมถึงชื่นชม รอง ผบ.ตร. ที่มีความเป็นห่วงเยาวชน ที่เป็นผู้เสพยาเสพติดส่วนใหญ่ โดยการจับกุมครั้งนี้ ถือเป็นการสกัดยาเสพติดลอตใหญ่ ไม่ให้ออกไปแพร่ระบาด หลังจากนี้จะต้องไปดูในเรื่องข้อกฎหมายในส่วนอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องจะเพื่อให้สอดคล้อง ยกระดับการป้องกัน คุมเข้มพื้นที่ ตามกฎหมายสามารถประกาศเป็นพื้นทึ่สงครามยาเสพติด โดยยกระดับในภูมิภาค ซึ่งรัฐบาลประกาศ 1 ปี ปราบยาเสพติด แต่ตนได้สั่งการทาง ป.ป.ส. ว่า ภายใน 100 วันให้เห็นผล เราจะดำเนินการตามกฎหมาย ซึ่งกฎหมายที่มีอยู่แรงกว่าการตัดตอนเพราะเราจะยึดทรัพย์โครงข่ายทั้งหมด
พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจ 191 ได้สืบทราบว่ากลุ่มผู้ต้องหาทั้ง 4 คน มีพฤติกรรมลักลอบจำหน่ายยาเสพติด โดยใช้รถยนต์ตระเวนส่งยาเสพติดให้กับลูกค้าบริเวณถนนบรมราชชนนี และพื้นที่พุทธมณฑลสาย 5 จึงเฝ้าสืบสวนจนทราบว่า กลุ่มผู้ต้องหาได้เช่าบ้านไว้เป็นที่เก็บซุกซ่อนยาเสพติด ในพื้นที่ตำบลลำพญา อำเภอเมือง จังหวัดนครปฐม จนเมื่อสองวันก่อนพบมีการลำเลียงยาเสพติดจากแหล่งที่พักอื่น มาพักที่บ้านเลขที่ 20/15 ซอยลำพยา-บอสโก 2 ต.โพรงมะเดื่อ อ.เมือง จ.นครปฐม จึงได้แสดงตัวเข้าตรวจค้นและจับกุม
พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ กล่าวว่า สำหรับเครือข่ายนี้ ตำรวจ 191 ได้ติดตามจับกุมต่อเนื่องมา 4 คดี เป็นระยะเวลานานกว่า 2 ปีแล้ว โดยจุดที่เข้าไปตรวจค้นและจับกุมผู้ต้องหาเมื่อคืนนี้ เป็นจุดพักยาที่กลุ่มผู้ต้องหาได้มีการขนย้ายยาเสพติดจากเซฟเฮาส์หลายแห่งมารวมกัน เพื่อหลบหนีการตรวจค้นของเจ้าหน้าที่ตำรวจ เนื่องจากก่อนหน้านี้ ทางสภ.เมืองนครปฐม ได้ตั้งด่านอาชญากรรม มีการจับกุมผู้ต้องหา คือ นายวราวุธ อินคล้าย 36 ปี ในความผิด มีอาวุธปืนไว้ในความครอบครอง อีกทั้งยังเป็นผู้ต้องหาในข้อหาสมคบเพื่อการฟอกเงินของทาง บช.ปส. เมื่อกลุ่มผู้ต้องหาทราบ จึงเกิดความกลัว ขนย้ายยาเสพติดมารวมกันที่นี่ ทำให้สามารถตรวจยึดของกลางได้ปริมาณมาก และยังพบเฮโรอีน ซึ่งเป็นยาเสพติดที่ไม่ค่อยพบในประเทศไทย เนื่องจากมีต้นทุนสูง นอกจากนี้ ยังมียาเสพติดชนิดที่ผ่านการดัดแปลงมาแล้วเพื่อใช้สำหรับเสพในสถานบันเทิงด้วย เช่น แฮปปี้วอเตอร์ และไฟว์ไฟว์
พล.ต.ท.สำราญ กล่าวว่า ผู้ต้องหาทั้ง 4 รายได้ให้การรับสารภาพ และให้การเป็นประโยชน์ โดยให้ข้อมูลว่าได้ค่าจ้างในการขนยาบ้า 1.8 ล้านบาท เฉลี่ยอยู่ที่คนละ 4.5 แสนบาท ยังไม่รวมค่าจ้างขนเฮโรอีน ส่วนแฮปปี้วอเตอร์ ได้ค่าจ้างเป็นส่วนแบ่ง 10% จากยอดขาย
