รอง ผบ.ตร. เข้าพบผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน ประสานงานตรวจสอบข้อมูลโครงการต่างของ "กำนันนก" ฮั้วประมูล
วันนี้ (14 ก.ย.) พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. เดินทางไปที่สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) เข้าพบนายประจักษ์ บุญยัง ผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน เพื่อหารือเกี่ยวกับเรื่องการฮั้วประมูลโครงการต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับ นายประวีณ จันทร์คล้าย หรือกำนันนก อดีตกำนัน ต.ตาก้อง จ.นครปฐม
พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ เปิดเผยว่า ได้มาประสานงานกับ สตง.ในเรื่องของการตรวจสอบการประมูลต่างๆ ของนายประวีณ ตั้งแต่ช่วงเช้าแล้ว ในการตรวจสอบในเรื่องเหล่านี้นั้นต้องอาศัยข้อมูลต่างๆ ในหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเช่น กรมสรรพากร กรมบัญชีกลาง และ สตง.เป็นต้น ทางตำรวจจะดำเนินการเองทั้งหมดไม่ได้ วันนี้ได้มีการตั้งคณะการทำงานร่วมกัน ได้เเก่ กรมสรรพากร กรมบัญชีกลางและสำงานการตรวจเงินแผ่นดิน เพื่อที่จะสามารถไล่เรียงได้ว่าส่วนไหนถูกส่วนไหนผิดและใน เรื่องของเส้นทางการเงิน สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) และคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.)จะต้องอาศัยจากทุกภาคส่วน ว่ามีเงินถูกต้องและทรัพย์สินถูกต้องหรือไม่อย่างไร ส่วนวันนี้ที่เดินทางมา สตง. เพื่อมาดูข้อมูลการประมูลงานโครงการของรัฐทั้งหมด
ในส่วนของเรื่องเซิฟเวอร์กล้องวงจรปิดนั้น ทางตำรวจได้รับมาจากสำนักงานนิติวิทยาศาสตร์เมื่อช่วงเช้านี้ และได้นำไปตรวจสอบที่ตำรวจภูธรภาค 7 เพื่อที่จะนำไปวิเคราะห์ข้อมูลทั้งหมดรวมกัน ทั้งพนักงานสืบสวนพนักงานสอบสวน พล.ต.อ.สุรเชษฐ์กล่าวว่า กล้องวงจรปิดทั้งหมดที่จับภาพเหตุการณ์ได้นั้นมี 15 ตัว ตอนนี้ทางตำรวจสามารถกู้ได้ 100% แล้ว 13 ตัว เหลืออีกสองตัว จะทราบในพรุ่งนี้ (15 ก.ย.) ว่าสามารถกู้ได้หรือไม่ แต่ภาพใหญ่กว่านี้นั้นสามารถกูได้ทั้งหมดแล้ว 13 ตัวและ ต้นจะแถลงให้ทราบในช่วงค่ำนี้เวลาประมาณ 20.00น. ส่วนกล้องอีก 2 ตัวที่ยังไม่สามารถกู้ได้นั้น ทางตำรวจได้เร่งในการทำงานมากเเล้วมันจำเป็นที่จะต้องใช้เวลาการที่ ได้มา 13 ตัวภายในสองวันถือว่าเร็วมากแล้ว
ส่วนกรณีทราบหรือไม่ว่าหนึ่งในโครงการของกำนันนกที่ได้รับคัดเลือกมีโครงการของสำนักงานตำรวจแห่งชาติร่วมอยู่ด้วย พล.ต.อ.สุรเชษฐ์กล่าวว่า เรื่องนี้ตนไม่ทราบ แต่ไม่ว่าหน่วยงานไหนที่มีการฮั้วประมูล หรือหลีกเลี่ยงภาษี ก็ถือว่ามีความผิด ก็ต้องใช้มาตราฐานเดียวกัน ต้องไม่เลือกปฏิบัติ
ต่อมาพล.ต.อ. สุรเชษฐ์ให้สัมภาษณ์หลังหารือกับนายประจักษ์ ว่า ผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดินนั้นได้สั่งการ ส่วนของเจ้าหน้าที่เกี่ยวข้องทั้งหมดแล้ว และ จะมีการตั้งคณะกรรมการทำงานร่วมกัน และจะมีการประชุมอีกครั้งในวันที่ 19 ก.ย.นี้ จะประกอบไปด้วย กรมสรรพากร กรมบัญชีกลาง ปปช. ป.ป.ท. และ กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) ที่ตำรวจภูธรภาค7 เวลา 10.00 น.เพื่อนำข้อมูลจากแต่ละหน่วยงานมาบูรณาการร่วมกันและตรวจสอบการกระทำความผิดฮั้วประมูล
โดยในระหว่างนี้ ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะดำเนินการตรวจสอบข้อมูลจากทางข้างไปพลางก่อน ก่อนที่ในวันที่ 19 ก.ย.นี้ จะดำเนินการประชุมเพื่อแบ่งหน้าที่กันว่าหน่วยงานไหนจะตรวจสอบแต่ละโครงการในประเด็นใดบ้าง หลัก ๆ จะเป็นในเรื่องของการประมูลโดยไม่ถูกกฎหมาย การเลี่ยงภาษี เงินที่ไม่ถูกกฎหมายและเส้นทางการเงิน รวมทั้งตรวจสอบข้อมูลสารบบของกรมบัญชีกลาง ซึ่งจะต้องตรวจสอบรายละเอียดโครงการในบริษัทของกำนันนกทั้ง 1,544 โครงการให้ครบ
ส่วนประเด็นที่ว่า จะมีเจ้าหน้าที่รัฐมามีส่วนเกี่ยวข้องกับการฮั้วประมูลหรือไม่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวว่าก็ต้องตรวจสอบในเรื่องนี้เช่นเดียวกัน ซึ่งถ้าหากว่าพบมีเจ้าหน้าที่รัฐมีส่วนเกี่ยวข้องกับการหัวประมูลก็จะดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
ตอนนี้ยังไม่มีผู้มีอิทธิพลหรือผู้มีอำนาจคนไหนมาร้องขอหรือขัดขวางทำให้เกิดอุปสรรคในเรื่องการตรวจสอบการฮั้วประมูล อีกทั้งผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดินก็ไม่มีข้อกังวลใด ๆ และได้ดำเนินการเตรียมทีมงานของสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน เพื่อดำเนินการตรวจสอบการหัวประมูลครั้งนี้โดยเฉพาะแล้ว
ส่วนประเด็นที่ทาง DSI แถลงเมื่อวานนี้ว่า ยังไม่เคยพบการร้องเรียนเรื่องการฮั้วประมูลของบริษัทกำนันนกมาก่อนนั้น พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ มองว่า สาเหตุมาจากไม่มีใครกล้าร้องเรียน แต่ถ้าหากว่าเรื่องนี้ถูกตรวจสอบอย่างจริงจัง เชื่อว่าบรรดาผู้ที่เสียผลประโยชน์หรือเคยถูกข่มขู่ ก็จะออกมาเป็นพยานให้ข้อมูลแน่นอน