ผบ.ตร.แถลงการเปิดรับคำร้องขอคุ้มครองสิทธิเพื่อเฉลี่ยทรัพย์คืนผู้เสียหายคดี Hybrid Scam พบแจ้งความแล้วกว่า 3,000 คดี มูลค่า 2,700 ล้านบาท
วันนี้ (18 ก.ย.) ที่กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) พล.ต.อ. ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. พร้อมด้วย พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล รองผบ.ตร พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท. พร้อมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมกันแถลง การเปิดรับคำร้องขอคุ้มครองสิทธิ์เพื่อเฉลี่ยทรัพย์คืนผู้เสียหายคดี Hybrid Scam จากสถิติการรับแจ้งความออนไลน์ ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2565 ถึงวันที่ 12 กันยายน 2566 มีคดีที่ได้รับแจ้งความแล้วกว่า 326,992 คดี มูลค่าความเสียหายกว่า 45,245 ล้านบาท โดยมีคดีที่เป็น Hybrid Scam (หลอกให้เชื่อใจ ไว้ใจ แล้วชักชวน) ทั้ง 3,280 คดีมีมูลค่า 2,700 ล้านบาท
พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กล่าวว่า คนร้ายใช้วิธีการชักชวนผู้เสียหายให้ลงทุนสกุลเงินดิจิทัสผ่านแพลตฟอร์มปลอม BCHGLOBALLTD.com จากนั้นให้ผู้เสียหายซื้อเงินสกุล USDT และโอนไปตามเลขกระเป๋าเงินดิจิทัลตามที่คนร้ายระบุ ก่อนที่จะถูกโอนเข้าบัญชีของแพลตฟอร์มสำหรับเทรดเงินดิจิทัล และยังพบว่า การกระทำความผิดดังกล่าวมีความเชื่อมโยงกับคดีอื่นอีกหลายพื้นที่จึงได้มีการประสานความร่วมมือกับ U.S. Homeland Security Investigations (U.S.HS) รวมถึงหน่วยงานต่างประเทศและภายในประเทศ กระทั่งได้ข้อมูลที่เชื่อมโยงไปสู่คนร้ายตัวจริงที่ใช้กระเป๋าเงินดิจิทัลดังกล่ว คือ นายชู (Mr Shaoxian Su) ชาวสัญชาติจีนกับพวก และยังพบเส้นทางการเงินเชื่อมโยงนอมินีนิติบุคคลสัญชาติไทยที่เชื่อว่าจดทะเบียนเพื่ออำพรางการทำธุรกรรมเข้าซื้ออสังหาริมทรัพย์ และทรัพย์สินต่างๆ เพื่อเปลี่ยนสภาพทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดซุกซ่อน หรือปกปิดแหล่งที่มาของทรัพย์สินนั้น
โดยภายใต้ปฏิบัติการ “Trust No One” EP.1-5 มีการตรวจคันกว่า 72 จุดทั่วประเทศ ผลการปฏิบัติสามารถจับกุมผู้ต้องหาสัญชาติจีน 3 ราย ตรวจยึดอายัดอสังหาริมทรัพย์คอนโดหมู่บ้านหรู รถยนด์ สินค้แบรนด์เนม เงินสด และของกลางอื่นอีกหลายรายการ รวมมูลค่ารวมกว่า 2,000 ล้านบาท ซึ่งในคดีนี้ได้ร่วมทำการสอบสวนกับพนักงานอัยการของสำนักงานอัยการสูงสุด และส่งสำนวนการสอบสวนพร้อมความเห็นไปยังอัยการสูงสุด และอัยการสูงสุดได้มีความเห็นสั่งฟ้องผู้ต้องหาทั้งหมดในความผิดฐาน “ร่วมกันมีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ร่วมกันฉ้อโกงประชาชนโดย แสดงตนเป็นคนอื่น โดยทุจริตหรือโดยหลอกลวง
ต่อมาสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินมีคำสั่งยึดและอายัดทรัพย์สินที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดไว้ชั่วคราว เบื้องต้นพบว่ามี 15 รายการ รวมมูลค่ากว่า 600 ล้านบาท และได้ลงประกาศสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน เรื่อง ให้ผู้เสียหายยื่นคำร้องขอคุ้มครองสิทธิจากการกระทำความผิดมูลฐาน คดี นายเชาเซียน ชู (Mr.Shaoxian Su) กับพวก มายื่นเอกสารเพื่อขอเฉลี่ยทรัพย์คืน
โดยมีขั้นตอนและวิธีการยื่นคำร้องขอคุ้มครองสิทธิสำหรับผู้เสียหาย ตั้งแต่วันที่ 15 กันยายน 2566 ถึงวันที่ 13 ธันวาคม 2566 เวลา 08.30-16.30 น. (ยกเว้นวันหยุดราชการและวันหยุดนักขัตฤกษ์)
ส่วนทรัพย์สินที่ถูกยึดอายัดไว้อีกหลายรายการ รวมมูลค่าประมาณ 1,300 ล้านบาท ขณะนี้สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) อยู่ระหว่างการรวบรวมหลักฐานออกคำสั่งยึดและอายัดทรัพย์สินที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดดังกล่าวเพื่อนำมาเฉลี่ยทรัพย์คืนให้กับผู้เสียหายต่อไป