ซึ่ง ผบ.ตร. ได้เร่งสั่งการให้ขยายผลไปยังปลายทางต่อไป เบื้องต้นผู้ต้องหาให้การว่ามีการจำหน่ายยาเสพติดภายในประเทศให้กับกลุ่มผู้เสพ รวมไปถึงสถานบันเทิงในพื้นที่ด้วย ส่วนต้นทางของยาเสพติด พบว่ามาจากประเทศเพื่อนบ้านทางภาคเหนือ โดยเข้ามาทางช่องทางธรรมชาติ
ผู้สื่อข่าวสอบถามว่า เหตุใดการจับกุมยาเสพติดลอตใหญ่ครั้งนี้ จึงเกิดขึ้นหลังจากมีมติให้ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ เป็น ผบ.ตร. คนที่ 14 ทันที พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ กล่าวว่า การจับกุมในครั้งนี้ ไม่ใช่การจัดฉาก แต่อาชญากรรมสามารถเกิดขึ้นได้ทุกเวลา เมื่อมีโอกาสตำรวจมีหน้าที่ตัดโอกาสในการกระทำความผิดทันที คนร้ายไม่ได้มาบอกว่าจะขนยาวันไหน เมื่อคืนนี้ ผบช.น. โทรศัพท์มาแจ้งตนว่ามีเหตุเกิดขึ้น ตนได้โทรศัพท์ไปแจ้งกับ พล.ต.อ.ชินภัทร สารสิน รอง ผบ.ตร.ที่รับผิดชอบงานเกี่ยวกับยาเสพติด แต่ทาง พล.ต.อ.ชินภัทร ติดภารกิจ จึงมอบหมายให้ตนไปดูที่เกิดเหตุแทน
เมื่อถามว่า การจับกุมครั้งนี้เกิดขึ้นในพื้นที่จังหวัดนครปฐม ทำให้ถูกเชื่อมโยงไปถึงกรณีกำนันนก ว่าเกี่ยวข้องกันหรือไม่ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ กล่าวว่า อย่าไปโยงถึงกัน ใครทำคดีไหนก็ชัดเจน ต้องไปถามที่คนนั้น พร้อมย้ำว่าตนเองดูในเรื่องของงานป้องกันปราบปราม เรื่องยาเสพติดถือเป็นส่วนหนึ่งอยู่แล้ว โดยที่ผ่านมาตนเองได้ทำเรื่องชุมชนยั่งยืนมานานแล้ว คือเข้าไปแก้ไขปัญหายาเสพติดในชุมชน ไม่ได้เพิ่งมาทำตอนที่มีผลการคัดเลือก ผบ.ตร. และทาง 191 ก็ได้แกะรอยเคสนี้มานานกว่า 2 ปี
ผู้สื่อข่าวถามว่า ในการที่จะดำรงตำแหน่ง ผบ.ตร.จะเน้นนโยบายหลักเรื่องยาเสพติดใช่หรือไม่ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์กล่าวว่า เรื่องยาเสพติด เป็นนโยบายหลักที่รัฐบาลได้กำชับอยู่แล้ว นอกจากนี้ จะมีเรื่องการปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี หรือแก๊งคอลเซ็นเตอร์ รวมไปถึงเรื่องการท่องเที่ยว
เมื่อถามถึงนโยบายในการดำรงตำแหน่ง ผบ.ตร. พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ กล่าวว่า เรื่องตำแหน่งขอยังไม่ตอบ โดยยังไม่อยากพูด จนกว่าจะมีการโปรดเกล้าฯ พร้อมย้ำว่าตอนนี้ตนยังเป็นแค่ รอง ผบ.ตร.