รอง ผบ.ตร.เผย หลังสอบปากคำแม่บ้าน ยอมรับสารภาพ“กำนันนก” เป็นคนสั่งทำลายพยานหลักฐาน แกะกล้องวงจรปิด ล้างคราบเลือด เก็บปลอกกระสุนไปทำลาย
วันนี้ (8 ก.ย.) พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. กล่าวถึงความคืบหน้ากรณีคนร้ายอุกอาจยิง พ.ต.ต.ศิวกร สายบัว สว.ส.ทล.1 กก.2 บก.ทล. เสียชีวิต เหตุเกิดในพื้นที่ ต.ตาก้อง อ.เมือง จ.นครปฐม ว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบและตำรวจพื้นที่ได้ไล่ข้อมูลสืบสวน จนกระทั่งพบว่า นายธนัญชัย อายุ 45 ปี หรือ หน่อง ท่าผา ผู้ต้องหาอยู่ในพื้นที่จังหวัดกาญจนบุรี จึงได้เข้าล้อมตรวจค้นในช่วงเช้าที่ผ่านมา จนเกิดเหตุยิงต่อสู้ ตำรวจจำเป็นต้องใช้อาวุธจึงเกิดการวิสามัญ จากการตรวจสอบหัวกระสุนพบว่า เป็นปืนกระบอกเดียวกันที่ก่อเหตุยิงสารวัตรทางหลวง
พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ เปิดเผยอีกว่า ในส่วนของ นายประวีณ จันทร์คล้าย หรือ กำนันนก รู้อยู่แล้วว่ายังไงกำนันนกต้องให้การปฏิเสธ จึงไม่อนุญาตให้ประกันตัว โดยตำรวจแจ้งข้อกล่าวหาจ้างวานฆ่า แต่ได้สั่งให้สอบประเด็นร่วมกันฆ่าเพิ่มเติม เพราะหลังจากสอบปากคำแม่บ้าน พบว่า กำนันนกเป็นคนสั่งให้ทำลายพยานหลักฐาน ทั้งแกะกล้องวงจรปิด ล้างคาบเลือด เก็บปลอกกระสุนไปทำลาย อย่างไรก็ตาม หากศาลยังไม่พิพากษาถึงที่สุด ตามกฎหมายไทยก็ยังถือเป็นผู้บริสุทธิ์ ในส่วนของตำรวจจึงต้องรวบรวมพยานหลักฐานให้ดี เพราะกำนันนกเป็นคนมีอิทธิพลในพื้นที่ สนิทกับข้าราชการหลายส่วน วันนี้จึงต้องย้ายเรื่องมาที่กองปราบปราม กำนันนกจะได้ไม่ต้องไปวิ่งเต้นใครได้ เพราะเขตอำนาจจะย้ายมาอยู่ที่ศาลอาญารัชดา ไม่ใช่ศาลจังหวัดนครปฐม
ในส่วนของตำรวจทั้ง 21 นาย เมื่อวันที่ 7 ก.ย.ที่ผ่านมา สั่งสอบรายละเอียดทั้งหมดว่าเข้าข่ายความผิดฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 หรือไม่ หากเข้าข่ายก็ต้องดำเนินคดีอาญา เพราะคนที่อยู่ในงานมีผู้กำกับถึง 3 คน และมีผู้กำกับสืบสวนจังหวัดซึ่งเป็นผู้รับผิดชอบพื้นที่ ยังปล่อยให้มีการทำลายพยานหลักฐาน การมีผู้อิทธิพลแบบนี้ต้องเกิดจากผู้กำกับในพื้นที่หย่อนยาน หากผู้กำกับในพื้นที่เข้มแข็งเรื่องแบบนี้ต้องไม่เกิด อีกทั้งเบื้องต้นทราบว่ากลุ่มเจ้าหน้าที่ตำรวจไปกินอาหารกับกำนันนกเป็นประจำทุกเดือน เพราะกำนันนกรู้จักตำรวจทางหลวงเยอะ เนื่องจากทำธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง การเรียกตำรวจไปเลี้ยงก็เพื่อเสริมบารมีตัวเอง กินกันจนกระทั่งหมดความเกรงใจ จึงเกิดเหตุการณ์แบบนี้
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้คดีแยกออกเป็น 3 ส่วน ส่วนที่ 1 คดีหลักจะเป็นความรับผิดชอบของกองปราบ ผู้รับผิดชอบคือ พล.ต.ท. จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ส่วนคดีวิสามัญจะเป็นในส่วนของตำรวจภูธรท้องที่รับผิดชอบ และประเด็นตำรวจละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ 157 จะเป็น สภ.เมืองนครปฐม รับผิดชอบ โดย 2 ประเด็นหลัง ตนจะเป็นผู้รับผิดชอบกำกับดูแลด้วยตัวเอง