xs
xsm
sm
md
lg

“กีกี้ แม็กซิม” กับพวก ก้มหน้า! เข้าเรือนจำ หลังศาลไม่ให้ประกัน ชี้ทำเป็นขบวนการ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม



ตร.กองปราบ ฝากขัง-ค้านประกัน แก๊งอาชญากรรมข้ามชาติ “Hybrid Scam” มีนางแบบดัง “กีกี้ แม็กซิม” ร่วมด้วย ศาลพิจารณาแล้วอนุญาตให้ฝากขัง โดยไม่ให้ประกัน จนท.ราชทัณฑ์ จึงคุมตัวนอนเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ

วันนี้ (1 ก.ย.) ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก พนักงานสอบสวนกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาญากรรมทางเทคโนโลยี นำตัว  น.ส.สุภาวินี เพ็ชร์เอี่ยม อายุ 32 ปี, น.ส.ภัสรา เหล่าเกษกรรม อายุ 26 ปี, นายณัฐฐินันท์ เภาชิต อายุ 30 ปี, น.ส.จักรีณา ชูขาวศรี หรือ กีกี้ แม็กซิม อายุ 28 ปี, น.ส.อัจฉรา เหล่าเกษกรรม อายุ 28 ปี, น.ส.ศิริวรรณ สุทธิวรรณา อายุ 29 ปี, น.ส.เบียน ฉี อายุ 40 ปี สัญชาติจีน, น.ส.สุมาลี แซ่พุ่ง อายุ 34 ปี 8 คน เป็นผู้ต้องหาที่ 1-8 ตามลำดับ มาฝากขังครั้งแรก

พฤติการณ์ระบุว่า เมื่อประมาณเดือน เม.ย. 2565 ผู้กล่าวหาได้รับข้อความทักจากผู้ต้องหากับพวก โดยใช้บัญชีเฟซบุ๊กที่ชื่อว่า “เพชรไพริน อมาตยกุล” และมีการส่งข้อความมาพูดคุย โดยมีการแสดงตนเพื่อให้เข้าใจว่า คือ น.ส.เพชรไพริน อมาตยกุล โดยมีการเรียกแทนตัวเองว่า “ริน” และมีการส่งข้อความมาพูดคุยและชักชวนให้ลงทุนผ่านแอปพลิเคชัน “Cboe Global Markets” เป็นเหตุให้หลงเชื่อจึงได้ทำตาม ขั้นตอนและโอนเงินไปลงทุนดังกล่าวจำนวน 15 ครั้ง รวมเป็นเงินจำนวนทั้งสิ้น 12,900,000 บาท 

ต่อมาจากการสืบสวนสอบสวนพบว่ากลุ่มของผู้ต้องหาได้มีการร่วมกันกระทำความผิดในลักษณะแบ่งหน้าที่กันทำ คือ ผู้ต้องหาที่ 1-5 และผู้ต้องหาที่ 8 มีหน้าที่ในการสมัครเปิดบัญชีกระเป๋าสินทรัพย์ดิจิทัลต่างๆ เพื่อรับโอนเงินสกุล USDT และมีหน้าที่สมัครเปิดบัญชี ธนาคารพาณิชย์ต่างๆ เพื่อรับโอนเงินที่ผู้กล่าวหาถูกหลอกลวงให้โอนไปให้ หลังจากนั้น ผู้ต้องหากับพวก มีการใช้บัญชีกระเป๋าดิจิทัลต่างๆ มีการโอนเหรียญสกุล USDT ต่อกันไปเป็นทอดๆ เพื่อซุกซ่อนหรือปกปิดแหล่งที่มาของทรัพย์สินหรือเพื่อ ช่วยเหลือผู้อื่นไม่ว่าก่อน ขณะหรือหลังการกระทำความผิด และมีการนำเหรียญสกุล USDT มาแลกเปลี่ยนเป็นเงินสกุลบาท เพื่อมีการโอนเงินบาทเข้าบัญชีธนาคารพาณิชย์ในประเทศไทย และเงินสกุลกับของประเทศลาว เพื่อโอนเงินสกุลกีบเข้าบัญชี ธนาคารพาณิชย์ของประเทศลาว


โดยพบว่า MR.Xu Qi (สัญชาติจีน) เป็นผู้รับผลประโยชน์โดยเป็นผู้รวบรวมเงินตามเส้นทางการเงินที่ผู้กล่าวหา ถูกหลอกลวงให้โอนเงินไปให้ หลังจากนั้น MR.Xu Qi (สัญชาติจีน) ได้มีการโอนเงินจากบัญชีธนาคารกสิกรไทย ชื่อบัญชี MR.Xu Qi โอนเงินต่อไปที่บัญชีธนาคารกสิกรไทย ชื่อบัญชี บมจ.แห่งหนึ่ง จำนวน 2,000,000 บาท เมื่อวันที่ 7 มิ.ย. เมื่อตรวจสอบข้อมูลจาก บริษัท ซาฮีร่า จํากัด โดยมีกรรมการผู้มีอำนาจลงนามในขณะนั้น คือ น.ส.ศิริวรรณ สุทธิวรรณา ผู้ต้องหาที่ 6 พบว่า มีการลงนามในการซื้อขายบ้านหลังดังกล่าว ซึ่งทำให้ บริษัท ซาฮีร่า จำกัด เป็นผู้รับผลประโยชน์ดังกล่าวและรับโอนกรรมสิทธิ์ในบ้านและมีการจดทะเบียนบริษัท ในใบอนุญาตวิชาชีพบัญชี ในนามของ บริษัท ฮานติ้ง เฟริร์ม (ประเทศไทย) จำกัด
โดย น.ส.เบียน ฉี ( MISS BIAN OI) ผู้ต้องหาที่ 7 ซึ่งมีเจตนาจัดตั้งบริษัท เพื่อโอน รับโอน หรือเปลี่ยนแปลงสภาพทรัพย์สิน ที่เกี่ยวกับการกระทำความผิด เพื่อซุกซ่อนหรือปกปิดแหล่งที่มาของทรัพย์สิน หรือเพื่อช่วยเหลือผู้อื่นไม่ว่าก่อน ขณะหรือ หลังการกระทำความผิด พนักงานสอบสวนจึงได้รวบรวมพยานหลักฐานขออำนาจศาลอาญาอนุมัติหมายจับ

