"กัน จอมพลัง" พาอดีตวงไอดอลสาวสไตล์ญี่ปุ่น เข้าพบ ผกก.สน.สุทธิสาร แจ้งความถูกช่างภาพตั้งกล้องแอบถ่าย ตอนเปลี่ยนเสื้อผ้าในห้องน้ำที่ใช้เป็นห้องแต่งตัว
วันนี้ (15 ก.ย.) ที่ สน.สุทธิสาร นายกัณฐัศว์ พงศ์ไพบูลย์เวชย์ หรือ กัน จอมพลัง พานางแบบและนักร้องเกิร์ลกรุ๊ป 4 คน หลังประสาน พ.ต.อ.สุรศักดิ์ ลาวัณย์วิสุทธิ์ ผกก.สน.สุทธิสาร เพื่อแจ้งความดำเนินคดีหลังถูกช่างภาพตั้งกล้องแอบถ่ายผู้หญิงตอนเปลี่ยนเสื้อผ้า โดยวันนี้เดินทางมาพูดคุยกับคู่กรณี
น.ส.เอ (นามสมมุติ) อายุ 26 ปี ผู้เสียหาย อดีตสมาชิกวงไอดอลสไตล์ญี่ปุ่น ปัจจุบันเป็นอินฟลูเอนเซอร์ กล่าวว่า เหตุเมื่อวันที่ 19 ส.ค.ที่ผ่านมา เวลาประมาณ 15.00 น. ที่สตูดิโอถ่ายภาพแห่งหนึ่ง ย่านสุทธิสาร ตนต้องการถ่ายภาพเพื่อเป็นที่ระลึกให้แฟนคลับในงานแฟนมีตติ้ง ซึ่งตนรู้จักกับช่างภาพดังกล่าว เนื่องจากอดีตวงของตนเคยว่าจ้างเป็นช่างภาพฟรีแลนซ์ประจำ ด้วยความสนิทและเชื่อใจจึงติดต่อให้มาถ่ายภาพให้ โดยระหว่างการถ่ายภาพนั้น จะต้องเปลี่ยนเสื้อผ้า เลยเข้าไปในห้องน้ำ จากนั้นตนสังเกตนาฬิกาดิจิทัลตั้งอยู่ รู้สึกเอะใจว่าไม่ควรมาอยู่ในห้องน้ำ ห้องแต่งตัวเช่นนี้
จากนั้นตนเลยใช้ไฟฉายส่องดูก็พบว่ามีกล้องซ่อนอยู่ ประกอบกับมุมที่ตั้งนั้นก็หันไปทางที่นางแบบต้องเปลี่ยนเสื้อผ้าพอดี จากนั้นในช่วงที่ตนเข้าไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเพื่อที่จะกลับ ก็สังเกตอีกว่าทำไมนาฬิกาเดินไม่ตรงกับเวลาจริง ด้วยความตกใจตนเลยตะโกนบอกช่างภาพดังกล่าวว่าเจอกล้องในห้องแต่งตัว และตนรู้สึกไม่สบายใจ ตนเลยนำกล้องดังกล่าวออกมาจากห้องน้ำ และมาวางในจุดที่มีกล้องวงจรปิดจับภาพได้
พร้อมกับบอกช่างภาพว่า ช่วยแกะมันออกมาหน่อย แต่ช่างภาพก็ปฏิเสธ ก่อนถามกลับว่า มันมีด้วยเหรอ กล้องในห้องน้ำ จากนั้นก็แกะให้ แต่แกะเฉพาะตรงที่เป็นถ่าน ก่อนอ้างว่านาฬิกาดังกล่าวเป็นของเจ้าของสตูดิโอ ต่อมาช่างภาพก็อ้างว่าได้ถามเจ้าของสตูดิโอแล้วบอกว่า มันคือเครื่องวัดอุณหภูมิ แต่ตนก็แปลกใจตรงที่ว่าเครื่องวัดอุณหภูมิอะไร ทำไม่มีหน่วยองศาเซลเซียสขึ้นมาเลย และมันไม่ควรมาอยู่ในห้องน้ำเช่นนี้
ผู้เสียหาย กล่าวต่อว่า คู่กรณีไม่มีท่าทีตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแม้แต่น้อย พร้อมบอกกับตนว่าไม่เป็นไร พี่จะขอเก็บไว้เป็นของกลาง และจะไปแงะดูที่บ้านว่ามีกล้องจริงมั้ย ก่อนที่ต่อมาตนได้ไปเสิร์ชดูก็พบนาฬิกาแบบเดียวกัน และพบว่ามันเป็นกล้องวงจรปิด ไม่ใช่นาฬิกา ซึ่งสามารถควบคุมด้วยโทรศัพท์ได้
ส่วนในวันนี้ที่ตนต้องมาพูดคุยกับคู่กรณี และจะเอาเรื่องนั้นก็เพราะว่าก่อนหน้านี้มีเพจออกมาเตือนมามีช่างภาพรายหนึ่งพยายามซ่อนกล้องในห้องแต่งตัว ซึ่งเป็นลักษณะนาฬิกา ประกอบกับมีแฟนคลับตนทักมาหลายคนว่า ช่างภาพรายนี้เคยมีข่าวแอบถ่าย และพบว่ากล้องนั้นเป็นตัวเดียวกันเลย ก่อนจะพบว่าขณะนี้มีผู้เสียหายที่ถูกกระทำลักษณะเดียวกัน 3-4 คนแล้ว โดยไปถ่ายที่สตูดิโอเดียวกัน ช่างภาพคนเดียวกัน พบกล้องเหมือนกัน มุมเดียวกัน
รวมถึงตนได้ขอภาพกล้องวงจรปิดจากสตูดิโอเพื่อให้พิสูจน์ความบริสุทธิ์ใจ และพบว่าช่างภาพคนดังกล่าวเป็นคนนำกล้องไปตั้งในห้องแต่งตัว นำกล้องออกมา และหลังเกิดเหตุก็พยายามจะเปลี่ยนเมมโมรีการ์ดของกล้อง ตนจึงมั่นใจว่าช่างภาพนายดังกล่าวเป็นคนกระทำอย่างแน่นอน ส่วนตอนนี้ไม่ทราบว่ากล้องอยู่ที่ไหน
ทั้งนี้หลังเกิดเหตุอดีตต้นสังกัดตนได้โทรศัพท์ไปสอบถามคู่กรณี แต่คู่กรณีให้การปฏิเสธ และตนได้ลงบันทึกประจำวันไว้แล้ว เมื่อตอนสัปดาห์ผ่านมา และยืนยันว่าจะดำเนินคดีให้ถึงที่สุดแน่นอน
ส่วนกรณีที่เจ้าของสตูดิโอจะเอาผิดช่างภาพดังกล่าวเนื่องจากทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียงหรือไม่นั้น กล่าวว่า ตนทราบมาว่าทางเจ้าของสตูดิโอได้มาลงบันทึกประจำวันไว้แล้ว และคาดว่าคงจะไม่ยอมเช่นกัน