พนักงานสอบสวนแจ้งข้อกล่าวหา การกระทำของผู้ต้องหาที่ 1-5, 8 เป็นความผิดฐาน “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชนโดยการแสดงตนเป็นคนอื่น, ร่วมกันโดยทุจริต หรือโดยหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่ง ข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือน หรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนหรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิด ความเสียหายแก่ประชาชน, ร่วมกันมีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ, สมคบกันโดยการตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไป เพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงินและได้มีการกระทำความผิดฐานฟอกเงินเพราะเหตุที่ได้มีการสมคบกันและร่วมกันฟอกเงิน” อันเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 341 ,342 ,343,พร.บ.คอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 มาตรา 14(1) (ฉบับแก้ไข พ.ศ.2560) พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการมีส่วนร่วมในองค์กร อาชญากรรมข้ามชาติ พ.ศ.2556 มาตรา 5 ,25 พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 มาตรา 3(3) มาตรา 5, 6, 9, 60

การกระทำของผู้ต้องหาที่ 6 เป็นความผิดฐาน “ร่วมกันมีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ, สมคบกันโดย การตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไป เพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงินและได้มีการกระทำความผิดฐานฟอกเงินเพราะเหตุที่ได้มี การสมคบกันและร่วมกันฟอกเงิน” อันเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, พ.ร.บ. ป้องกันและ ปราบปรามการมีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ พ.ศ.2556 มาตรา5,25 พ.ร.บ.ป้องกันและ ปราบปรามการฟองเงิน พ.ศ. 2542 มาตรา 3(3) มาตรา 5, 6, 9, 60, 61

การกระทำของผู้ต้องหาที่ 7 เป็นความผิดฐาน “ร่วมกันมีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ, สมคบกันโดย การตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไป เพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงินและได้มีการกระทำความผิดฐานฟอกเงินเพราะเหตุที่ได้มี การสมคบกัน และร่วมกันฟอกเงิน และร่วมกันสนับสนุนการกระทำความผิด หรือช่วยเหลือผู้กระทำความผิด ก่อนหรือขณะ กระทำความผิด หรือกระทำการใดๆ เพื่อให้ได้รับประโยชน์ในการกระทำความผิดฐานฟอกเงินอันเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, พ.ร.บ. ป้องกันและ ปราบปรามการมีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ พ.ศ.2556 มาตรา5,25 พ.ร.บ.ป้องกันและ ปราบปรามการฟองเงิน พ.ศ. 2542 มาตรา 3(3) มาตรา 5, 6, 7, 9, 60, 61

ในชั้นสอบสวน ผู้ต้องหาที่ 1-8 ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา

พนักงานสอบสวน ยังสอบสวนไม่เสร็จสิ้นเนื่องจากต้องสอบสวนพยานอีก 30 ปากรอผลตรวจลายพิมพ์นิ้วมือและประวัติการต้องโทษของผู้ต้องหาที่ 1-8 จึงขอฝากขังผู้ต้องหาทั้งหมดเป็นเวลา 12 วันตั้งแต่วันที่ 1-12 ก.ย. 2566

ท้ายคำร้อง พนักงานสอบสวนคัดค้านการประกันผู้ต้องหาที่ 1-8 ระบุว่า เนื่องจากคดีมีอัตราโทษสูงและเป็นคดีเกิดนอกราชอาณาจักร หากผู้ต้องหาได้รับการปล่อยตัว เกรงว่า จะหลบหนีและยากแก่การติดตามตัวมาดำเนินคดีในภายหลัง

ภายหลังญาติและทนายความได้ยื่นคำร้องพร้อมหลักทรัพย์ของผู้ต้องหา 7 คน ขอปล่อยชั่วคราวยกเว้น น.ส.จักรีณา ชูขาวศรี หรือ “กีกี้ แม็กซิม” ที่ไม่ยื่นขอประกันตัว

ศาลพิเคราะห์ความหนักเบาแห่งข้อหา และพฤติการณ์แห่งคดีแล้วเห็นว่า ผู้ต้องหากระทำเป็นขบวนการ พฤติการณ์เป็นเรื่องร้ายแรง มูลค่าความเสียหายจำนวนมาก ประกอบกับพนักงานสอบสวนคัดค้านการประกันหากปล่อยชั่วคราวเกรงว่าผู้ต้องหาจะหลบหนี ในชั้นนี้จึงไม่อนุญาตปล่อยชั่วคราว ยกคำร้อง

ต่อมาเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ ได้นำตัวผู้ต้องหาทั้งหมดไปคุมขังไว้ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ และทัณฑสถานหญิงกลาง
กำลังโหลดความคิดเห็น